ตอนที่ 211 ขอโทษที ผมอดไม่ไหว
[เลิกงานแล้วฉันไปกินข้าวเย็นกับชิงจือ ไม่ต้องมารับ]
“…”
ขณะเดียวกัน อวี๋ซงกำลังให้ป๋อจิ่งชวนเซ็นเอกสารชุดสุดท้ายให้ ในระหว่างนั้นเอง เขาโน้มตัวลงมาจึงทำให้เหลือบไปเห็นข้อความบนโทรศัพท์ของเขาพอดี
เหอะ เหอะ…
ซัดกระหน่ำเข้ามาให้แรงกว่านี้อีกสิ!
ป๋อจิ่งชวนหน้าบอกบุญไม่รับ เขาจ้องหน้าจอโทรศัพท์อยู่สักพัก จากนั้นก็เลื่อนนิ้วเรียวยาวไปมาบนหน้าจอทันที
[หลังกินข้าวเสร็จผมไปรับ]
เฉินฝานซิงเงยหน้าขึ้นมามองสวี่ชิงจือปราดหนึ่ง ในใจก็พลางคิดว่าถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ คงต้องมานั่งเสียเวลาอธิบายเป็นครึ่งค่อนวันให้เธอฟังทีหลังอีกแน่ เรื่องวุ่นๆ ในตอนนี้ก็มากพออยู่แล้ว เธอไม่มีเรี่ยวแรงเหลือแล้วจริงๆ ดังนั้นเธอจึงรีบพิมพ์ข้อความตอบกลับไปในทันที
[ไม่ต้อง วันนี้อวี๋ซงเอารถมาคืนฉันแล้ว ฉันจะขับกลับเอง]
ป๋อจิ่งชวนเก็บโทรศัพท์ ก่อนจะหยิบปากกาลูกลื่นขึ้นมาเซ็นเอกสาร จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นไปมองอวี๋ซง
“ไปแจ้งทุกแผนก คืนนี้ทำโอที”
“…ครับ”
–
เวลาหนึ่งทุ่มตรง
เฉินฝานซิงและสวี่ชิงจือเลือกมากินมื้อค่ำกันที่ร้านหม้อไฟ
ท้องของเฉินฝานซิงไม่ค่อยดี กินเผ็ดไม่ได้ สวี่ชิงจือจึงสั่งหม้อแบบที่แบ่งช่องน้ำซุปสองช่องในหม้อเดียว
จากนั้นก็ทยอยสั่งผัก อาหารทะเล และเนื้อสัตว์มาจนเต็มโต๊ะ
สวี่ชิงจือมองดูหม้อน้ำซุปที่ฝั่งหนึ่งเป็นสีขาว อีกฝั่งเป็นสีแดงตรงงหน้าพลางพูดขึ้น
“คิดถึงช่วงสมัยเรียนที่พวกเราแอบกินล่าเถียว [1] ด้วยกันจังเลย”
เฉินฝานซิงหัวเราะคิกคัก “จริงด้วย ไม่รู้ว่าร้านขายของชำหลังโรงเรียนจะยังอยู่หรือเปล่า”
และแล้วทั้งสองคนก็เริ่มเปิดประเด็นพูดคุยกันแบบนี้ เพื่อนเก่าเพื่อนแก่สมัยเรียนที่ไม่ได้เจอกันมาหลายปี หัวข้อที่ถูกเอ่ยถึงมากที่สุดคงหนีไม่พ้นเรื่องราวสมัยวัยรุ่น
การกินอาหารพลางรำลึกความหลังจึงได้เริ่มต้นขึ้น
เมื่อกินไปจนถึงตอนท้าย สวี่ชิงจือก็เข้ามานั่งข้างเฉินฝานซิงก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ของเฉินฝานซิงมาแล้วเปิดโมเมนต์ในวีแชท จากนั้นก็ซบหัวลงบนไหล่ของเฉินฝานซิงแล้วถ่ายเซลฟี่กันหนึ่งรูป
ก่อนจะพิมพ์แคปชั่นของรูปว่า…ตลอดไป
เฉินฝานซิงไม่ได้ค่อยได้โพสต์อะไรลงในโมเมนต์สักเท่าไหร่ และเธอเองก็ไม่ได้ใส่ใจกับการกระทำของสวี่ชิงจือมากนัก
หลังจากนั้นสวี่ชิงจือก็กลับมานั่งในที่ของตัวเองแล้วหยิบโทรศัพท์ของตนขึ้นมาแชร์ภาพที่เฉินฝานซิงเพิ่งโพสต์เมื่อครู่นี้ พร้อมกับแคปชั่นประกอบใต้ภาพว่า…อยู่ด้วยกัน
จากนั้นก็กดส่ง
เวลาหนึ่งทุ่มห้านาที
โทรศัพท์ของเฉินฝานซิงมีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้น
ป๋อจิ่งชวน : [กลับบ้านกี่โมง]
เฉินฝานซิงก้มดูเวลา พลางคิดว่าถนนเส้นนี้มีร้านชุดชั้นในอยู่ร้านหนึ่ง หลังจากที่ได้คำนวณเวลาคร่าวๆ แล้วเธอจึงพิมพ์ตอบกลับไป…
[ประมาณสองทุ่มครึ่ง]
ข้อความตอบกลับมาภายในเสี้ยววินาที…[ ระวังตัวด้วย]
[ได้]
หลังจากนั้นทั้งสองก็แวะซื้อชุดชั้นในที่ร้านทางผ่าน และกลับถึงบ้านประมาณสองทุ่มครึ่ง
ในขณะที่เดินออกมาจากลิฟต์ สายตาก็เหลือบไปเห็นร่างสูงโปร่งที่คุ้นเคย
“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
ป๋อจิ่งชวนหันไปมองเธอปราดหนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นมานิ่งๆ “มารอคุณ”
เฉินฝานซิงอึ้งไปครู่หนึ่ง
นี่เธอคิดไปเองหรือเปล่า ทำไมเธอรู้สึกว่าป๋อจิ่งชวนมีบางอย่างแปลกไป
“คุณเป็นอะไรไป” เฉินฝานซิงถาม
“ผมหิวแล้ว”
เฉินฝานซิงขมวดคิ้ว “คุณยังไม่ได้กินข้าวเย็นเหรอ”
“อืม”
เฉินฝานซิงได้แต่นวดขมับ ไม่ได้ถามอะไรมากความ รีบเปิดประตูทันที
“นั่งก่อนสิ เดี๋ยวฉันไปทำกับข้าวมาให้”
–
เวลาสามทุ่มตรง อาหารก็มาเสิร์ฟที่โต๊ะ
เมื่อวานพวกเขาทั้งสองคนกินบะหมี่กันไปแล้ว ดังนั้นวันนี้เธอจึงตั้งใจที่จะไม่ทำให้ซ้ำกัน
หลังจากที่หุงข้าวเสร็จ เธอก็ผัดกับข้าวง่ายๆ สองอย่าง ทั้งยังมีซุปไข่กับสาหร่ายอีกอย่าง
เฉินฝานซิงนั่งลงฝั่งตรงข้ามของป๋อจิ่งชวน มองเขาที่กำลังกินอาหารด้วยท่าทางเอื่อยเฉื่อยไร้ชีวิตชีวา
“ป๋อจิ่งชวน คุณยังโกรธอยู่เหรอ เป็นเพราะคำพูดบนอินเตอร์เน็ตพวกนั้นเหรอ”
ป๋อจิ่งชวนซดน้ำซุปหนึ่งคำ ก่อนจะพูดด้วยท่าทีเฉยเมย
“ไม่ได้เข้าไปดูทั้งวันเลย”
เขากลัวว่าจะทนไม่ไหวจนต้องตามหาคนปากเสียพวกนั้นให้เจอ แล้วใช้เข็มเย็บปากของคนพวกนั้นไปซะ!
สีหน้าเฉินฝานซิงดูผ่อนคลายลงมาบ้าง
“งั้นก็ดี”
“แต่ว่าคนในรูปพวกนั้น…ขอโทษที ผมอดไม่ไหวจริงๆ”
เฉินฝานซิงเพิ่งจะโล่งใจได้ไม่นาน เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของป๋อจิ่งชวนก็ถึงกับชะงักไปชั่วขณะ
“คุณ…ทำอะไร”
“อัดสั่งสอนไปทีหนึ่ง”
[1]ชนมกินเล่นของจีน มีลักษณะเป็นแท่งยาว เหนียวนุ่ม มีรสเผ็ด
ตอนที่ 212 อีกไม่นาน ผมจะไปจัดการเขาด้วยตัวเอง
เฉินฝานซิงถึงกับผงะไปด้วยความตกตะลึง
“คุณ…พูดจริงเหรอ”
ป๋อจิ่งชวนขมวดคิ้ว “ในเมื่อพวกเขาฉวยโอกาสคุณ เขาใช้ส่วนไหนสัมผัสคุณ ก็จัดการส่วนนั้นทิ้ง ยุติธรรมออก”
เฉินฝานซิงนั่งเงียบอยู่อย่างนั้นครู่ใหญ่ สุดท้ายก็อดใจไม่ไหวจนต้องถามย้ำอีกรอบ
“คุณไปจัดการคนพวกนั้นแล้วจริงๆ เหรอ”
“อืม”
ถึงแม้จะตอบแบบสั้นๆ ง่ายๆ เพียงคำเดียว แต่แววตาท่าทางกลับทำให้คนฟังรู้สึกถึงความหนักแน่นมั่นใจ สิ่งที่เขาพูดทั้งหมดคือความจริง
เฉินฝานซิงถอนหายใจเฮือก ก่อนจะโน้มลงมาประชิดตัวป๋อจิ่งชวนพลางมองเขาด้วยสายตาขุ่นเคือง และถามเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง
“รวมถึง…คนที่อยู่เกียวโตคนนั้นด้วยเหรอ”
ป๋อจิ่งชวนชะงักงัน ลืมตาขึ้นมามองเธอปราดหนึ่งแล้วส่ายหน้า “คนนี้ยังไม่ได้จัดการ”
สีหน้าตึงเครียดของเฉินฝานซางผ่อนคลายลงมาอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นก็ถอยกลับมานั่งตัวตรงอย่างเดิม แล้วก้มหน้ามองดูนิ้วมือของตัวเองที่กำลังเกร็งแน่นไปหมด
ค่อยยังชั่วหน่อย
นอกจากคนคนนั้นแล้ว คนที่เหลือพวกนั้นก็…น่าโดนอัดจริงๆ นั่นแหละ
ป๋อจิ่งชวนก้มมองชามข้าวที่อยู่ตรงหน้า น้ำเสียงไพเราะกังวานขึ้นอีกครั้ง
“แต่ว่า ผมทักทายพวกเขาไปแล้ว อีกไม่นาน ผมจะไปเกียวโตเพื่อจัดการเขาด้วยตัวเอง”
“?!!”
เฉินฝานซิงตัวแข็งทื่อด้วยความนิ่งอึ้ง ก่อนจะรีบเงยหน้าขึ้นมาจ้องป๋อจิ่งชวนเขม็ง
“ทักทายพวกเขาไปแล้ว? จัดการเขาด้วยตัวเอง?”
“อืม วางใจเถอะ คนที่ฉวยโอกาสคุณ ผมจะไม่ปล่อยให้หลุดรอดไปแม้แต่คนเดียว”
เฉินฝานซิงนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็รีบส่ายหน้ารัว “ไม่ ไม่ใช่แบบนั้น ฉันกับเขาแค่เรื่องเข้าใจผิดกัน ที่จริงแล้วตอนนั้น…”
“เขาอุ้มคุณ”
ทั้งยังอุ้มแบบช้อนทั้งตัวให้อยู่ในอ้อมแขนอีกต่างหาก
ทนไม่ได้จริงๆ
“ที่จริงแล้วตอนนั้นฉันไม่สบาย…”
“เขาอุ้มคุณ”
“ตอนนั้นภรรยาของเขาก็อยู่…”
“เขาอุ้มคุณ”
“…”
เฉินฝานซิงขมวดคิ้วมุ่นจนเริ่มรู้สึกปวดตุบๆ
ผู้ชายคนนี้ จะไม่ยอมเปลี่ยนใจเลยใช่ไหม
แบบนี้ไม่ว่าจะพูดยังไงก็ไม่เข้าหูแล้วสินะ
จะไปจัดการเขาด้วยตัวเองยังต้องทักทายกันก่อนด้วยเหรอ เธอไม่กล้าจินตนาการเลยจริงๆ ว่าถ้าป๋อจิ่งชวนกับเขาคนๆ นั้นมีเรื่องกันขึ้นมาสถานการณ์จะกลายเป็นแบบไหน
น่าสยดสยองจริงๆ
แม้แต่คิดยังไม่กล้า
แต่ว่าผ่านไปไม่นาน ดูเหมือนเฉินฝานซิงจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จู่ๆ ก็เอ่ยถามขึ้นมา
“อีกไม่นาน…ช่วงเวลาที่แน่ชัดหมายถึงตอนไหน”
“อีกครึ่งเดือน งานเลี้ยงวันเกิดครบรอบแปดสิบแปดปีของปู่เขา ผมจะไป”
เฉินฝานซิงอึ้งไปชั่วขณะ พลางกะพริบตาปริบๆ โดยไม่รู้ตัว
ป๋อจิ่งชวนมองเห็นท่าทางน่ารักนี้ของเธอ ทำให้ดวงตาที่มีแต่ความเย็นชามาตั้งแต่แรกค่อยๆ อบอวลไปด้วยรอยยิ้มด้วยความรักใคร่เอ็นดูและหลงใหล
“กำลังคิดอะไรอยู่”
ดวงตาคู่นั้นของเฉินฝานซิงค่อยๆ เลื่อนกลับมาสู่จุดกึ่งกลาง พลันส่ายหน้า “ไม่มีอะไร แค่รู้สึกว่า บังเอิญจัง”
“ยังไงเหรอ”
“งานเลี้ยงวันเกิดนายใหญ่สกุลเผย ฉันควรไป และฉันจะไป…”
“อื้ม ผมจะพาคุณไป” ควงคู่แฟนสาวของตัวเองออกงานสู่สายตาสาธารณชนเป็นเรื่องปกติทั่วไป ก็เท่านั้นเองไม่ใช่เหรอ
เฉินฝานซิงหลบสายตา ก่อนจะส่ายหน้าและพูดอย่างตรงไปตรงมา “ไม่ล่ะ ฉันจะไปกับสวี่ชิงจือ…”
ป๋อจิ่งชวนสายตาเยือกเย็น
รอยยิ้มที่เพิ่งเผยออกมาเมื่อครู่นี้จมหายไปเพียงชั่วพริบตา
ขณะนั้นเอง โทรศัพท์ที่เฉินฝานซิงวางไว้ด้านข้างก็ดังขึ้น
ป๋อจิ่งชวนเหลือบไปมองเธอวูบหนึ่งด้วยสายตานิ่งเรียบ ดวงตาดำขลับคู่นั้นมองข้าวที่ยังเหลืออยู่ครึ่งถ้วยก่อนจะเริ่มกินมันอีกครั้ง
ข้อความมาจากสวี่ชิงจือ ด้านบนเป็นข้อความเสียงข้อความหนึ่ง
เฉินฝานซิงเองก็ไม่ได้ปกปิดอะไรป๋อจิ่งชวน เธอเปิดข้อความเสียงต่อหน้าเขาทันที เสียงใสเย็นของสวี่ชิงจือดังขึ้น
[ฝานซิง ถึงบ้านหรือยัง]
เฉินฝานซิงหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะติดสินใจตอบกลับไปด้วยข้อความตัวอักษร
[ถึงบ้านแล้ว เธอล่ะ]
สวี่ชิงจือส่งข้อความเสียงกลับมา
[กลับมาถึงตั้งนานแล้ว เออนี่…ฉันเพิ่งส่งบางอย่างไปให้เธอดูทางอีเมล์ เธอรีบไปดูสิ]