เฉินฝานซิงสาดคำจิกกัดออกมาไม่ปิดบัง ทำเอาหน้าของเจียงหรงหรงเจื่อนลงอีกครั้ง
“เรื่องครั้งนี้เป็นความดีความชอบของเชียนโหรวที่ไม่เอาเรื่องที่แกผลักเธอตกน้ำแพร่งพรายให้ใครรู้!”
“เรื่องระหว่างเธอกับซูเหิงน่ะ พวกเข้าเหมาะสมกันมาก ใจตรงกัน เข้าอกเข้าใจกัน เธอทำสำเร็จแล้ว หัวใจของซูเหิงไม่ได้อยู่ที่เธออีกต่อไปแล้ว แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นย่อมไม่หวาน เธอน่าจะรู้ความหมายของมันนี้ดี”
ความหนาวเหน็บในใจเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ เย็นจนเธอคิดไม่ถึงว่าความเจ็บปวดจะผุดขึ้นกลางหัวใจที่ด้านชาไปตั้งนานแล้วได้อีกครั้งหนึ่ง
เธอผลักเฉินเชียนโหรวตกน้ำ?
เฉินเชียนโหรวกับซูเหิงรักกันเหมาะสมกัน?
เหอะ ช่างน่าขัน!
ความน่ากลัวของการที่มีดวงตาที่มืดบอดคือมันสามารถการทำให้ใครสักคนมีจิตใจทำเอียงได้
เฉินฝานซิงไม่อยากเสียเวลาเสวนากับคนพวกนี้แม้แต่คำเดียว นอกจากไม่เปลืองน้ำลายแล้วและน่าจะทำให้อุ่นใจได้กว่ามาก
เข้าเริ่มลงมือจับช้อนไม้ขึ้นมาอย่างใจเย็นป้อนโจ๊กเข้าปากด้วยท่าทีสงบและสง่างาม
เห็นเฉินฝานซิงท่าทีเรียบเฉย สีหน้าทั้งคนสามก็ไม่สบอารมณ์เอาอย่างมาก เจียงหรงหรงมองเธออีกครั้งพร้อมทั้งกวาดตาไปมองของที่อยู่บนชั้นวาง
หัวคิ้วเลิกขึ้น เสียงเย็นพูดทิ้งท้ายไว้หนึ่งประโยค “พักผ่อนเถอะ” สิ้นประโยคสั้นๆ เธอก็หมุนตัวจากไป
ทั้งสามคนเดินออกจากห้องคนไข้มาอยู่ที่ทางเดินของโรงพยาบาล เจียงหรงหรงกล่าวกับเฉินเต๋อฝานและหยางลี่เวยที่เดินตามหลังมาว่า:
“ไปซื้อโจ๊กของหรูอี้ซวนมาให้เชียนโหรวสักชุดนึง อะไรที่มันมีเชียนโหรวจะไม่มีได้ยังไง พวกแกคิดอะไรกันอยู่!”
“หรูอี้ซวน?”
เฉินเต๋อฝานและหยางลี่เวยนึกเอะใจ พวกเขาสั่งให้คนไปซื้อโจ๊กที่หรูอี้ซวนให้เฉินฝานซิงตั้งแต่เมื่อไหร่
เจียงหรงหรงถูกอกถูกใจอาหารของหรูอี้ซวนมาตั้งแต่ไหนแต่ไร บางครั้งก็ใช้ให้คนรับใช้ไปซื้อมาให้ตั้งแต่เช้าตรู่ก็ยังไม่ได้กลับมาสักชุด
โจ๊กที่เฉินฝานซิงกินอยู่เป็นโจ๊กของหรูอี้ซิง?
ใครเป็นคนไปซื้อมา
ซูเหิง?
แต่ว่าเขาคอยเฝ้าเชียนโหรวอยู่ในห้องไม่ห่าง?
ต่อให้เป็นเขาจริงๆ ก็ไม่มีทางที่จะซื้อกลับมาให้เฉินฝานซิงแค่ชุดเดียว?
งั้นก็เหลือแค่ตัวเธอเองคนเดียวแล้ว?
ไม่ทำร้ายตัวเองแต่เสวยสุขเก่งเชียวนะ!
“ค่ะคุณแม่ หนูรู้ว่าคุณแม่เองก็ชอบกินโจ๊กเหมือนกัน เดี๋ยวจะสั่งให้พวกนั้นสั่งมาเผื่อให้อีกชุดนะคะ”
หยางลี่เวยพูดอย่างนุ่มนวล ทำให้เจียงหรงหรงพอใจไม่น้อย
“กลับกันเถอะ”
–
ห้องไพรเวทชั้นสามของหรูอี้ซวน
อวี๋ซงกลับมายืนอยู่ตรงหน้าของป๋อจิ่งชวนอีกครั้ง
เขารายงานเรื่องที่เขาเจอกับเจียงหรงหรง เฉินเต๋อฝาน หยางลี่เวยโดยบังเอิญให้ป๋อจิ่งชวนฟังอย่างละเอียด
จริงๆ แล้วเรื่องราวเกี่ยวกับบ้านตระกูลเฉินไม่ได้เป็นความลับมาตั้งนานแล้ว
แค่ลองออกปากถามนิดหน่อย ไม่นานข่าวลือต่างๆ ก็หลุดออกมามากมาย
ป๋อจิ่งชวนนั่งอยู่บนที่นั่งประธานในห้องที่ได้จองไว้
แสงอาทิตย์จากหน้าต่างตัดกับความโดดเด่นโครงหน้าได้รูป ท่วงท่าดูสูงส่งนิ่งสงบและสง่าผ่าเผย
เขาพยักหน้ารับนิดๆ ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันเบาๆ ยกมุมปากขึ้นบางๆ
นิ้วเรียวยาวที่วางบนโต๊ะไม้ตัวหนาเคาะขึ้นลงเป็นจังหวะ คัฟลิงค์สีเงินยี่ห้อแพงอันงดงามสะท้อนแสงวิบวับตามการขยับของเขา
“นายจะบอกว่าคือเธอถูกคนในบ้านลอยแพ?” เสียงทุ้มต่ำค่อยๆ ดังขึ้น ในนั้นแฝงไปด้วยความเย็นเยียบจนทำให้ซูอวี๋อดที่จะตัวเกร็งไม่ได้
“ดูเหมือนว่าตอนนี้จะเป็นอย่างนั้นนะครับ เชื่อเสียงของคุณเฉินก่อนหน้านี้เองเหมือนว่าจะไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่…”
อวี๋ซงตอบอย่างเคลือบแฝง
จริงๆ คำว่าไม่ค่อยดียังน้อยไปเสียด้วยซ้ำ ถ้าจะให้พูดตรงๆ เลยคงต้องใช้คำว่าฉาวโฉ่
แต่เรื่องทุกอย่างก็ไม่เคยมีใครพยานได้มาก่อน เขาจึงไม่อยากให้น้ำหนักกับมันมากนัก
ป๋อจิ่งชวนไม่พูดอะไร เพียงแค่หรี่ดวงตาอันเฉียบแหลมให้เรียวเล็กลงเล็กน้อย
อวี๋ซงเห็นดังนั้น เขาก็ขยับขากรรไกรอย่างรีบร้อนพลางโค้งตัวลงแล้วพูดว่า “คุณผู้ชายจะให้ผมไปตรวจสอบให้ไหมครับ”
“ไม่จำเป็น”