ป๋อจิ่งชวนรู้สึกได้ถึงร่างบางในอ้อมแขนที่เขาแทบจะสามารถประคองไว้ได้ด้วยครึ่งฝ่ามือ คิ้วสวยกำลังขมวดเข้าหากันมุ่น
เขาเผลอก้มลงไปมองร่างที่ผอมเกินไปของหญิงสาวในอ้อมแขนอย่างไม่ทันระวัง จนคางดันไปชนเข้ากับกระหม่อมของอีกฝ่าย
ผมสลวยที่เคลื่อนไหวไปมาใต้คางของเขาจนชักจะเริ่มคัน
สายตาเคลื่อนไปมองหลังคอขาวของเธอ
เขานิ่งอึ้งไปชั่วขณะ
ตอนนี้ฝานซิงกลับมาขยับเขยื้อนกายอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่าอาการชาเมื่อครู่ได้หายไปแล้ว เธอเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ขอบคุณนะ…ฉันไม่เป็นไรแล้ว…”
ป๋อจิ่งชวนจิตใจสั่นไหวเพียงน้อย แต่ก็ค่อยๆ คลายอ้อมแขนออกอย่างระมัดระวัง!
เมื่อเห็นเธอพอที่จะยืนเองได้เขาจึงค่อยๆ ปล่อยมือจากเธอ
“โอเคไหม”
ใบหน้าเห่อร้อนขึ้นสี พยักหน้ารับ
“ดีขึ้นแล้ว! ต้องขอโทษด้วยนะพอดีเมื่อกี้ขามันชาน่ะ”
ป๋อจิ่งชวนกระตุกมุมปาก “ฉันรู้ เธอไม่จำเป็นต้องอธิบาย”
คำพูดเรียบง่าย กลับทำให้เฉินฝานซิงนิ่งไป ความขมขื่นเกิดขึ้นใจใน แต่เธอก็ไม่ได้มีท่าทีที่เปลี่ยนไป
“ขอบใจนะ”
ด้านของหญิงชราที่เกือบหัวใจวายไปกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่ แต่พอได้เห็นท่าทีที่มีต่อกันของทั้งคู่แววตาคู่นั้นก็เปล่งประกายขึ้นมาอย่างอิ่มอกอิ่มใจ
ดูๆ แล้ว เจ้าหลานชายคนนี้มันก็ไม่ได้โง่ไปซะทุกเรื่อง…
ป๋อจิ่งชวนไม่ได้โง่ไปซะทุกเรื่องเสียเมื่อไหร่?
เฉินฝานซิงยืนอยู่ที่เดิมอีกสักพัก แต่พอนึกถึงคำพูดของซูเหิงขึ้นมา เธอก็รีบหมุนตัวไปพูดกับหญิงชรา
“คุณยายคะ ตอนนี้หนูมีเรื่องที่จะต้องไปจัดการ คุณยายพักอยู่ห้องไหนเหรอคะ หนูทำธุระเสร็จแล้วจะได้ตามไปอยู่เป็นเพื่อน”
“อยู่ตรงโน้น! ที่ประตูนั้นไงเห็นหรือเปล่า ถ้ามาครั้งหน้าก็เดินเข้าไปทางนี้…”
หญิงชราชะงักไปครู่หนึ่ง นัยน์ตาฉายประกายความเจ้าเล่ห์
“พวกเรามาแลกเบอร์โทรกันไว้เถอะ เอ๊ะ…ฉันไม่มีโทรศัพท์นี่!”
ด้านไหลหรงเดินเข้ามาพลางคว้านมือเข้าไปหาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง
“นายหญิง…”
หญิงชราปรามบ่าวด้วยหางตา เธอจึงรู้ได้ในทันทีและยอมถอยกลับไป!
“จิ่งชวน รีบๆ เอาโทรศัพท์มาเมมเบอร์ให้ฉันสิ!”
ป๋อจิ่งชวนเลิกคิ้วขึ้นไม่เข้าใจจุดประสงค์ของคุณย่า แต่ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วมองไปยังเฉินฝานซิง
“183…”
หลังจากบันทึกเบอร์มือถือของอีกฝ่ายลงเครื่องเรียบร้อยแล้ว โทรศัพท์ก็ถูกเก็บเข้าที่ไว้อย่างเดิม
เมื่อมองไปยังรูปร่างผอมบางของอีกฝ่าย เขาจึงถอดเสื้อสูทของตัวเองออกมาห่มไว้บนตัวเธอ
ความอบอุ่นที่มีกลิ่นหอมสดชื่นจางๆ ห่อหุ้มร่างเฉินฝานซิงเอาไว้ ไออุ่นจากกายของชายหนุ่มยังคงติดอยู่บนเสื้อตัวนั้น
“สวมซะ ตัวเธอเย็นหมดแล้ว” น้ำเสียงราบเรียบพูดพร้อมกับมองไปยังหญิงสาวที่ยืนด้วยท่าทีไม่สะทกสะท้าน
ก้อนเนื้อกลางอกรู้สึกอ่อนยวบ กรอบตาก็พลันเห่อร้อนขึ้นมาเสียดื้อๆ
ไม่นึกไม่ฝันมาก่อน ว่าเธอจะได้รับไออุ่นและความห่วงใยในเวลาที่ต้องการมันมากที่สุดจากชายที่เจอกันโดยบังเอิญ
สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจถอดเสื้อตัวนั้นคืนให้กับเขา
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันก็จะกลับห้องแล้ว หากจะคืนให้คุณวันหลังก็คงลำบากเปล่าๆ”
“ลำบาก?” ป๋อจิ่งชวนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ที่เพิ่งบอกว่าจะไปอยู่เป็นเพื่อนคุณย่าเธอก็แค่พูดไปอย่างนั้นเองงั้นสิ?”
เฉินฝานซิงมีสีหน้าแปลกใจก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ
“ฉันจะไปอยู่เป็นเพื่อนคุณย่าแน่นอนค่ะ”
เธอยื่นชุดสูทส่งคืนให้กับเขาก้มหน้าให้เขาเล็กน้อยแล้วเดินจากไป
ดวงตาพร่างพราวเหม่อมองแผ่นหลังของหญิงสาวที่ทั้งบอบบางและดื้อดึงค่อยๆ เดินห่างออกไปเรื่อยๆ
คุณย่า?
เรียกได้น่าฟังดี
“จิ่งชวน”
หญิงชราเอ่ยเรียก เขาหันกลับไปมองยังต้นเสียง
ส่งยิ้มให้จนตาเป็นสระอิ
“มีอะไรให้รับใช้ครับ”
เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างขัดอกขัดใจ
“เจ้าทื่อมะลื่อนี่ ไปส่งเขาสิยะ!”