ตอนที่ 209 ภารกิจสำคัญของผู้ช่วยอวี๋
ไม่รู้ทำไม ภายในอาคารป๋อซื่อทั้งสิบแปดชั้นถึงมีแต่ความอึมครึมอย่างไม่มีที่มาที่ไป
ใบหน้าของทุกคนต่างก็ตึงเครียด จนแม้แต่เขาที่กำลังเดินอยู่เฉยๆ ก็อดจะต้องเขย่งปลายเท้าเดินไม่ได้
ยิ่งอยู่ชั้นสูง ความกดดันในชั้นบรรยากาษยิ่งทำให้คนรู้สึกเหมือนกับว่าไม่ได้อยู่บนโลกมนุษย์
ในอ้อมแขนของอวี๋ซงมีของมากมายเต็มไปหมด
ช็อคโกแลต ขนมขบเคี้ยว เนื้ออบแห้ง เต้าหู้อบแห้ง ปลาหมึกเส้น น้ำส้มคั้น…
ระหว่างนั้นเองก็มีพนักงานสาวท่าทางเขินอายสองสามกันเกี่ยงกันไปดันกันมาเดินเข้ามาหาอวี๋ซง
อวี๋ซงยังคงทำสีหน้าเคร่งขรึมอย่างเดิม แต่ภายในใจก็รู้สึกตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย
นี่อย่าบอกนะว่ากำลังจะเข้ามาสารภาพรักกับเขาน่ะ
ที่แท้เขาก็มีเสน่ห์ดึงดูดต่อเพศตรงข้ามมากขนาดนี้เลยเหรอ!
จุดพักผ่อนบนชั้นดาดฟ้า
สถานที่แบบนี้ เป็นทำเลทองที่เหมาะสำหรับการสารภาพรักที่สุดแล้ว
แต่ทว่า ในขณะที่อวี๋ซงเห็นผู้หญิงสามคนตรงหน้า ก็รู้สึกทำตัวไม่ถูกขึ้นมา ต้องพากันมาเยอะขนาดนี้เลยเหรอ
ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าผู้หญิงสมัยนี้ ในหัวกำลังคิดเรื่องอะไรกันอยู่
“ผู้ช่วยอวี๋…”
มาแล้ว!
อวี๋ซงเหยียดหลังตรงโดยไม่รู้ตัว
หญิงสาวหน้าแดงก่ำ ยืนบิดไปบิดมาอยู่กับที่แทบครึ่งค่อนวัน
“พูดเลย”
“พูดไปสิ เสี่ยวฮุ่ย”
“เร็วเข้า เอาของให้เขาเลย”
ผู้หญิงที่ยืนอยู่ด้านข้างไม่กี่คนรบเร้าด้วยความร้อนใจและคาดหวัง
สาวน้อยที่ชื่อเสี่ยวฮุ่ยใบหน้าแดงเถือก ยืนกัดปากด้วยความลังเลอยู่นาน ในที่สุดก็ยัดถุงพลาสติกสีดำที่ถืออยู่ในมือเข้าอ้อมแขนเขาไป
อวี๋ซงยื่นแขนออกไปรับของที่มาแบบไม่ทันตั้งตัว
“นี่อะไร” เขาถามด้วยความสงสัย ก่อนจะหยิบของที่อยู่ข้างในออกมา
หลังจากที่เห็นคำแนะนำที่อยู่บน**บห่อเรียบร้อยแล้ว ใบหน้าหล่อเหลาของเขาก็นิ่งงันไปในชั่วพริบตา
นี่มันของบ้าอะไรกัน
อวี๋ซงนิ่งอึ้งอยู่พักใหญ่ สุดท้ายเด็กสาวคนนั้นก็พูดออกมา
“ผู้ช่วยอวี๋คะ ฉันเพิ่งมาทำงานที่บริษัทได้ไม่นาน ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ…”
ทำไมขอฝากเนื้อฝากตัวกับคนอื่นจะต้องให้ของแบบนี้กับเขาด้วย
เด็กสาวสมัยนี้ ไม่รู้กันแล้วเหรอว่ายางอายคืออะไร
จะเปิดกว้างเกินไปหรือเปล่า
“นี่เธอ…หมายความว่ายังไง” อวี๋ซงหยุดกลืนน้ำลายระหว่างพูด รู้สึกว่าตัวเองดูเหมือนจะพูดไม่ค่อยออก
และแล้วเด็กสาวก็เงยหน้าขึ้นมา ดวงตาฉายประกายแห่งความตื่นเต้น
“ผู้ช่วยอวี๋ ไมต้องเป็นห่วงนะคะ ฉันสนับสนุนคุณอย่างเต็มที่แน่นอนค่ะ”
“…สนับสนุนอะไร?”
“สนับสนุนคุณกับท่านประธานยังไงล่ะคะ รักแท้ไม่แบ่งเพศหรอกค่ะ พวกคุณจะต้องยืนหยัดต่อไปให้ได้นะคะ ขอให้พวกคุณโชคดี”
“…”
“…อย่ามองแค่ฉันเป็นผู้หญิงนะคะ จริงๆ ฉันก็พอจะเข้าใจเรื่องแบบนี้ของพวกคุณอยู่บ้าง ต่อไปมีปัญหาใหญ่อะไรคุยกับฉันได้เสมอเลยนะคะ…เพราะงั้น ผู้ช่วยอวี๋คะ คุณก็เห็นแล้วนี่คะ ว่าตอนนี้พวกเรา ‘สนิท’ กันขนาดนี้แล้ว ฝั่งท่านประธาน รบกวนคุณช่วยใช้ใจกับเขาเยอะๆ ด้วยนะคะ ช่วยทำให้เขามีความสุขที ช่วยท่านประธาน…ดับความรุ่มร้อน ฉันขอเป็นตัวแทนพนักงานทั้งหมดแสดงความขอบคุณกับคุณด้วยค่ะ!”
“…”
นี่คือการสารภาพรักเหรอ
ทำไมถึงได้ต่างกับที่เขาจินตนาการไว้เยอะขนาดนี้
เขากับคุณผู้ชาย?
สรุปว่าระหว่างเขากับคุณผู้ชายเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ถึงได้ทำให้พวกเธอเข้าใจผิดไปไกลขนาดนี้
ให้ของพวกนี้ แล้วยังกำชับให้เขาช่วยคุณผู้ชายดับความรุ่มร้อน?
เหอะ เหอะ ใครบอกเขาได้บ้างว่าจะดับยังไง!
–
ด้านนอกห้องทำงานของท่านประธาน อวี๋ซงมองดูกองขนมที่วางพะเนินอยู่บนโต๊ะตัวเองแล้วมองไปยังถุงสีดำที่วางอยู่ข้างกัน ก่อนจะหลับตาลง
ช่างบาดตาจริงๆ มองแค่แวบเดียวก็ทำให้รู้สึกแย่ได้
เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง อวี๋ซงยื่นนิ้วออกไปเกี่ยวถุงใบนั้นขึ้นมา ก่อนจะเอาของสกปรกพวกนั้นไปทิ้งในห้องน้ำ
จะทิ้งไว้ในถังขยะในห้องทำงานไม่ได้เด็ดขาด ถ้าเกิดเพื่อนๆ ร่วมงานมาเห็นเข้า…
ต่อให้มีปากทั่วทั้งตัวก็อธิบายอะไรไม่ได้!
ตอนที่ 210 แอบปาดน้ำตาลูกผู้ชาย
ทว่าขณะที่เขากำลังเดินเข้าไปในห้องน้ำ ก็เกือบไปชนกับใครบางคนเข้า
โชคดีที่เขาตอบสนองเร็ว จึงรีบเบี่ยงตัวหลบทันที
ป๋อจิ่งชวนอยู่ในชุดสูทราคาแพง ร่างสูงโปร่งยืนหยุดอยู่หน้าประตู ใบหน้าหล่อเหลาไร้อารมณ์ มีเพียงดวงตาดำขลับราวกับหยกคู่หนึ่งกำลังมองมาที่อวี๋ซงด้วยความเรียบเฉย
แต่ก็ด้วยสีหน้าแววตาที่ไม่มีท่าทีทุกข์ร้อนแบบนี้ที่แผ่ซ่านรังสีแห่งความแข็งแกร่งและเยือกเย็นออกมา ทำเอาอวี๋ซงแทบจะกลายเป็นประติมากรรมน้ำแข็งแกะสลักไปเสียให้ได้
“คุณผู้ชาย”
อวี๋ซงฝืนใจกล่าวทักทายป๋อจิ่งชวนอย่างขัดไม่ได้
ป๋อจิ่งชวนชำเลืองมองเขาด้วยความเย็นชา พร้อมทั้งพูดขึ้นด้วยความเย็นชาเช่นกัน
“เดี๋ยวไปหาฉันที่ห้องทำงานด้วย”
อวี๋ซงรีบตอบรับ “ครับ”
ป๋อจิ่งชวนพูดจบก็ก้าวเท้าเดินออกไป อวี๋ซงรีบถอยไปด้านข้างสองก้าวอย่างว่องไวเพื่อหลีกทางให้เขามีทางให้เดินได้มากที่สุด
แต่ทันใดนั้นเองกลับมีเสียงของร่วงลงพื้นดังขึ้น โครมม
ป๋อจิ่งชวนชะงักฝีเท้า ก้มลงมองของที่กลิ้งมาขวางเท้าของตัวเอง ดวงตาสีดำเข้มค่อยๆ หรี่ตาลง
จู่ๆ อวี๋ซงก็รู้สึกราวกับมีอาการสมองบวม เส้นเลือดใต้ขมับเต้นตุบๆ ไม่หยุด
แอบพิเคราะห์ถุงในมือ… ดูเหมือนน้ำหนักจะเบาลงไปไม่น้อย
ถุงเกี่ยวกับตะขอตัวล็อคบนขอบประตูจนขาด…
“…”
“…”
“เกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้น”
พนักงานที่ทำงานชั้นบนนั้นมีไม่มากนัก เพราะเป็นชั้นทำงานของป๋อจิ่งชวน แต่วันนี้บรรยากาศวังเวงกว่าปกติ ทำให้ทั้งชั้นเงียบสงัดกว่าที่ผ่านมาหลายเท่า
เป็นผลให้เสียงก๊องแก๊งที่ดังขึ้นในวันนี้มีอานุภาพรุนแรงพอๆ กับวัตถุระเบิดได้เลยทีเดียว
พนักงานไม่กี่คนที่ตั้งใจจะมาเข้าห้องน้ำรีบวิ่งมาดูทันทีหลังจากได้ยินเสียง จากนั้นก็ได้เจอกับป๋อจิ่งชวนและอวี๋ซงที่อยู่กันสองต่อสองกับเซ็กส์ทอยสำหรับชาวรักร่วมเพศที่กระจายอยู่บนพื้น
เพียงระยะเวลาสั้นๆ สีหน้าของแต่ละคนก็เปลี่ยนไปหลายอารมณ์ จนยากจะคาดความรู้สึกที่แท้จริง
อวี๋ซงตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขาแทบจะก้มลงเก็บของทันทีที่ของตกถึงพื้น
ส่วนพนักงานแต่ละคนก็ล้วนแต่เป็นคนที่จิตใจดีกันทั้งนั้ นต่างก็พากันเข้ามาช่วยอวี๋ซงเก็บของที่ตกอยู่บนพื้นพวกนั้น
“…ขอบใจ”
อวี๋ซงอยากจะหารูมุดหนีออกไปจากตรงนั้นเสียให้ได้ เวลาแบบนี้ จะหยุดทำตัวเป็นคนดีชอบช่วยเหลือผู้คนก่อนสักแป๊บจะได้ไหม
“ไม่…ไม่เป็นไร” พนักงานที่เข้ามาช่วยล้วนแต่รู้สึกกระอักกระอ่วนใจอยู่ไม่น้อย
ส่วนสีหน้าของป๋อจิ่งชวนนั้นยิ่งดูแย่กว่าใครๆ
ใบหน้าขมวดมุ่นราวกับมีเกล็ดหิมะเย็นยะเยือกเกาะอยู่ระหว่างคิ้ว
เขาเหลือบมองอวี๋ซงปราดหนึ่ง ดวงตาที่จ้องมองด้วยความเย็นชาคู่นั้นทำให้อวี๋ซงอยากหลบไปหาที่แอบปาดน้ำตาลูกผู้ชายสักพัก
ขออย่าให้วันนี้เขาต้องมาเจอเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับ ‘ไม้ป่าเดียวกัน’ อีกเลย
ป๋อจิ่งชวนเดินออกไปพร้อมกับรังสีความเยือกเย็นที่รุนแรงกว่าก่อนหน้านี้ พลันทำให้บรรยากาศของทั้งอาคารป๋อซื่อสยดสยองขึ้นกว่าเดิม
อวี๋ซงรีบหอบของในอ้อมแขนวิ่งตามป๋อจิ่งชวนออกไป
“คุณผู้ชาย อย่าเข้าใจผิด…”
เขาถูกใส่ร้ายจริงๆ นะ
ในห้องน้ำมีเสียงซุบซิบลอดออกมาเบาๆ
“ที่ว่ากันว่าท่านประธานของพวกเราจิตใจบริสุทธิ์ ไม่สนใจผู้หญิง ที่แท้ก็…”
“เฮ้อ ผู้หญิงอย่างเราชักจะอยู่ยากขึ้นทุกวันแล้ว…”
“ช่างเถอะ ไม่อย่างนั้นก็หาผู้หญิงสักคนอยู่กินกันไปชั่วชีวิตเลยแล้วกัน…”
เสียงไม่ดังมาก แต่ก็ทำให้ป๋อจิ่งชวนที่กำลังเดินอยู่ที่ทางเดินหยุดชะงักร่างสูงยาวของเขาไปครู่หนึ่ง
หนังตาของอวี๋ซงกระตุกเบาๆ
ขอร้องพวกเธอล่ะ ปล่อยฉันไปจะได้ไหม
เรื่องที่ไม่ควรพูดก็ดันพูด จริงๆ เลยเชียว
–
เมื่อใกล้เวลาเลิกงาน เฉินฝานซิงกลับถูกสวี่ชิงจือขวางไว้ที่หน้าห้องทำงาน
“คืนนี้ไปกินมื้อค่ำด้วยกันเถอะ พวกเราไม่ได้กินข้าวด้วยกันแบบดีๆ มาตั้งนานแล้ว”
“มื้อค่ำ?” เฉินฝานซิงเงียบไป
“ใช่แล้ว แล้วก็ถือโอกาสไปร้านชุดชั้นในเป็นเพื่อนฉันด้วย หลายวันมานี้ยุ่งมากจนยังไม่มีเวลาไปซื้อชุดใหม่เลย”
ชุดชั้นใน…
เมื่อนึกถึงชุดชั้นในที่เธอตากไว้ที่ระเบียงตัวนั้น เฉินฝานซิงก็รีบยกมือขึ้นมากดหัวคิ้วที่ขมวดเข้าหากันของตัวเองทันที
“ได้สิ ไปด้วยกัน”
จากนั้น เธอก็หยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาส่งข้อความหาป๋อจิ่งชวน