ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย – ตอนที่ 227 เธอคือผู้มีปัญญา / ตอนที่ 228 ดูแลคุณอย่างดีที่สุด

ตอนที่ 227 เธอคือผู้มีปัญญา

 

 

“ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันเป็นเพื่อนกับฝานซิงมานาน ไม่เกรงใจอยู่แล้ว”

 

 

ป๋อจิ่งชวนยิ้มนิ่งๆ ก่อนจะชำเลืองไปมองเธอปราดหนึ่ง “งั้นก็ดี”

 

 

รอยยิ้มที่ไม่ได้ออกมาทางสายตาเลยแม้แต่น้อยแบบนั้น ไม่สู้ไม่ยิ้มจะดีกว่า

 

 

หลังจากสั่งอาหารเสร็จ บรรยากาศภายในห้องก็เงียบสงัด

 

 

ถึงแม้จะไม่อยากทนดูคนอวดแฟน แต่เมื่อได้เห็นเฉินฝานซิงลงเอยกับป๋อจิ่งชวนแล้ว สวี่ชิงจือก็ยังคงรู้สึกดีใจไม่น้อย

 

 

อย่างน้อย ท่ามกลางสถานการณ์แบบนี้ อย่างไรก็ทำได้เพียงทำตัวให้ร่าเริงคิดบวกเข้าไว้

 

 

“ไม่คิดเลยว่าทั้งสองคนจะมาคบกันได้ รู้จักกันได้ยังไงเหรอ”

 

 

เฉินฝานซิงชะงักไปครู่หนนึ่ง “…ครั้งก่อนที่เข้าโรงพยาบาลเพราะตกน้ำ ก็เลยได้รู้จักกันโดยบังเอิญน่ะ…”

 

 

“งั้นแปลว่าเธอเพิ่งจะมาบอกกับฉันตอนนี้เนี่ยนะ ถ้าเธอบอกฉันเร็วกกว่านี้ เมื่อวานฉันก็คงไม่ส่งของแสลงตาแบบนั้นให้เธอหรอก ฉันยังคิดจะหาผู้ชายมาให้เธอเลือกด้วยตัวเองสักคนอยู่เลย”

 

 

“…”

 

 

เฉินฝานซิงรู้สึกเพียงว่ามือที่วางอยู่บนไหล่ของเธอดูเหมือนจะออกแรงบีบแน่นขึ้นเล็กน้อย

 

 

บรรยากาศเริ่มกดดันและเย็นยะเยือกขึ้นเรื่อยๆ ป๋อจิ่งชวนลืมตาขึ้นด้วยท่าทางสบายๆ ก่อนจะจ้องเขม็งไปยังสวี่ชิงจือ

 

 

“ในเมื่อเธอมีแฟนที่เพอร์เฟคไร้ที่ติท่านผู้บริหารป๋ออย่างนี้แล้ว ฉันก็ไม่ต้องเปลืองแรงแล้วละ ถามจริง บนโลกนี้ยังมีผู้ชายคนไหนเทียบกับผู้บริหารป๋อที่ทั้งมีความรู้ความสามารถ ฉลาดรอบด้าน ครบครันไร้ที่ติได้อีก จริงไหม ฝานซิง”

 

 

บรรยกาศค่อยๆ กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ใบหน้าของป๋อจิ่งชวนเผยรอยยิ้มบางๆ ออกมา

 

 

สวี่ชิงจือได้แต่แอบกัดลิ้นตัวเองเบาๆ  ใช่ เธอเริ่มปอดแหกขึ้นมาแล้ว

 

 

แต่เธอคือผู้มีปัญญา

 

 

ผู้ที่รู้หน้าที่และเวลาคือผู้มีปัญญาเป็นเลิศ

 

 

เฉินฝานซิงเม้มริมฝีปาก แต่กลับบดบังรอยยิ้มที่มุกปากของเธอไว้ไม่ได้

 

 

สวี่ชิงจือหันไปหยิบกระเป๋าของตัวเองแก้เขิน จากนั้นก็หยิบลิปออกมาสองแท่งส่งให้เฉินฝานซิง

 

 

“ฉันให้เธอ สองแท่งนี้ฉันลองมาหมดแล้ว เนื้อลิปให้ความชุ่มชื่นกำลังดี สีก็เหมาะกับเธอมาก”

 

 

ลองมาหมดแล้ว?

 

 

“จริงเหรอ ขอบใจนะ” เฉินฝานซิงยื่นมืออกไปรับลิปสติกมา ก่อนจะลองเปิดดู เป็นสีที่เธออยากได้อยู่ก่อนแล้วจริงๆ

 

 

ขณะที่มองดูเธอเก็บลิปสติกด้วยท่าทางดีใจ ดวงตาดำสนิทของป๋อจิ่งชวนเริ่มเปลี่ยนไป แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร

 

 

หลังจากที่อาหารมาเสิร์ฟจนครบ ทั้งสามคนก็เริ่มรับประทานอาหารกัน ระหว่างนั้นมีการพูดคุยกันบ้างเป็นระยะเพียงไม่กี่ประโยค

 

 

ส่วนมากแล้วจะเป็นเฉินฝานซิงที่เป็นคนพูด น้อยมากที่ป๋อจิ่งชวนจะพูดออกมา

 

 

แต่ก็สังเกตเห็นได้ไม่ยากว่าป๋อจิ่งชวนให้ความเอาใจใส่กับเฉินฝานซิงมาก แม้กระทั่งกับเรื่องเล็กน้อย

 

 

ก่อนจะจบมื้อค่ำครั้งนี้ สวี่ชิงจือได้ยกแก้วขึ้นมา

 

 

เธอถอนหายใจออกมาก่อน จากนั้นก็เบนสายตาไปทางป๋อจิ่งชวนแล้วเอ่ยปากพูด

 

 

“ท่านผู้บริหารป๋อ หวังว่าคุณจะจริงใจกับเธอ เธอเป็นคนที่มอบความรู้สึกให้คนอื่นไปโดยไม่เคยร้องขอให้มอบความรู้สึกกลับคืนมา คิดอย่างโง่ๆ เอาเองว่าแค่เธอเองให้อีกฝ่ายมากพอ จริงใจมากพอ ก็จะได้รับสิ่งดีๆ ตอบแทน จริงๆ จะพูดแบบนี้ก็ไม่ได้ผิด แต่ใจคนยากจะคาดเดา สิ่งที่เธอต้องการมีไม่มาก จริงๆ แล้ว สำหรับคนอื่น ตามธรรมชาติแล้วมันเป็นเรื่องที่ควรจะเป็นแบบนั้นอยู่แล้วด้วยซ้ำ แต่พอเป็นเธอ กลับกลายเป็นสิ่งที่ต้องคาดหวัง…”

 

 

“ฉันไม่รู้ว่าความรู้สึกที่คุณมีต่อฝานซิงนั้นมากแค่ไหน แล้วก็รู้ด้วยว่าช่วงเวลาที่คุณคบกันนั้นยังไม่นานมาก พูดตามตรง ที่พวกคุณตัดสินใจคบกันอย่างง่ายดายแบบนี้ ฉันไม่ได้เห็นด้วยสักเท่าไหร่ ฉันเคยเห็นเธอถูกหักหลังจากความสัมพันธ์แปดปีมาด้วยตาตัวเอง นับประสาอะไรกับคุณที่เพิ่งจะคบแค่ไม่กี่วัน…”

 

 

“แต่ฉันก็ยังตั้งความหวังไว้กับคุณ เพราะคุณเป็นคนที่สมบูรณ์แบบจริงๆ ฉันหวังว่าเพื่อนรักของฉันจะมีความสุขจริงๆ ได้สักที เพราะงั้น หวังว่าพวกคุณจะมีความสุข มากกว่าที่ซูเหิงและเฉินเชียนโหรวมีความสุข ขอให้มีความสุขมากกว่าใครทุกคน…”

 

 

 

 

ตอนที่ 228 ดูแลคุณอย่างดีที่สุด

 

 

ถึงแม้ในขณะที่พูดสวี่ชิงจือจะดวงตาแดงก่ำ แต่กระนั้นก็ยังคงพยายามพูดด้วยรอยยิ้มต่อไป

 

 

“อย่าโดนภายนอกที่ดูแข็งกระด้างของเธอหลอก เธอก็แค่เจ็บมาเยอะ  ในเมื่อไม่มีใครปกป้องเธอแล้ว เธอจึงต้องปกป้องตัวเอง จริงๆ แล้ว เธออ่อนแอกว่าใครๆ เพราะงั้น…อย่ารังแกเธอ ต้องดีกับเธอ ปกป้องเธอให้ดี ฉันไม่มีสิทธิ์ทำตัวเป็นเจ้าของเธอแล้ว ฝากฝังเธอไว้กับคุณ แต่ถ้าหากคุณทำให้เธอเสียใจ ฉันก็คือคนที่มีสิทธิ์พาเธอออกมาจาคุณ”

 

 

 เฉินฝานซิงรู้สึกจุกในลำคอ

 

 

ทุกคำพูดของชิงจือล้วนแต่ทิ่มแทงเข้าไปยังจุดอ่อนในใจของเธอเข้าอย่างจัง

 

 

เธอรู้สึกโชคดี ที่โลกใบนี้มอบความเห็นอกเห็นใจที่ยิ่งใหญ่นี้ให้กับเธอ

 

 

“ชิงจือ…”

 

 

 เธอถอนหายใจยาวเหยียด ความซาบซึ้งเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณจนไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ เธอเพียงแค่ยื่นมือออกไปเพื่อหวังว่าจะกุมมือของสวี่ชิงจือไว้

 

 

ทว่า ฝ่ามือขนาดใหญ่อีกฝ่ามือคว้ามือที่กำลังยื่นออกไปของเธอในกลางคัน

 

 

เฉินฝานซิงหันไปมองทางป๋อจิ่งชวน ป๋อจิ่งชวนยังคงกุมมือเธอไว้ด้วยแววตานิ่งเฉย พลางดึงมือเธอกลับไปวางไว้บนขาของตัวเอง

 

 

จากนั้น เขาก็ยกแก้วเหล้าที่วางอยู่ด้านข้างขึ้นมาแล้วหันไปยิ้มให้กับสวี่ชิงจือ

 

 

“คุณไม่มีโอกาสนั้นแน่”

 

 

สวี่ชิงจือหัวเราะตอบ “หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น”

 

 

หลังจากที่แต่ละคนดื่มเหล้าในแก้วของตัวเองจนหมด งานเลี้ยงก็มาถึงจุดที่ต้องเลิกรา

 

 

ณ ลานจอดรถคลับปี้หวางอวี๋เล่อ ป๋อจิ่งชวนยืนอยู่หน้ารถของเฉินฝานซิงพร้อมกับมองไปทางสวี่ชิงจือแล้วพูดยิ้มๆ

 

 

“คืนนี้ดื่มไปเยอะแล้ว ผมจะให้คนของผมส่งคุณกลับบ้าน”

 

 

แน่นอนว่าสวี่ชิงจือไม่ปฏิเสธ “ถ้าอย่างนั้นคงต้องรบกวนท่านผู้บริหารป๋อแล้ว”

 

 

“ถ้างั้น…คุณผู้หญิงสวี่เลือกตามสบายเลย”

 

 

“เลือกอะไร”

 

 

สิ้นเสียงพูดของสวี่ชิงจือ กลุ่มคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่รู้ว่าล้นทะลักมาจากทางไหนก็มายืนเรียงแถวเป็นระเบียบอยู่ตรงหน้า

 

 

ล้วนแต่เป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ หุ่นกำยำ หน้าตาถือว่าดีใช้ได้

 

 

“คุณผู้หญิงสวี่เชิญเลือกตามสบายเลย ถูกใจใครก็พาคนนั้นกลับไปได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ”

 

 

“…นี่หมายความว่าไง”

 

 

“อย่าคิดมาก ผมแค่อยากให้คุณเลือกผู้ชายที่คุณรู้สึกดูเข้าตาส่งคุณกลับบ้านก็เท่านั้น”

 

 

สวี่ชิงจือพยายามระงับไฟโทสะไว้พลางพูดพูดขึ้น “แค่คนขับรถ มีอะไรเข้าตาไม่เข้าตาด้วยเหรอ”

 

 

ป๋อจิ่งชวนส่ายหน้า “คุณผู้หญิงสวี่ ทัศนคติทางความงามมันต้องปลูกฝังกันบ้าง ถึงแม้จะเป็นแค่คนขับรถ แต่ถ้าต้องมีเงื่อนไข เลือกคนที่ดูเข้าตาก็ถือเป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ”

 

 

“จะพูดแบบนี้ก็ไม่ผิด แต่ทำไมคุณถึงได้ใจดีเสนอเงื่อนไขแบบนี้ให้ฉันล่ะ”

 

 

“คุณเป็นเพื่อนสนิทของฝานซิง แน่นอนว่าผมต้องดูแลคุณให้ดีที่สุด”

 

 

“…เหอะ เหอะ คุณเอาใจใส่ดีจริงๆ” ระหว่างที่พูด สายตาของสวี่ชิงจือก็สอดส่องไปยังกลุ่มชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้า ก่อนจะเลือกชายหนึ่งคนออกมาโดยไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก “เอาเขาแล้วกัน”

 

 

ป๋อจิ่งชวนหันไปมองชายหนุ่มคนนั้นปราดหนึ่ง แล้วพยักหน้า “คุณผู้หญิงสวี่ช่างตาถึง…มีจุดเด่นไม่เหมือนใครจริงๆ ด้วย”

 

 

“เหอะ เหอะ”

 

 

“งั้นขอให้คุณผู้หญิงสวี่เดินทางปลอดภัย”

 

 

“แล้วเจอกันใหม่ค่ะ” สวี่ชิงจือกระแทกกระทั้นเสียงระหว่างพูด ก่อนจะเดิมดุ่มไปทางรถที่ป๋อจิ่งชวนเตรียมไว้ให้

 

 

ป๋อจิ่งชวนเพียงแค่ยกมุมปาก ไม่ได้พูดอะไรต่อ

 

 

อวี๋ซงเปิดประตูรถให้สวี่ชิงจือ ก่อนสวี่ชิงจือขึ้นรถ เขาพูดขึ้นมาหนึ่งประโยค “คุณผู้หญิงสวี่ กลับไปแล้วอย่าลืมเช็คอีเมล์นะครับ”

 

 

“ทำไม” สวี่ชิงจือน้ำเสียงเย็นชา

 

 

อวี๋ซงยิ้มแหยๆ “คุณชายบอกว่ามีประโยชน์กับคุณ”

 

 

“เหอะ”

 

 

สวี่ชิงจือแสยะหัวเราะ ก่อนจะก้มตัวก้าวขาขึ้นรถ

 

 

 

 

ระหว่างทางกลับบ้าน

 

 

“คืนนี้คุณทำเกินไปแล้ว ชิงจือเกือบจะโกรธคุณจนอกแตกตายอยู่แล้ว”

 

 

“ผมทำเพราะหวังดีกับเธอ” ป๋อจิ่งชวนตอบนิ่งๆ

 

 

“…” เฉินฝานซิงหันไปมองเขา ไม่พูดอะไร

 

 

ผ่านไปครู่ใหญ่

 

 

ป๋อจิ่งชวน “ก็ได้ ผมทำเพื่อป้องกันไม่ให้เธอเบี่ยงเบนทางเพศแล้วพาคุณเสียไปด้วย”

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

หลังจากแม่ของเธอจากไป เฉินฝานซิง ก็ถูกพ่อและย่าแท้ๆ ของตัวเองขับไสไล่ส่งไปตายเอาดาบหน้าในประเทศต่างแดนอันแสนทุรกันดาร ทว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงเคี้ยวง่ายอย่างที่คิด ด้วยสมองและสองมือ ในที่สุดเฉินฝานซิงก็หนีกลับมาจากนรกขุมนั้นได้ เธอตัดสินใจแยกตัวออกมาจากครอบครัวสารพัดพิษและใช้ชีวิตอยู่ตามลำพัง คอยทุ่มเทพัฒนาบริษัทของคู่หมั้นที่เกือบจะต้องปิดตัวลงและบริษัทเล็กๆ ที่แม่ของเธอทิ้งไว้ กระนั้นความสัมพันธ์รักแปดปีกลับได้มาแค่ความเชื่อใจที่แสนเปราะบาง เพราะคู่หมั้นกลับไปหลงเชื่อคำโกหกของน้องสาวต่างแม่ที่ชอบตีสองหน้าของเธอเสียได้ ในขณะที่แผลใจจากคนรักเก่ายังไม่ทันหายดี ศรัทธาที่มีในชีวิตคู่ก็เริ่มถดถอย เธอเลือกหันหลังให้กับความรักโดยการขดตัวเป็นตัวเม่นและใช้หนามแหลมๆ นั้นปฏิเสธทุกคนที่เข้าหา ทว่าอยู่มาวันหนึ่ง ป๋อจิ่งชวน ผู้ชายจอมเผด็จการคนนั้นก็ก้าวเข้ามาพร้อมหยิบยื่นความรักครั้งใหม่ให้กับเธอโดยไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ปฏิเสธมันเลยสักนิด! “การตัดสินใจจีบคุณคือเรื่องของผม สุดท้ายแล้วคุณจะปฏิเสธหรือไม่นั่นก็เรื่องของคุณ แต่ผมจะปฏิเสธคำปฏิเสธของคุณ!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset