ทั้งสามคนต่างไม่รู้ว่าตัวเองตายยังไง แม้กระทั่งไป๋ยี่เฟยออกหมัดยังไม่ทันดูอย่างชัดเจน
ส่วนตอนนี้ไป๋ยี่เฟยดูเหมือนว่าตาเดือดอย่างโมโห เขาหันหลังให้สือหยุนและหมีฉา พลังอำนาจบนตัวอันน่ากลัว ชายเสื้อปลิวขึ้นโดยไร้ลม
เวลานี้ มีชายชุดดำสองคนพุ่งออกมาจากด้านข้างกะทันหัน เอามีดฟันมาทางไป๋ยี่เฟยพร้อมกัน
หมีฉาเห็นแล้วอยากจะเตือนไป๋ยี่เฟย ปรากฏว่าเพิ่งอ้าปาก ไป๋ยี่เฟยก็ขยับตัว
เขาหมุนตัวทีหนึ่ง ต่อยหมัดไปที่คนชุดดำด้านหลังซ้ายมือ ต่อยลงไปบนไหล่คนนั้น
“อ้าก”
หลังจากเสียงกรีดร้อง คนนั้นก็กระเด็นไปข้างหลัง ชนเข้ากับกำแพง เสียงดัง “พร็วด” กระอักเลือดออกมาเต็มปาก สุดท้ายไม่ทันได้พูดอะไร ก็ตายไปทันที
ส่วนชายชุดดำอีกคนท่าทางช้านิดหนึ่ง ถึงเวลาจะฟันไป๋ยี่เฟย ก็เห็นเพื่อนตัวเองตายไปแล้ว
เขาจึงมีความคิดอยากถอยออกทันที อยากวางมือแล้วหนี
แต่เขาเพิ่งชะงักครู่เดียว ไป๋ยี่เฟยก็หมุนตัวแล้ว ยื่นมือบีบคอเขาไว้
ได้ยินเพียงเสียง “คั๊กชัก” คอของคนนั้นก็เอียง แล้วสิ้นลมหายใจทันที
สือหยุนที่เห็นภาพนี้ตะลึงไปทันที
สำหรับหมีฉา เขารู้ความเก่งของไป๋ยี่เฟย แต่ตอนนี้เห็นท่าทางการฆ่าคนของไป๋ยี่เฟย ถูกทำให้ตกใจกะทันหัน
เวลาเดียวกัน มีเสียงตะโกนออกมา
“ที่นี่ยังมีคน”
ต่อจากนั้น ก็มีคนชุดดำหลายคนวิ่งออกมา พวกเขาเห็นไป๋ยี่เฟย
“ฆ่ามัน ห้ามเหลือชีวิตไว้”
หลังจากเสียงตะโกนอีกครั้ง พวกเขาก็พุ่งเข้าหาไป๋ยี่เฟยทั้งหมด
ส่วนท่ามกลางแสงไฟอันไม่ค่อยชัดเจนนั้น พวกเขาไม่ได้สังเกตเห็น ศพที่อยู่บนทางที่พวกเขาผ่านไป เป็นศพของพวกตัวเอง
สำหรับไป๋ยี่เฟย ณ ตอนนี้ เข้าสู่สภาพอันบ้าคลั่งไปแล้ว แววตาทั้งคู่ของเขาเป็นประกายสว่าง สว่างจนแม้อยู่ในสถานการณ์ไม่มีแสงสว่างก็มีความสว่างอยู่บ้าง
ถึงแม้ไป๋ยี่เฟยไม่ได้มีความรู้สึกอะไรต่อสือหลู่ ความสัมพันธ์ก็ไม่ลึกซึ้ง แต่ไม่ว่ายังไงสือหลู่ก็ช่วยเหลือพวกเขาในตอนที่เขาตกอยู่ในสภาพลำบาก
แม้กระทั่งบ่ายเมื่อวาน สือหลู่ยังถูกคนในบ่อนคาสิโนซ้อมไปยกหนึ่งเพราะเขา
คนแก่ที่ยังกินข้าวเย็นและคุยกันในตอนเย็นชัดๆ ตอนนี้กลับถูกคนฆ่าไปแล้ว
นอกจากเขา คนทั้งหมู่บ้านถูกฆ่าไปหมดแล้ว
ทุกคนในที่นี้ล้วนเป็นคนไร้เดียงสา
พวกเขากลับถูกฆ่าแล้ว
ส่วนไป๋ยี่เฟยหลังจากที่หมีฉาเล่าเรื่องพวกนั้นให้เขาฟังแล้ว เขาก็รู้ว่านิสัยท่านดยุกไม่ใช่คนที่จะเสียเปรียบฝ่ายเดียวแน่ ถ้าอย่างนั้นลูกน้องที่พาออกมาก็ต้องเป็นคนชนิดเดียวกัน
เขาคาดการไว้แล้วว่าคนพวกนี้ต้องมาหาเรื่องเขา แต่ว่าเขาคิดไม่ถึง พวกเขาจะฆ่าคนทั้งหมู่บ้าน ยังเผาทั้งหมู่บ้าน
เพราะฉะนั้น ไป๋ยี่เฟยโกรธมาก
อารมณ์ของเขามาถึงจุดสุดยอด
“ฆ่า”
คนชุดดำตะโกนไปและพุ่งเข้าหาไป๋ยี่เฟยด้วย
และแล้ว…….
คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคนนั้นหายไปอย่างกะทันหัน
ทุกคนต่างก็ตะลึง
วินาทีต่อมา คนคนนั้นปรากฏตัวอยู่ข้างหลังคนชุดดำ ติดตามมาก็คือเสียงกรีดร้องอันเจ็บปวด
“อ้าก”
“อ้าก”
สิ่งที่มาพร้อมกับเสียงกรีดร้อง รอบด้านพวกเขา โบยบินไปด้วยแขนขาที่หักและเต็มไปด้วยเลือด
ในมือไป๋ยี่เฟยไม่มีอาวุธ เขาฉีกแขนขาของคนเหล่านั้นด้วยมือเปล่า
“รีบวิ่ง”
คนที่เหลือถูกท่าทางอันน่ากลัวของไป๋ยี่เฟยทำให้ตกใจ ต่างก็พากันคิดจะหนี
เสียดาย พวกเขามีความสามารถแค่ระดับที่สามชั้นสูง อยู่ต่อหน้าไป๋ยี่เฟย ก็เหมือนแค่มดเท่านั้น
รวดเร็วมาก ไป๋ยี่เฟยเดินขวักไขว่อยู่ระหว่างคนชุดดำ ไม่ก็หักแขนคน หรือไม่ก็หักคอคน
สักพัก คนชุดดำก็ถูกไป๋ยี่เฟยตัดการจนหมดจด โดยเฉพาะวิธีนั้นโหดเหี้ยมอย่างยิ่ง
ไป๋ยี่เฟยยืนอยู่ท่ามกลางศพ บนมือยังเปื้อนเลือด หยดลงบนพื้นทีละหยดๆ
สือหยุนเห็นภาพนี้แล้วอ้าปากกว้าง ในตาเต็มไปด้วยความตะลึง
ราวกับว่าเมื่อวานเธอยังหัวเราะเยาะคนแผ่นดินใหญ่ภาพเหนือเป็นไอ้ไก่อ่อน จากเดิมแล้วพลังวิชาการต่อสู้ของคนแผ่นดินใหญ่ภาพเหนือก็อ่อนอยู่แล้ว เธอยังดูระดับของฝ่ายตรงข้ามไม่ออกอีก
เพราะฉะนั้น เธอถึงได้คิดไปเองโดยธรรมชาติ
แต่ความเป็นจริง เธอผิดแล้ว
จนถึงตอนนี้เธอถึงเข้าใจ เหตุที่เธอดูไม่ออกนั้น ก็เพราะว่าระดับของไป๋ยี่เฟยนั้นสูงกว่าเธอมากเกินไป ส่วนเธอก็ไม่เคยเห็นคนที่เก่งขนาดนี้มาก่อน ยังเป็นคนแผ่นดินใหญ่ภาพเหนือด้วย
สำหรับหมีฉา เขารู้สึกหวาดกลัวต่อไป๋ยี่เฟยอย่างเต็มที่
วิธีการฆ่าคนของไป๋ยี่เฟยน่ากลัวเกินไป เขาตกใจจนเหงื่อท่วมตัวแล้ว
ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเจอยอดฝีมือระดับที่หนึ่ง แต่ไม่เคยเห็นยอดฝีมือระดับที่หนึ่งอย่างไป๋ยี่เฟย ความสามารถที่เขาแสดงออกมา เกรงว่าจะเก่งกว่ายอดฝีมือระดับที่หนึ่งชั้นกลางทั่วไป
เวลาเดียวกัน เสียงร้องของสือหยุนอั้นเศร้าโศกก็ดังมา
“พ่อ”
เมื่อสือหยุนตั้งสติได้แล้วเธอก็มองเห็นพ่อของตัวเอง พ่อของเธอถูกคนฆ่าไปแล้ว
เธอวิ่งเข้าไป กอดอยู่ที่ร่างของสือหลู่ ร้องไห้เสียงดังอย่างเศร้าโศก
เวลานี้ ในที่สุดไป๋ยี่เฟยก็หลายออกจากสภาวะแบบนั้น แต่ว่า ในใจของเขายังคงโกรธมาก แรงสังหารที่มีต่อคนพวกนั้นไม่ได้จางหายไป
…….
ไฟนี้จนถึงยามที่ฟ้าสว่างอย่างเต็มที่แล้วถึงไหม้จนหมด
ส่วนทั้งหมู่บ้านได้ถูกไฟเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่านแล้ว ไม่เพียงแค่บ้านเรือนเท่านั้น ยังมีคนด้วย
ไป๋ยี่เฟยย้ายศพของสือหลู่ออกมาก่อน ถึงไม่ให้ศพของเขาถูกไฟเผาจนกลายเป็นขี้เถ้า
จากนั้นพวกเขาก็หาสถานที่ดีแห่งหนึ่ง ฝังศพของสือหลู่แล้ว และปักป้ายสุสาน
สือหยุนใส่ชุดไว้ทุกข์คุกเข่าอยู่หน้าสุสาน เธอร้องไห้จนไม่มีน้ำตาแล้ว เพราะฉะนั้นวินาทีนี้เป็นแค่นั่งนิ่งๆอยู่หน้าสุสาน มองดูป้ายสุสาน
ไป๋ยี่เฟยเห็นแล้วก็ไม่รู้ว่าควรจะปลอบเธอยังไง ทำได้แค่เพียงยืนเป็นเพื่อนอยู่ข้างหลังเธอ
หมีฉาก็ไม่รู้ว่าควรปลอบยังไงเหมือนกัน ก็ยืนอยู่ตรงนั้น อยู่เป็นเพื่อนอย่างเงียบๆ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน สือหยุนพูดขึ้นกะทันหันด้วยเสียงแหบ “เมื่อคืน เกินไฟไหม้ขึ้นที่หมู่บ้านกะทันหัน…….”
“พ่อของฉันคลุมเสื้อออกไปดูสถานการณ์ จากนั้นฉันก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของเขา”
“ฉันกลัวมาก ฉันมองจากหน้าต่างเห็นข้างนอกมีคนชุดดำมากมาย พวกเขาเห็นคนก็ฟัน ในมือยังถือคบไฟจุดเพลิงไปทั่ว”
“ฉันเห็นคนชุดดำคนหนึ่งจุดไฟเผาบ้านของเราแล้ว ฉันก็วิ่งออกไป ฉันอยากไปดูพ่อ แต่ว่า ฉันถูกพวกเขาจับตัวไว้”
“พวกเขายังจับเพื่อนของคุณไป”
ได้ยินคำพูดนี้ ไป๋ยี่เฟยรีบถาม “จับไปทางไหน?”
“ฉันไม่รู้” สือหยุนส่ายหน้า สีหน้าเรียบเฉย
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย
เวลานี้ สือหยุนดูเหมือนว่านึกอะไรขึ้นมาได้ แล้วพูดว่า “ออ เหมือนพวกเขาพูดว่า นี่เป็นผู้หญิงของลูกพี่เป่ย ต้องเอาไปมอบให้ท่านดยุก”
พูดจบ ไป๋ยี่เฟยแววตาเปลี่ยน ความโกรธและแรงสังหารในใจผุดขึ้นมาอีกครั้ง
ท่านดยุก
หมีฉาเห็นแล้วก็เดาออกทันทีว่าไป๋ยี่เฟยอยากทำอะไร ดังนั้นจึงพูดปรามว่า “คุณไป๋ ท่านดยุกไม่ได้รับมือง่ายขนาดนั้น พวกเราต้องทำ…….”
แต่ทว่า เขายังพูดไม่จบ ไป๋ยี่เฟยไม่ได้สนใจเขา แต่ก้มคำนับต่อสือหลู่ “ขอบคุณ ขอโทษ”
ขอบคุณเขาที่ให้ความช่วยเหลือเขาในสองวันนี้ ขอโทษที่ตัวเองนำการถูกสังหารมาสู่เขา
สือหยุนเงยหน้ามองไป๋ยี่เฟยกะทันหัน แววตามีความโกรธแค้นเล็กน้อย “คุณเป็นใครกันแน่?”