ตอนที่ 235 โมโหเขาจนไม่อยากจะพูดอะไรอีกแล้ว
อ๋อ อย่างเดียวที่มีก็คือ ในช่วงสมัยเรียน กู้เจ๋อเหยียนถือเป็นชายหนุ่มที่ตามจีบเฉินเชียนโหรวผู้ซื่อสัตย์คนหนึ่ง
ปีที่แล้วเฉินเชียนโหรวและเขาได้นำแสดงละครรักแนวสืบสวนด้วยกันเรื่องหนึ่ง ระหว่างที่กระแสละครสืบสวนกำลังมาแรงในช่วงหลายปีนี้ ทำให้พวกเขาทั้งสองคนมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาพร้อมกัน
กระทั่งถึงเมื่อไม่นานก่อนหน้านี้ เขาและเฉินเชียนโหรวก็ยังโดนจับเป็นคู่จิ้นกันอยู่ จนถึงตอนนี้ ก็ยังคงมีแฟนคลับคู่จิ้นคู่นี้อยู่ไม่น้อย
ทั้งสองคนดูเหมือนจะมีความรู้ใจในการถูกจับเป็นคู่จิ้นกันนี้เป็นอย่างดี การที่พวกเขาปรากฎตัวขึ้นพร้อมกันเป็นครั้งคราวในที่สาธารณะก็มักจะกลายเป็นกระแสร้อนแรงกระแสใหม่ได้เสมอ
สายตาของเฉินฝานซิงสอดส่ายไปทางหญิงสาวที่อยู่ด้านหลังกู้เจ๋อเหยียนปราดหนึ่ง
ก่อนจะแอบขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างที่ยากจะสังเกตเห็นได้
เวลานี้ คนของกู้เจ๋อเหยียนหยุดอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว
วันนี้ เฉินฝานซิงมาในชุดสูทสีขาวดูสง่า เสื้อสูทถึงแม้จะเป็นทรงหลวมแต่กลับเสริมรูปร่างเพรียวบางให้ชัดขึ้น ทำให้เธอดูสูงโปร่งกว่าเดิม กางเกงขายาวทรงขากว้างยาวคลุมข้อเท้า ด้านล่างรับกับรองเท้าส้นไม่สูงมากนักคู่หนึ่ง ผมยาวสลวยถูกเกล้าขึ้นมาเก็บไว้อย่างปราณีตเรียบร้อยทำให้ดูคล่องแคล่ว ให้ความรู้สึกสบายๆ ทั้งยังแผ่ซ่านความเย็นชาและแข็งแกร่งออกมา
กู้เจ๋อเหยียนสำรวจเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความรวดเร็ว “ที่แท้ก็เป็นเธอจริงๆ ด้วย”
เฉินฝานซิงไม่ได้เพิกเฉยต่อความรังเกียจและดูถูกในดวงตาของเขา
“ประธานกู้นี่เอง” น้ำเสียงของเฉินฝานซิงนิ่งเรียบ ไร้ซึ่งอารมณ์
คิ้วของกู้เจ๋อเหยียนเริ่มกระตุกเล็กน้อยเพราะความไม่พอใจในท่าทางที่ดูไม่รู้ร้อนรู้หนาวของเธอในขณะนี้
แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมา กลับกัน เขากลับพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม “มาทำอะไรที่นี่เหรอ”
“ทำงาน” เฉินฝานซิงตอบกลับไปนิ่งๆ เพียงสองพยางค์
กู้เจ๋อเหยียนเริ่มหงุดหงิด แต่ทว่ามุมปากยังคงยกยิ้มอยู่อย่างนั้นไม่ตก
“คุณเองกว่าจะมาถึงจุดนี้ก็ไม่ง่ายเลย ต่อไปต้องการความช่วยเหลืออะไร บอกได้เลย ยังไงซะเป็นเพื่อนเก่าคนเคยคุ้นเคยกัน ถ้าผมช่วยได้ก็จะช่วยเต็มที่ จะได้ไม่ต้องทำร้ายตัวเองถึงขนาดนั้น”
เฉินฝานซิงสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาทันที เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาช้าๆ แล้วชำเลืองมองเขาด้วยหางตาอย่างเยือกเย็น
เธอรู้แล้วว่าเขากำลังพูดถึงรูปภาพที่ถูกปล่อยในอินเทอร์เน็ตพวกนั้น
อันที่จริง ต่อให้ไม่มีรูปภาพในอินเทอร์เน็ต เฉินฝานซิงก็รู้ดีว่า ในสายตาของคนอื่นเธอไม่ใช่คนดีอะไรนัก
“ผมยังมีธุระต้องไปทำ พวกเรา…เจอกันที่งานเลี้ยงฉลองมหาวิทยาลัยนะ”
กู้เจ๋อเหยียนพูดจบ ก็เหลือบไปมองฉู่อี้ที่ถูกปีกหมวกบดบังใบหน้าไปครึ่งหนึ่งที่ยืนอยูด้านข้างวูบหนึ่ง สายตาฉายประกายความดูถูกออกมา
จากนั้นก็เดินอ้อมเฉินฝานซิงออกไป หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างเขาก็รีบเร่งฝีเท้าวิ่งตามไปติดๆ
สายตาของเฉินฝานซิงหยุดอยู่บนตัวของเธออีกครั้ง จวบจนกระทั่งเห็นเธอเดินห่างออกไปด้วยความรีบร้อน เฉินฝานซิงจึงละสายตาออกมา ก่อนที่จะกะพริบตาเบาๆ แล้วเลิกคิ้วที่เป็นระเบียบได้รูปของเธอ ความกระตือรือร้นในดวงตานั้นของเธอทำให้ฉู่อี้อดขนลุกขึ้นมาได้
“เธอกำลังคิดอะไรอยู่”
ฉู่อี้ทนไม่ไหวจนต้องถามออกมา
ผู้หญิงคนนี้ บางครั้งก็ทำให้รู้สึกว่าที่เธอมีชีวิตอยู่ถึงทุกวันนี้ได้ช่างเป็นปาฏิหาริย์จริงๆ
แต่เขาก็รู้อีกเช่นกันว่า ความคิดของเธอนั้นลึกซึ้งเกินกว่าที่คนจะคาดเดาได้
ก็เหมือนกับตอนนี้ เขามองออกว่าเธอต้องกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่!
แต่ก็ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่!
สายตาแบบนี้ เหมือนกำลังวางแผนอะไรบางอย่าง แต่ก็เหมือนจะไม่ใช่
เหมือนกับตอนที่กำลังดูหนังสืบสวนเรื่องหนึ่ง คนอื่นต่างกำลังเพลิดเพลินไปกับขั้นตอนการวิเคราะห์หาสาเหตุ แต่เธอกลับกำลังเพลิดเพลินไปกับตอนจบอย่างแฮบปี้เอนด์ดิ้งราวกับเป็นผู้สร้างเรื่องเสียเอง
เฉินฝานซิงหันไปมองเขาครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มมุมปากออกมา แล้วชี้ไปทางแผ่นหลังของกู้เจ๋อเหยียนตรงหน้าประตู “คิดว่าเขาน่าสนใจดี”
“…”
ฉู่อี้โมโหเขาจนไม่อยากจะพูดอะไรอีกแล้ว
แววตาที่เธอมองผู้ชายคนนั้น ทำให้เขาอยากจะควักลูกตาคู่นั้นของเธอออกมาซะ
มีตาหามีแววไม่!
จะเก็บมันไว้ทำไมอีก
ตอนที่ 236 เรื่องที่แก้ไขได้ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำไม่ได้
ในระหว่างที่ฉู่อี้ไปเตรียมความพร้อมอยู่ในห้องแต่งตัว เฉินฝานซิงก็เข้าไปพูดคุยรายละเอียดกับพิธีกร เพราะรายการวันนี้เป็นรายการสัมภาษณ์ เพราะฉะนั้น เธอจึงเปลี่ยนเอาคำถามที่ค่อนข้างอ่อนไหวทั้งหมดออกไป
ตอนนี้หน้าตาของเฉินฝานซิงเป็นที่รู้จักไปทั่ว เพราะช่วงนี้เธอกลายเป็นคนดังในโลกโซเชียลไปแล้ว
เพียงแต่ว่าดังด้านฉาวโฉ่ไปหน่อย
หลังจากที่รู้ว่าเธอเป็นผู้จัดการส่วนตัวของฉู่อี้ คนส่วนใหญ่ยิ่งรู้สึกรับไม่ได้
กลางสตูดิโอที่ใหญ่โตโอ่อ่า ขณะนี้มีเพียงแค่พนักงานของสถานีโทรทัศน์อยู่เท่านั้น
“คนที่เพียบพร้อมอย่างเจ้าพ่อจอเงินฉู่ ทำไมถึงได้ยอมตกลงให้ผู้หญิงที่ไร้ยางอายแบบนั้นมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวของตัวเองได้”
“หวังว่าเจ้าพ่อจอเงินฉู่ไม่โดนเธอหลอกก็พอแล้ว”
“วางใจเถอะ เจ้าพ่อจอเงินเขานิสัยเย็นชา ไม่มีทางเห็นเธอยู่ในสายตาแน่นอน เธอทนได้ไม่นานหรอก”
หลังจากทำการพูดคุยกับผู้กำกับได้ประมาณหนึ่งแล้ว เสี่ยวเจ้าก็วิ่งเข้ามาหาเฉินฝานซิงด้วยท่าทางเศร้าสร้อย
เฉินฝานซิงดูเวลา พบว่าจวนจะถึงเวลาแล้ว
“แต่งหน้าเสร็จแล้วเหรอ”
เสี่ยวเจ้าส่ายหน้า “พี่ซิง ฉู่อี้ไม่ยอมแต่งหน้า วีนแตกใหญ่เลย ทำช่างแต่งหน้าตกใจจนร้องไห้ไปแล้ว”
เฉินฝานซิงขมวดคิ้วมุ่น “ไปดูกัน”
ผู้กำกับรายการที่อยู่ด้านข้างก็ได้ยินเรื่องราวทั้งหมดเช่นกัน จึงรีบตามเฉินฝานซิงไปด้วย
ห้องแต่งหน้า
ทั้งห้องอบอวลไปด้วยบรรยากาศชวนอึดอัด ฉู่อี้ยืนหน้าบึ้งตึงอยู่ฝั่งหนึ่ง ส่วนอีกฝั่งคือช่างแต่งหน้าที่ยืนร้องไห้จนตาบวมอยู่ตรงหน้าประตู
เมื่อเห็นผู้กำกับเข้ามา น้ำตายิ่งไหลพรากหนักกว่าเดิม
เวลานี้ ด้านนอกประตูมีผู้คนมากมายมาออ หลังจากที่เฉินฝานซิงเข้าไปก็รีบปิดประตูห้องทันที
สามสิ่งใหญ่ๆ ที่ควรระวังสำหรับการเอาตัวรอดในวงการบันเทิง รูปถ่าย คลิปวีดีโอ และคลิปเสียง
ขอแค่หนึ่งตัวการปัญหาสามอย่างนี้ไม่ถูกคนอื่นครอบครอง เรื่องทุกเรื่อง ก็มีทางแก้เสมอ
พฤติกรรมของฉู่อี้ในวันนี้ ถ้ามีใครเจ้าเล่ห์แอบเอาสามสิ่งที่ว่าไปแชร์ในอินเทอร์เน็ต จะต้องถูกตราหน้าว่าเป็นคนอวดดีแน่
ระหว่างทางจากสตูดิโอมาถึงห้องแต่งหน้า เสี่ยวเจ้าได้แอบอธิบายเรื่องทั้งหมดให้เธอฟังหมดแล้ว
เรื่องมีอยู่ว่าช่างแต่งหน้าและผู้ช่วยอีกสองคนของเธอพูดจาเสียๆ หายๆ ถึงเฉินฝานซิงต่อหน้าฉู่อี้ เป็นเรื่องอะไรไปไม่ได้นอกจากเรื่องคอมเมนต์บนอินเทอร์เน็ตพวกนั้น
ฉู่อี้ได้ยินก็รู้สึกโมโหอยู่แล้วเป็นทุนเดิมแต่ก็พยายามข่มอารมณ์เอาไว้ แต่ช่างแต่งหน้ากลับแตะจุดต้องห้ามเด็ดขาดของฉู่อี้
นั่นคือลงหน้าให้เขาจนเข้ม สุดท้ายยังเขียนขอบตาให้เขาอีกด้วย
เส้นขอบตาพวกนี้ ในสายตาของฉู่อี้ นั่นเป็นสิ่งที่มีแต่ผู้หญิงเท่านั้นถึงจะชอบอะไรแบบนี้
เฉินฝานซิงเดินเข้าไปตรงหน้าฉู่อี้ ยื่นมือออกไปเชยคางของฉู่อี้ขึ้นมา มองซ้ายทีมองขวาที นิ้วมือลูบไล้ไปบนใบหน้าของเขา ผิวหน้าที่เนียนลื่นของเขา เพียงแค่ทาบนิ้วมือลงไปก็ลื่นไหลลงมาเองอัตโนมัติ
ท่าทางการกรีดกรายมือที่ไม่ต่างอะไรกับการยั่วยวนของเธอทำให้คนทั้งห้องแต่งหน้าต่างก็ต้องกลั้นหายใจไปตามๆ กัน แม้แต่ช่างแต่งหน้าเองก็หยุดร้องไห้ไปด้วย
ใบหูค่อยฉู่อี้แดงระเรื่อ
“เธอจะทำอะไร”
เฉินฝานซิงปล่อยมือออก ก่อนจะพูดอย่างนิ่งเฉย “ฉู่อี้ นายต้องเขียนขอบตานะ”
คิ้วทั้งสองข้างของฉู่อี้เลิกขึ้นทันที
เฉินฝานซิงพูดต่อ “รายการสัมภาษณ์ กล้องจะซูมเข้ามาใกล้มาก รูปแบบรายการแบบนี้เดิมทีค่อนข้างน่าเบื่อ ความสนใจของผู้ชมจึงมาอยู่บนใบหน้านายทั้งหมด วันนี้นายตื่นเช้า ตอนนี้ตายังบวมอยู่ ดูไม่ค่อยกระปรี้กระเปร่า เพราะงั้น นายต้องแต่งเติมหน่อย วาดแค่อินไลน์เนอร์เบาๆ ก็พอแล้ว หรือว่านายอยากจะให้คนดูมาจับผิดจุดบกพร่องบนใบหน้านายผ่านจอโทรทัศน์หรือไง”
“…”
ฉู่อี้ไม่ตอบอะไร ซึ่งก็หมายความว่าเขาตกลงทำตามอย่างจำใจ
ทุกคนล้วนแต่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะพากันส่งสายตาชื่นชมไปทางเฉินฝานซิง
พวกเขาคิดว่า รายการวันนี้คงจะต้องจบลงแค่ตรงนี้แล้วแน่ ผู้กำกับก็เตรียมพร้อมที่จะทำการขอร้องเขาแล้ว แต่ก็คิดไม่ถึงว่า เพียงแค่คำพูดไม่กี่คำของเฉินฝานซิงก็จะสามารถแก้ไขปัญหาได้ในทันที
ในขณะนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ของเฉินฝานซิงก็ดังขึ้น
เฉินฝานซิงส่งสัญญาณให้ช่างแต่งหน้าเขามาแต่งหน้าให้ฉู่อี้ ส่วนตัวเองเองก็หยิบโทรศัพท์แล้วเดินออกไปรับสายหน้าประตู
“อยู่ไหน”
ปลายสาย เสียงที่ทุ้มต่ำและเยือกเย็นของป๋อจิ่งชวนดังลอดออกมา