เท่าที่ดูแล้ว อธิบายได้ว่า ความสามารถของไป๋ยี่เฟย อยู่เหนือพวกเขา
ลูกพี่เป่ยทั้งตะลึงทั้งโกรธ ชี้หน้าไป๋ยี่เฟยถาม “คุณเป็นใคร? อยากทำอะไร?”
ไป๋ยี่เฟยยักไหล่อย่างเอือมระอา “ผมเป็นคนที่อยากให้คุณได้เงินหนึ่งพันล้าน แต่ว่าคุณไม่อยากได้เอง ถ้าอย่างนั้นผมก็ช่วยไม่ได้ ก็ได้แต่ฆ่าพวกคุณทั้งหมด”
พูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็เดินเข้าไปหาลูกพี่เป่ย
ลูกน้องของลูกพี่เป่ยเห็นแล้วต่างก็พากันเข้าหาไป๋ยี่เฟย
ปรากฏว่า ลูกน้องพวกนี้มากสุดก็ระดับที่สามชั้นสูง ความสามารถต่างจากไป๋ยี่เฟยมากเกินไป ไป๋ยี่เฟยแค่สะบัดซ้ายขวาง่ายๆ ลูกน้องพวกนั้นก็กระเด็นลอยออกไป อีกอย่างสิ้นลมทันที
ลูกพี่เป่ยเห็นสถานการณ์แล้วสีหน้าเปลี่ยนไปมาก ถอยหลังอย่างรวดเร็ว
คนที่เหลือก็ตระหนักได้ในที่สุด คนในครั้งนี้พวกเขามีเรื่องด้วยไม่ได้ ราศีลดลงไปในทันที แต่ละคนก็ตกใจจนถอยหลัง ในสายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ลูกพี่เป่ยก็กลัวแล้ว เขาจ้องไป๋ยี่เฟยอย่างระวัง แกล้งฝืนทำเป็นใจเย็นพูดว่า “คุณควรรู้ว่า ผมคนเป็นคนท่านดยุก คุณกล้าทำอะไร หรือว่าไม่กลัวท่านดยุกหาคุณชำระบัญชี?”
ไป๋ยี่เฟยกลับพูดอย่างเรียบเฉย “ท่านดยุกคือใคร? ผมไม่รู้จักสักนิด”
“แต่ว่า คนที่อยากหาเรื่องผม ผมไม่ปล่อยไว้แน่”
ไป๋ยี่เฟยน้ำเสียงต่ำมาก สายตาก็เย็นชามาก มองจนลูกพี่เป่ยตัวสั่น
ลูกพี่เป่ยก็ไม่ได้โง่ จากความสามารถที่ไป๋ยี่เฟยแสดงออกมาก็รู้ได้ว่า ความสามารถของเขาสูงกว่าตัวเอง ทางพวกเขามีคนมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์
เห็นสถานการณ์แล้ว ลูกพี่เป่ยก็หนักใจ พูดว่า “น้องชายท่านนี้ คือ คือผมผิดเอง คนนั้นพวกเราจับมา พวกเราแค่จับตัวเธอมา ไม่ได้ทำอะไรกับเธอ ถ้าคุณต้องการตัวเธอ ผมเอาคนให้คุณทันที”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินแล้วก็หัวเราะเย็นชาพูดว่า “ผมเคยให้โอกาสพวกคุณแล้ว อีกอย่าง ผมถามไปสองรอบแล้ว”
สีหน้าลูกพี่เป่ยไม่ดีขึ้นมา คิดไปคิดมา “น้องชาย พวกเราเมื่อกี้ก็แค่ล้อเล่นกับคุณไม่ใช่เหรอ? เอาอย่างนี้ ในที่นี้ของเราท่านดยุกเป็นหัวหน้าตัวจริง ผมเป็นคนข้างกายท่านดยุก ผมสามารถนำคุณไปพบท่านดยุกได้”
“มีท่านดยุกช่วยคุณเปิดทาง ความเจริญมั่งคั่งในชีวิตที่เหลือของคุณจะมีอย่างไม่จบไม่สิ้น คุณว่ายังไง?”
ไป๋ยี่เฟยมองลูกพี่เป่ยอย่างเย็นชา “อย่าพูดถึงท่านดยุกกับผม ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร อย่าคิดเอาเขามากดดันผม ต่อหน้าผม ใครก็เหมือนกัน”
“ให้โอกาสคุณเป็นครั้งสุดท้าย คนอยู่ไหน?” ไป๋ยี่เฟยถาม
ลูกพี่เป่ยดูเหมือนยังลังเล ไป๋ยี่เฟยเห็นแล้วทำเสียงเย็นชา จึงตบหน้าลูกน้องคนหนึ่งที่อยู่ข้างเขา ลูกน้องคนนั้นยังไม่ทันได้กรีดร้อง เอียงคอก็สิ้นใจทันที
เห็นภาพนี้แล้ว ลูกพี่เป่ยก็ตัวสั่น ไม่ลังเลอีกแล้ว กลัวจนถึงกับต้องคุกเข่าอยู่กับพื้น “ลูกพี่ไว้ชีวิตด้วย ไว้ชีวิตด้วย ผมมีตาหามีแววไม่ หวังว่าลูกพี่จะไว้ชีวิตด้วย”
คนที่เหลือเห็นเหตุการณ์แล้วก็คุกเข่าตาม
ไป๋ยี่เฟย กวาดสายตาเย็นชาไป ถามอีกครั้ง “คนอยู่ไหน?”
“ที่…….ที่นั่น……” ลูกพี่เป่ยชี้นิ้วไปที่ห้องหนึ่ง จากนั้นก็มองไปที่ผู้ชายน่าสังเวชคนนั้นที่จับตัวฉุงลี่ซือมา
ชายน่าสังเวชเข้าใจทันที ลุกขึ้นมาอย่างระมัดระวังและหวาดกลัว ถึงหน้าประตูห้อง เปิดประตูห้องออก
ไป๋ยี่เฟยเดินไปข้างหน้าหลายก้าว ในห้องไม่มีไฟ แต่ยืนอยู่ข้างนอกก็สามารถมองเห็นสถานการณ์ข้างในได้
สือหลู่ถูกซ้อมจนฟกช้ำดำเขียว นอนอยู่กับพื้นไม่ขยับตัว ส่วนฉุงลี่ซือถูกมัดไว้ทั้งตัว ยังมีผ้าผืนหนึ่งยัดไว้ในปาก เมื่อเห็นไป๋ยี่เฟยแล้ว ก็เริ่มขัดขืนขึ้นมา
ส่วนไป๋ยี่เฟยเห็นภาพนี้แล้ว สีหน้าก็ทรุด ถามด้วยสีหน้าเย็นชา “ใครเป็นคนซ้อมเขา?”
คำพูดนี้ออกไป ชายน่าสังเวชคนนั้นก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว ในใจเขาก็หวาดกลัวอย่างมาก ท่ามกลางความวุ่นวายแบบนี้ เขารีบชี้ไปที่คนคนหนึ่งที่ถูกไป๋ยี่เฟยฆ่าตายพูดว่า “เขาเป็นคนทำ”
ไป๋ยี่เฟยมองชายน่าสังเวช ไม่มีอะไรสักคำ ก็ตบหน้าทันที
“เพี๊ยะ”
ชายน่าสังเวชคนนั้นคอเอียงไปข้างหนึ่ง ตายเลย
คนอื่นๆตกใจจนกลั้นหายใจโดยสัญชาตญาณ
ไป๋ยี่เฟยมองพวกเขาแล้วพูดอย่างเย็นชา “คนระดับที่สามชั้นสูงคนหนึ่ง ทำร้ายคนแก่คนหนึ่ง ฝ่ามือเดียวลงไปก็ขาดใจได้เลย ยังสามารถตบได้หลายครั้งแบบนี้?”
“เห็นผมเป็นคนโง่เหรอ?”
ชายน่าสังเวชคนนั้นกลัวจะถูกโมโห เพราะฉะนั้นจึงโยนความรับผิดชอบไปบนตัวของคนที่ตายแล้ว แต่ไป๋ยี่เฟยไม่ใช่คนโง่ พูดโกหกหรือไม่ แค่มองก็รู้
ไป๋ยี่เฟยพูดจบก็เดินเข้าไปในห้องดึงเชือกที่มัดอยู่บนตัวฉุงลี่ซือจนขาด จากนั้นถามว่า “คุณเป็นยังไงบ้าง? ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
ฉุงลี่ซือไม่มีเชือกมัดแล้ว เห็นไป๋ยี่เฟยที่อยู่ตรงหน้าเธอ จากนั้นก็พุ่งเข้าสู่อ้อมกอดของไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยตะลึงไปทันที อึ้งอยู่กับที่
“ว้าอ้าก…….ทำไมคุณเพิ่งมา? ฉันนึกว่าจะไม่ได้เห็นคุณอีกแล้ว……..ฮือฮือ…….”
ฉุงลี่ซือร้องไห้เสียงดังทำให้ไป๋ยี่เฟยเรียกสติกลับมา ถอนหายใจอย่างเอือมระอา
ไม่ว่ายังไงฉุงลี่ซือก็เป็นคุณหนูตระกูลไฮโซคนหนึ่ง ช่วงนี้ต้องทนรับความลำบากสารพัด ตอนนี้เกรงว่าอารมณ์จะสะสมจนสุดขั้ว ต้องระเบิดออกมาทั้งหมด
เมื่อปลอบโยนฉุงลี่ซือเสร็จแล้ว ไป๋ยี่เฟยถึงปลุกสือหลู่ให้ตื่น
แต่ว่าตอนที่พวกเขาออกมา ในสวนเหลือเพียงแค่ศพเท่านั้น ลูกพี่เป่ยกับคนที่เหลือหนีไปหมดแล้ว
โชคดีที่บาดแผลของสือหลู่เป็นเพียงแผลภายนอกเท่านั้น เขายังสามารถขับรถสามล้อคันนั้นพาพวกเขากลับไปได้
เมื่อพวกเขาเข้าไปในบ่อนอีกครั้ง หมีฉาก็ตามเข้ามา
เมื่อเขาเห็นฉุงลี่ซือ ถูกความงามของฉุงลี่ซือทำให้ตะลึง ไม่เสียชื่อที่เป็นสาวงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวง
ฉุงลี่ซือสังเกตมองหมีฉาด้วยสีหน้าแปลกใจ
พวกเขาหลายคนอยู่ในบ่อนกาสิโนอันกว้างขวางท่ามกลางนักพนันทั้งหลายไม่โดดเด่นเลย เพราะฉะนั้นไม่มีคนสังเกตเห็นพวกเขา
เพียงแต่ตอนที่พวกเขาจะจากไป เจ้ามือโต๊ะพนันสาวสวยแรกสุดคนนั้นเดินเข้ามากะทันหัน ขยิบตาให้ไป๋ยี่เฟยไปด้วย พูดไปด้วย “คุณผู้ชายท่านนี้ คุณยังอยากเล่นอีกสักสองรอบไหม?”
ไป๋ยี่เฟยชะงักไปนิดหนึ่ง มองท่าทางของเจ้ามือสาวสวย ดูเหมือนอยากบอกอะไรกับเขา
อยากบอกเขาว่าอย่าเพิ่งออกจากที่นี่ชั่วคราวเหรอ?
เพียงแต่ว่าเขายังไม่ทันได้พูดอะไร ฉุงลี่ซือที่อยู่ข้างกายก็ชี้ไป๋ยี่เฟยกะทันหัน ทั้งโกรธทั้งร้องไห้พูดว่า “คุณ คุณทำอย่างนี้ได้ยังไง? ฉันถูกคนมัดตัวไว้ในนี้ คุณกลับเล่นอยู่ที่นี่ ยังพัวพันกับคนอื่นเขา คุณ…….”
ไป๋ยี่เฟยอึ้งไปแล้ว นี่มันอะไรกันเนี่ย?
สำหรับความไม่มีเหตุผลของฉุงลี่ซือ ไป๋ยี่เฟยก็โมโหแล้ว “นี่มันเกี่ยวอะไรกับคุณ? คุณต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนด้วยว่าผมกับคุณไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรแม้แต่น้อย ผมจะทำอะไรต้องให้คุณมายุ่งเหรอ?”
ฉุงลี่ซือหยุดพูด คนก็อึ้งอยู่กับที่
ไป๋ยี่เฟยก็พูดอย่างเย็นชาอีก “คุณต้องเข้าใจ ผมไม่ใช่จำเป็นต้องช่วยคุณ”
ตลอดมาไป๋ยี่เฟยไม่เคยรู้สึกดีกับตระกูลฉุง และไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับฉุงลี่ซือ ฉุงลี่ซือใช้ฐานะและทัศนคติอะไรมาต่อว่าเขา?
ยิ่งไปกว่านั้นตอนแรกที่เขาไปช่วยฉุงลี่ซือ ก็เป็นเพราะว่าเธอเดาออกว่าเรื่องนี้เจาะจงมาที่ตัวเอง ฉุงลี่ซือเป็นแค่เหยื่อคนหนึ่งเท่านั้น เพราะฉะนั้นถึงได้ไปช่วยเธอแต่แรก
ไป๋ยี่เฟยพูดเตือนอย่างเย็นชา “ที่นี่ไม่ใช่เมืองหลวง ทางที่ดีที่สุดเก็บนิสัยคุณหนูของคุณซะ มิเช่นนั้น ผมไม่กล้ารับประกัน ครั้งต่อไปยังสามารถช่วยคุณได้อีก”
ฉุงลี่ซือมองไป๋ยี่เฟยอย่างหน้าอึ้ง ถึงแม้จะไม่มีเสียงแล้ว แต่น้ำตาไหลเร็วยิ่งกว่า
คำพูดเหล่านี้ของไป๋ยี่เฟยทำให้หมีฉาและเจ้ามือพนันสาวสวยต่างก็ประหลาดใจ
แต่ว่าไป๋ยี่เฟยก็ไม่สน เพียงแค่พูดอย่างยิ้มแย้มต่อเจ้ามือพนันสาว “ขอบคุณความหวังดีของคุณ แต่ผมว่าไม่ต้องแล้ว”
พูดจบแล้ว ไป๋ยี่เฟยก็เดินออกไปข้างนอก พวกหมีฉาเห็นแล้ว ก็ตามไปด้วย
เพียงแต่ว่าพวกเขาเพิ่งเดินออกจากบ่อนคาสิโน ก็ถูกกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งล้อมไว้ทันที
คนที่ยืนอยู่ตรงกลางก็คือชายอ้วนที่แพ้เงินพนันให้ไป๋ยี่เฟยมากที่สุดในบ่อนคาสิโน
“ไอ้หนุ่ม ชนะเงินไปมากมายขนาดนั้นอยากไป?”
ไป๋ยี่เฟยมองหน้าชายอ้วน พูดอย่างเรียบเฉย “ขบวนใหญ่โตขนาดนี้ คืออยากมาส่งผมเหรอ?”
“แม่มึงเอ๊ย” ชายอ้วนโมโหขึ้นทันที “จัดการมัน”
ชายอ้วนโบกมือ คนข้างกายหลายคนที่ถือกระบองก็พุ่งเข้าหาไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยยืนอยู่กับที่ไม่ขยับ
แต่หมีฉากลับก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว หนึ่งหมัดชกไปที่ร่างของคนที่พุ่งเข้ามาก่อน คนคนนั้นกระเด็นลอยออกไปทันที
หลายคนที่อยู่ข้างหลังล้วนถูกหมีฉาชกคนละหมัด กระเด็นออกไป
ยังไงหมีฉาก็เป็นยอดฝีมือระดับที่สอง ยังเป็นบอดี้การ์ดของจีซือ คนทั่วไปไม่ใช่คู่ต่อสู้เขาเลย
ชายอ้วนคนนั้นเห็นแล้วก็ตกใจ เสียง “ปัง” ทีเดียว คุกเข่าลงกับพื้นโดยตรง “ลูกพี่ไว้ชีวิตด้วย ลูกพี่ไว้ชีวิตด้วย”
ไป๋ยี่เฟยเห็นเขาใจเสาะแบบนี้ อดถามไม่ได้ “แค่นี้ก็ร้องขอชีวิตแล้ว? ไม่มีศักดิ์ศรีเลยแม้แต่น้อย”
“ศักดิ์ศรีไม่สามารถเอามาใช้ชีวิตได้” ชายอ้วนรีบตอบ