อวี๋ซงที่ยืนพิจารณาตัวเองอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ ก็ได้กระตุกมุมปากขึ้นอย่างชั่วร้าย
จริงๆ เขาก็ไม่ได้โทษจิตใจคุณผู้ชายของเขาหรอก
เพราะว่าคุณผู้ชายของเขานั้น…เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ
(เจ้าหมาตัวที่สอง เจ้าเปลี่ยนไป)
เปลี่ยนไปจนเขาแทบจะไม่รู้จัก
ใครจะไปคิด ว่าคุณผู้ชายที่แค่นั่งเฉยๆ ก็ทำเอาคนทั้งหอประชุมแทบช็อกจนเป็นอัมพาตได้ แค่หันหลังให้ก็กลายเป็นคนที่คุยโทรศัพท์กับอีกคนอย่างอบอุ่น?
อบอุ่น?
ผู้ชายที่เคร่งขรึมเฉยเมยและเยือกเย็นจนเข้ากระดูกอย่างเขา อยู่ๆ ก็อบอุ่นได้ถึงขนาดนี้?
ยิ่งโตไปยิ่งได้เจอจริงๆ
เป็นแบบนี้แล้วสาวๆ ที่ตามกรี๊ดคุณชายมาตั้งนานจะมีชีวิตต่อไปยังไง
เฉินฝานซิงที่ได้ยินเสียงของเขากลับรู้สึกว่าไม่มีอะไรผิดปกติ
“อืม รู้แล้วค่ะ”
เธอเลิกผ้าห่มออก สวมรองเท้าแตะก้าวลงจากเตียง แขนข้างหนึ่งยกขึ้นด้านหน้า ยืนมองทิวทัศน์ด้านนอกที่ริมหน้าต่าง
สายตากลับจ้องมองไปยังตึกที่สูงที่สุด อย่างไม่ได้ตั้งใจ
คนหนึ่งยืนอยู่บนชั้นที่สูงที่สุดของตึก อีกคนยืนอยู่ในที่ลับตาจนยากที่ใครจะมองเห็น
คนหนึ่งเสื้อสูทรองเท้าหนัง ส่วนอีกคนชุดนอนโทรมๆ
ทั้งสองแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด แต่ขณะนี้กลับกับยืนอยู่ที่ริมหน้าต่างในเวลาเดียวกัน ขั้นกลางด้วยความเจริญ ตรงข้ามและเผชิญหน้า
“คุณเพิ่งตื่น?”
“…อืม” เฉินฝานซิงเงียบไปก่อนจะตอบกลับมาหนึ่งคำ
“ได้ยินว่าคุณลาออกวันนี้”
ป๋อจิ่งชวนถามขึ้นเสียงเรียบ โดยมีอวี๋ซงเบ้ปากอยู่ข้างๆ
รู้อยู่แล้วยังจะแกล้งทำเป็นไม่รู้อีก
หมาป่าหางโต! [1]
จู่ๆ คำๆ นี้ก็ปรากฏขึ้นในหัวของอวี๋ซง เล่นเอาเขาตกใจ
หมิ่นเกินไป!
เฉินฝานซิงเคยบอกเรื่องนี้ต่อหน้าคุณย่าแล้วครั้งนึง ซึ่งตอนนั้นป๋อจิ่งชวนเองก็อยู่ด้วย
จะรู้ก็ไม่แปลก
“อื้ม ลาออกแล้ว”
ป๋อจิ่งชวนยังคงแย้มมุมปาก “ดีมาก”
“…” เธอปิดปากเงียบไม่พูดจา
“คุณทานอะไรหรือยัง” เขานิ่งไปได้แค่สองวิ ก็ถามขึ้นอีกครั้ง
เธอหันไปมองนาฬิกาตรงหัวเตียงที่บอกเวลาสิบเอ็ดโมง
“ยังเลย”
“อืม ผมยุ่งมากเลย”
อวี๋ซงแม้แต่ตอนนี้หางตาเขาก็เริ่มจะเป็นตะคริว
ถึงห้องทำงานนี้ใหญ่แต่ก็เสียบสงัดจนแม้แต่เสียงในโทรศัพท์ก็ยังสามารถได้ยินอย่างชัดเจน
คุณตอบอะไรของคุณ
ก็เขาบอกอยู่ว่ายังไม่ได้ทานอะไร คุณกลับตอบไปว่าคุณยุ่งมาก?
คุณผู้ชาย ขอผมกำเริบเสิบสานอีกสักครั้งเถอะ : คุณเป็นแบบนี้ไม่วันจีบหญิงติดหรอก
คำตอบนั้นทำเอาเธอผงะไปเช่นกัน เธอนิ่งไปแปปนึงก่อนจะรีบเอ่ยขึ้น “งั้นคุณ…”
“จะวางสายผมแล้วเหรอ”
เฉินฝานซิงแทบสำลักคำพูดตัวเอง “…ก็คุณบอกว่าคุณยุ่งมาก”
“อืม เที่ยงนี้คุณกะจะทานข้าวที่บ้านไหม”
เฉินฝานซิงกุมขมับ เธอรู้สึก…เหนื่อยนิดหน่อยกับการตามความคิดของผู้ชายคนนี้ไม่ทัน
“ไม่ได้วางแผนจะไปไหน หาอะไรกินที่บ้านนิดๆ หน่อยๆ ก็พอแล้ว”
“โอเค ผมเข้าใจแล้ว”
“…”
“…”
ทั้งคู่ตกอยู่ในช่องว่างของบทสนทนาที่ยาวนาน
เนิ่นนาน กว่าที่ป๋อจิ่งชวนจะเอ่ยขึ้นเสียงต่ำ “คุณวางสายก่อนเถอะ”
เธอนิ่งไป “…ค่ะ”
ก่อนจะกดวางสายลง
สิ้นสุดการสนทนา
อวี๋ซงยืดกายขึ้นอย่างเงียบๆ
ป๋อจิ่งชวนเก็บโทรศัพท์แล้วหันมา ใบหน้าของอวี๋ซงก็เรียบเฉย ท่าทางเคร่งขรึมและเข้มงวดเหมือนเช่นเคย
“คุณผู้ชายครับการก่อสร้างห้างสรรพสินค้าที่เฉิงเป่ยกำลังจะแล้วเสร็จในเร็ว ๆ นี้ ก่อนหน้านี้แบรนด์ต่างประเทศจำนวนมากได้มีการยื่นคำร้องเข้ามา ผู้รับผิดชอบฝ่ายส่งเสริมการลงทุนได้ส่งข้อมูลของแบรนด์สินค้ามาแล้ว นอกจากนั้น…”
ป๋อจิ่งชวนช้อนตาขึ้น กวาดตามองอวี๋ซงอย่างเรียบเฉย สายตานั้นทั้งจมดิ่งและว่างเปล่า ทำเอาอวี๋ซงถึงกับฉงน จนค่อยๆ ลดเสียงลง
ลางสังหรณ์บอกเขาว่าตอนนี้ไม่ควรพูดอะไร
——
[1] หมาป่าหางโต กลัวคนอื่นจะมองข้ามหรือมองไม่เห็น