ตอนที่ 207 พรีเซนเตอร์สัญญาผูกขาดเพียงแบรนด์เดียวของจือชิ่น
แต่ทว่า ยังไม่ทันที่ทุกคนจะได้พยักหน้าตอบรับจนครบ จู่ๆ โทรทัศน์ในห้องรับแขกก็มีภาพของรายงานข่าวสดปรากฎขึ้นบนหน้าจอ
ทุกคนหันไปมอง เจียงหรงหรงขมวดคิ้วมุ่นก่อนใคร “นี่มัน…เจ้าพ่อจอเงินคนใหม่ใช่หรือเปล่า ย่าจำได้ว่าละครเรื่องใหม่ของเธอ เขาเล่นด้วยใช่ไหม”
เฉินเชียนโหรวพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ใช่ค่ะ ตอนนี้เขาเป็นที่นิยมมาก ได้ข่าวมาว่าเขาขี้เหวี่ยงเอามากๆ ก็เลยไม่มีใครกล้าพูดกับเขา แต่ว่าปีที่แล้วตอนหนูไปต่างประเทศก็มีโอกาสได้รู้จักกับเขาอยู่เหมือนกัน เคยคุยกันบ้างสองสามประโยค…”
เจียงหรงหรงพยักหน้า “อืม ในเมื่อเขากำลังเป็นที่นิยม เธอก็ทำความรู้จักกับเขาไว้ให้ดีแล้วกัน…”
เฉินเชียนโหรวพยักหน้าด้วยท่าทางเชื่อฟัง “หนูทราบ…”
ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจนจบ ก็ดันเหลือบไปเห็นพาดหัวข่าวในโทรทัศน์ที่อยู่ตรงแถบล่างของหน้าจอเสียก่อน รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอถึงกับค้างแข็งในทันที
[เจ้าพ่อจอเงิน ฉู่อี้ ผลงานแรกหลังจากกลับเข้าประเทศ ร่วมเซ็นสัญญาผูกขาดเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้จือชิ่นเพียงแบรนด์เดียว!]
“เชียนโหรว เป็นอะไรไป” หยางลี่เวยที่อยู่ข้างๆ สังเกตได้ถึงความผิดปกติของเธอ
เฉินเชียนโหรวเม้มริมฝีปากที่แข็งทื่อ สีหน้าไม่สู้ดีนัก
“ไปกันเถอะ ตั้งแต่เมื่อคืนลูกก็ยังไม่ได้กินอะไรเลย คงจะหิวแย่แล้วสินะ”
ที่หยางลี่เวยพูดก็ไม่ผิด เธอหิวจนจะตายอยู่แล้ว
แต่ตอนนี้ เธอยังจะมีใจไปกินอะไรได้อีก
ให้ตายสิ ทำไมถึงต้องแถลงข่าวตอนเที่ยงแบบนี้ด้วย
จะรอให้เธอกินข้าวเที่ยงเสร็จก่อนไม่ได้เลยหรือยังไง
“ทุกคนไปกินกันก่อนเลยค่ะ หนูขอขึ้นไปโทรศัพท์ข้างบนแป๊บนึงนะคะ”
พูดจบเธอก็รีบขึ้นไปชั้นบนทันทีโดยไม่สนใจหยางลี่เวยที่กำลังพยายามจะยื้อเธอไว้
–
ส่วนทางด้านของซูซื่อทั้งบริษัท ไม่ว่าจะเป็นพนักงานตำแหน่งเล็กหรือใหญ่ต่างก็วางมือเตรียมตัวลงไปกินข้าวเที่ยงกันแล้ว
แต่ปรากฏว่ากลับเห็นข่าวนี้กันโดยไม่ทันตั้งตัว
ต้องเข้าใจก่อนว่า ช่วงหลายวันมานี้ ทั้งบริษัทต่างก็ขะมักเขม้นอยู่กับการทำเรื่องขอขึ้นห้างเปิดใหม่ของป๋อซื่อ และพวกเขาก็ค่อนข้างมั่นใจอย่างยิ่งว่าจะต้องทำสำเร็จ
ในประเทศ คู่แข่งของพวกเขา หากนับไปนับมาก็ดูเหมือนจะมีเพียงแค่จือชิ่นที่พอจะเทียบชั้นเป็นคู่แข่งกับพวกเขาได้บ้าง อีกทั้งตือชิ่นก็ไม่ได้เป็นบริษัทใหญ่อะไรมากนัก จึงไม่ค่อยได้อยู่ในสายตาสักเท่าไหร่
แต่เจ้าของฉายาเจ้าพ่อจอเงินคนล่าสุดอย่างฉู่อี้กลับไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ผลิตภัณฑ์ของคู่แข่ง
ในเวลาแบบนี้น่ะเหรอ
เพราะเรื่องที่ถูกแชร์ในอินเตอร์เน็ตทำให้สถานการณ์ของบริษัทยังไม่กลับสู่ภาวะปกติดี
พวกเขาได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับเปิดไพ่ไม้ตายออกมา ความแตกต่างกันคนละชั้นแบบนี้ ทำให้พวกเขาร่วงลงไปเป็นรองอีกฝ่ายในทันที
ส่วนซูเหิง หลังจากแยกกับเฉินฝานซิงแล้วเขาก็กลับเข้าบริษัท ตอนนี้กำลังเผชิญหน้าอยู่กับเหล่าหุ้นส่วนทั้งหลายอยู่ในห้องประชุม เพิ่งจะหว่านล้อมให้พวกเขาโอนอ่อนลงไปได้และกำลังเตรียมตัวจะเลิกประชุม
ปรากฏว่าหน้าจอโทรทัศน์ที่อยู่มุมห้องประชุมกลับแสดงการถ่ายทอดสดรายงานข่าวหนึ่งขึ้นมา
ถึงแม้โทรทัศน์ในห้องประชุมจะไม่ได้เปิดเสียง แต่เหล่าหุ้นส่วนกลับพากันตีโต๊ะด้วยความโกรธเกรี้ยว
“นี่มันเรื่องอะไรกัน”
ซูเหิงคิ้วขมวด มองตามสายตาของพวกเขาไป ในขณะที่เหลือบไปเห็นพาดหัวข่าวที่มุมล่างของหน้าจอ หน้าของเขาก็เปลี่ยนสีในทันที
มีใครบางคนถึงกับถลึงตาใส่เลขาด้านข้าง ก่อนจะตะโกนออกมาด้วยความโมโห “เปิดเสียงเดี๋ยวนี้”
เจ้าพ่อจอเงินเซ็นสัญญาผูกขาดเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้จือชิ่นเพียงแบรนด์เดียว
จู่ๆ คำพูดที่เฉินฝานซิงพูดกับเขาเมื่อไม่นานก่อนหน้านี้ก็ดังก้องข้างหู
‘ฉัน เฉินฝานซิง มีปัญญาช่วยให้บริษัทที่กำลังจะล้มบริษัทหนึ่งค่อยๆ กลับมาลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง ก็มีปัญญาทำให้มันค่อยๆ พังลงไปทีละนิด ทีละนิด ได้เหมือนกัน’
ใบหน้าหล่อเหลาเปลี่ยนสีในทันที
ที่แท้ ที่เฉินฝานซิงพูดคือเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ
ไม่…
ซูเหิงรีบส่ายหน้ารัวเพื่อคัดค้านความคิดนี้
ฉู่อี้เซ็นสัญญารับเป็นพรีเซ็นเตอ ร์เรื่องนี้จะต้องติดต่อเจรจากันไว้ก่อนล่วงหน้าอยู่แล้ว แต่เขาเพิ่งได้เจอกับเฉินฝานซิง
เพราะฉะนั้น เฉินฝานซิงไม่ได้มุ่งเป้ามาที่เขาโดยตรง
เธอก็แค่บังเอิญทำงานอยู่ที่จือชิ่นพอดี ทั้งหมดที่เธอทำเพียงเพราะเรื่องงาน…
ขณะนั้นเอง เสียงโทรทัศน์ก็ดังขึ้น นักข่าวกำลังสัมภาษณ์
“ฉู่อี้ คุณเพิ่งกลับเข้าประเทศมาได้ไม่กี่วัน ไม่ทราบว่าคุณเคยได้ลองสัมผัสกับผลิตภัณฑ์ของจือชิ่นบ้างหรือยัง”
“ยังครับ”
ตอนที่ 208 สมฉายาเจ้าคิดเจ้าแค้น
“ยังครับ”
“…”
ไม่ต้องตรงไปตรงมาขนาดนี้จะได้ไหม
ตัวเองยังไม่เคยลองใช้จริง ใครจะไปกล้าซื้อของนายกันล่ะ
ช่างเถอะ อาจจะมีคนซื้อจริงๆ ก็ได้
เฉินฝานซิงที่นั่งอยู่ในห้องทำงานเมื่อได้ยินประโยคนี้ของฉู่อี้ก็ยกมือขึ้นมานวดขมับด้วยท่าทางหนักใจ
เจ้าหมอนี่!
ฉู่อี้นิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นแอบเม้มริมฝีปากก่อนจะพูดต่อหน้ากล้องต่อไปว่า
“แต่ว่าผมชื่นชมนักปรุงน้ำหอมท่านนั้นมาก…ผมใช้น้ำหอมที่เธอเป็นคนปรุงมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว และไม่คิดจะเปลี่ยนด้วย”
เฉินฝานซิงถอนใจอย่างโล่งอก
จริงๆ เลย…
ยังกล้าล้อเธอเล่นผ่านหน้ากล้องได้อีก!
แต่เห็นแก่ที่เขาโฆษณาให้เธอ ไว้ค่อยไปชำระบัญชีกันทีหลังแล้วกัน
เฉินฝานซิงยิ้มมุมปาก ได้ประโยคนี้ของฉู่อี้แล้ว ต่อให้เฉินเชียนโหรวอยากจะพูดจาให้ร้ายเธอเพื่อช่วยซูซื่อ เห็นทีว่าคงจะเป็นไปไม่ได้แล้ว
ถ้าจะเทียบคะแนนความเป็นที่นิยมและจำนวนแฟนคลับกับฉู่อี้ เธอยังห่างไกลลิบลับ!
หากเป็นเมื่อก่อน เฉินเชียนโหรวก็อาจจะกล้าเสี่ยงดูสักตั้ง เพราะเธอกับเขาไม่ได้อยู่ในสายงานเดียวกัน
แต่ฉู่อี้เพิ่งจะกลับเข้าประเทศ เธอก็คิดจะประชันกับเขาเลย
ถ้าเธออยากรนหาที่ตายไวขนาดนั้นล่ะก็…
เฉินฝานซิงเลิกคิ้ว ก่อนจะวางปากกาที่ควงอยู่ในมือลงบนโต๊ะแล้วลุกขึ้นเดินออกไปเรียกสวี่ชิงจือให้ออกไปกินข้าวเที่ยงด้วยกัน
ทำไมถึงต้องแถลงข่าวตอนเที่ยงน่ะเหรอ
เพราะเธอไม่อยากให้ใครบางคนได้กินข้าวเที่ยงอย่างสบายอกสบายใจอย่างไรล่ะ
อย่างไรก็ต้องทำให้สมกับที่ได้ฉายาว่าคนเจ้าคิดเจ้าแค้นคำนี้หน่อยสิ!
ทางด้านสถานการณ์ในห้องประชุมของซูซื่อ สีหน้าของเหล่าหุ้นส่วนหลังจากได้ยินฉู่อี้พูดแบบนั้นออกไปก็แย่จนไม่รู้จะแย่อย่างไรแล้ว
“คิดไม่ถึงว่าเจ้าพ่อจอเงินฉู่จะมีความเป็นไปเป็นมากับผู้อำนวยการเฉินแบบนี้มาก่อนด้วย”
“อย่าลืมสิ ตอนนี้เธอน่ะไม่ใช่ผู้อำนวยการเฉินของพวกเราอีกแล้ว ตอนนั้นยังมีใครบางคนยืนยันจะปลดเธอออกเพียงเพราะต้องการเอาคนรู้ใจของตัวเองมารับตำแหน่งแทน”
“พอมาดูสภาพบริษัทในตอนนี้ ไม่รู้ว่ากลายเป็นอะไรไปแล้ว Rosanna อะไรกัน ฉันรู้แค่ว่าข่าวฉาวเมื่อวานของเธอเกือบจะทำให้บริษัทพังไม่เป็นท่า ดาราใหญ่งั้นเหรอ เหอะ เหอะ จะเทียบกับเจ้าพ่อจอเงินระดับนานาชาติได้เหรอ”
“ผู้อำนวยการเฉิน…คุณเฉินน่ะ หากต้องการให้เธอปรุงน้ำหอม เธอก็ปรุงให้ได้ หากต้องการคอนเน็คชั่น เธอก็มีครบ ทิ้งแตงโมไปเก็บงา [1] ชัดๆ”
“คราวนี้เป็นยังไงล่ะ เธอไปอยู่ในบริษัทคู่แข่งแล้ว จากเดิมเป็นแค่บริษัทเล็กๆ ที่แทบจะไม่อยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ พอมีคุณเฉินก็ทำให้เกมพลิกกลายเป็นฝ่ายนำไปซะแล้ว”
“แล้วย้อนกลับมาดูเฉินเชียนโหรวอีกที เหอะเหอะ…ไม่รู้ว่าเป็นตัวอะไรกันแน่”
ซูเหิงหน้าเขียวปั้ด “กรรมการจาง ระวังคำพูดของคุณหน่อย!”
กรรมการจางตบโต๊ะเสียงดัง ปั้ง! ก่อนจะพูดด้วยความเกรี้ยวกราด
“หรือที่ผมพูดมันไม่จริง ที่บริษัทอยู่ในสภาพแบบนี้ตอนนี้ ไม่ได้เป็นเพราะปัญหาความสัมพันธ์ของคุณหรอกเหรอ ถ้าเกิดผู้อำนวยการเฉินยังอยู่ในบริษัท เหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นเหรอ ผมสิที่ต้องถาม บริษัทเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ดาราใหญ่ของพวกเราล่ะ Rosanna ของพวกเราไปอยู่ไหนแล้ว ให้ผมระวังคำพูดงั้นเหรอ รอให้คุณเอาเงินที่ขาดทุนไปคืนกลับมาให้ได้ก่อนแล้วค่อยมาพูดคำนี้กับผม”
กรรมการจางพูดจบก็เดินออกจากห้องประชุมไปทันที ทั้งยังปิดประตูอย่างแรงจนเสียงดังสนั่น
ใบหน้าของซูเหิงตึงเครียด เห็นเหล่าหุ้นส่วนหลายคนที่ยังคงมีสีหน้าขุ่นเคือง เขาก็ยกมือขึ้นมานวดหว่างหัวคิ้ว
“ให้เวลาผมหน่อย จะต้องไม่มีปัญหาแน่”
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว คำพูดแดกดันก็พูดไปหมดแล้ว หุ้นส่วนแต่ละคนจึงทำได้เพียงแค่เฝ้าดูสถานการณ์ต่อไป
ในห้องประชุมเหลือเพียงซูเหิงคนเดียว ภายในหัวยังคงมีคำพูดที่ทั้งหนักแน่นและขุ่นเคืองของเฉินฝานซิงประโยคนั้นดังก้องอยู่ตลอดจนทำให้เขาเผลอกำมือแน่น
หลังจากที่เงียบไปนาน โทรศัพท์ที่สั่นไม่หยุดตั้งแต่ตอนเริ่มประชุมก็เริ่มสั่นขึ้นอีกครั้ง
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยท่าทางเหนื่อยหน่าย เมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของเฉียนเชียนโหรวก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกดตัดสาย
–
ไม่รู้ทำไม อาคารป๋อซื่อที่มีถึงสิบแปดชั้น จู่ๆ ก็อบอวลไปด้วยพลังแห่งธาตุหยินขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ
บรรยากาศแปลกประหลาดไปถนัดตาจนยากจะอธิบาย
[1] สำนวนจีนอุปมา เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย คว้าสิ่งเล็กๆ ไว้ได้แต่กลับต้องสูญเสียสิ่งที่มีค่ายิ่งกว่าไป