“ผมไม่ได้เป็นคนฆ่าคุณลุง แต่ตายเพราะผม คุณโกรธแค้นผมได้ รวมถึงคนในหมู่บ้าน ต่างก็ควรโกรธแค้นผม”
“แต่ว่า ก่อนอื่นผมต้องให้คำอธิบายต่อคนทั้งหมู่บ้าน”
“ผมต้องแก้แค้นแทนคุณลุง และคนทั้งหมู่บ้าน”
“เมื่อผมแก้แค้นแล้ว คุณสือหยุนค่อยมาคิดบัญชีกับผมละกัน”
“สำหรับว่าผมเป็นใคร?”
“ผมชื่อไป๋ยี่เฟย”
พูดจบ ไป๋ยี่เฟยก้าวเท้าเดินจากไป
“ไป๋ยี่เฟย…….” สือหยุนอ่านชื่อของไป๋ยี่เฟย แต่ไม่รู้ว่าคนคนนี้คือใคร
หมีฉาเห็นแล้วก็อธิบายให้ฟังอย่างใจดี “เขาอยู่ในแผ่นดินใหญ่ภาคเหนือ เป็นคนที่ยอดเยี่ยมมากคนหนึ่ง”
สือหยุนยังคงงุนงง
เพราะว่าเธอใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านตั้งแต่เด็ก สถานที่ไกลสุดที่เคยไปก็คือเมืองหมิงเฉิง เพราะฉะนั้นเธอไม่รู้จักคนใหญ่โตอะไรของแผ่นดินใหญ่ภาคเหนือแม้แต่นิดเดียว
หมีฉาเห็นแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรมาก แต่รีบเดินตามไป๋ยี่เฟยไป
เมื่อตามถึงไป๋ยี่เฟยแล้ว หมีฉาถามอย่างกังวลมาก “คุณจะไปจริงเหรอ?”
เวลานี้ไป๋ยี่เฟยไปหาท่านดยุกเพื่อแก้แค้น อีกอย่างยังไปแก้นอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้ ถึงเวลาต้องเป็นเรื่องราวใหญ่โตแน่นอน ถ้าอย่างนั้นข่าวของเขาก็จะถูกแพร่ออกไป
เมื่อคนของสหพันธ์วรยุทธรู้แล้ว ต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่นอน
อีกอย่างหมีฉายิ่งกังวลคนของสหพันธ์วรยุทธที่มาในตอนนั้น ฐานะของเขาก็จะถูกคนอื่นรู้
ไป๋ยี่เฟยหยุดเดิน สายตาจ้องอยู่ที่หมีฉา พูดเสียงเรียบ “ถ้าอย่างนั้นคุณบอกผม ผมมีเหตุผลอะไรที่ไม่ไป?”
หมีฉาอึ้งไปทันที
หมีฉาอยากพูดว่าเพื่อชีวิตของคนทั้งครอบครัวของเขา แต่เขาก็คิดถึง ไป๋ยี่เฟยอาจจะไม่ยอมละทิ้งไปเพราะเหตุนี้แน่ เพราะอย่างไรแล้ว เมื่อคืนหมู่บ้านถูกเผาไปทั้งหมู่บ้าน คนที่ถูกฆ่าก็คือทั้งหมู่บ้าน
ส่วนทั้งหมดนี้เป็นเพราะไป๋ยี่เฟย ไป๋ยี่เฟยจะสละการแก้แค้นไปได้อย่างไร?
แต่สีหน้าของหมีฉามีความลังเล แต่ก็ยังคงอยากลองดูสักครั้ง “แต่…….”
ไป๋ยี่เฟยตัดคำพูดของหมีฉาทันที “คุณกังวลเพราะว่าผมไปหาท่านดยุก จะดึงดูดความสนใจของสหพันธ์วรยุทธ สหพันธ์วรยุทธจะเข้ามาให้ความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว ถึงเวลาพวกเราใครก็หนีไม่พ้นเหรอ?”
“อืม” หมีฉาพยักหน้า
ไป๋ยี่เฟยกลับหัวเราะขึ้นกะทันหัน
หัวเราะนี้ทำให้หมีฉาประสาทตึงเครียดขึ้นมาทั้งร่าง
จากนั้น ไป๋ยี่เฟยพูดเสียงเรียบ “หมีฉา ผมต้องการความช่วยเหลือของคุณ”
หมีฉาได้ยินคำพูดนี้สีหน้าเปลี่ยนไป ขอร้องด้วยน้ำเสียงอย่างจริงใจ “คุณไป๋ ขอร้องเถอะ ผมยังไม่อยากตาย”
“คุณวางใจ คุณไม่ตายหรอก” ไป๋ยี่เฟยพูด
…….
ไป๋ยี่เฟยและหมีฉาเดินเข้าเมืองด้วยเท้า พวกเขาเดินเกือบสองชั่วโมงจึงมาถึงถนนทางหลวงอันกว้างขวางราบเรียบเส้นหนึ่ง จากนั้นก็เดินไปด้วยรอรถเมล์ไปด้วย
ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง ถึงมีรถเมล์สายสั้นคันหนึ่ง
รถเมล์ขับจากเมืองหมิงเฉิงไปยังอีกเมืองหนึ่ง
ตอนแรกหมีฉาคิดอยากจะเตือนไป๋ยี่เฟย แต่พอคิดอีกที ไป๋ยี่เฟยนั่งผิดทางแล้ว ถ้าอย่างนั้นเวลาที่เขาไปแก้แค้นกับท่านดยุกก็จะเลื่อนออกไปอีกหน่อย
ส่วนในระยะเวลานี้ บางทีเขาอาจจะคิดหาวิธีอื่น มาขัดขวางไป๋ยี่เฟย
เพราะฉะนั้น หมีฉาไม่ได้พูดอะไรเลย ขึ้นรถเมล์คันนี้ซึ่งขับไปทางตรงกันข้าม
นั่งไปครึ่งชั่วโมงกว่า พวกเขามาถึงเมืองหมังเฉิง
เมืองหมังเฉิงเล็กกว่าเมืองหมิงเฉิงหน่อย อยู่ทางด้านพวกเขา ถือว่าได้เป็นแค่เมืองเล็กๆเท่านั้น
หลังจากลงจากรถแล้ว หมีฉาก็เริ่มใจฝ่อ เพราะว่าเขาไม่ได้เตือนไป๋ยี่เฟย กลัวไป๋ยี่เฟยจะโทษเขา
แต่ไป๋ยี่เฟยไม่ได้พูดอะไรเลย อีกอย่างดูเหมือนยังไม่รู้ตัว
เมื่อเดินออกจากสถานีรถแล้ว ไป๋ยี่เฟยก็เอามือถือออกมาดูแผนที่
เห็นภาพนี้แล้ว หมีฉาก็ใจหวิวขึ้นมา คราวนี้หนีไม่พ้นแล้ว
ปรากฏว่า ไป๋ยี่เฟยดูแผนที่แล้วถามหมีฉาว่า “รู้ไหมว่าอำนาจใต้ดินของเมืองหมังเฉิงเรียกว่าอะไร?”
หมีฉาอึ้งนิดหน่อย จากนั้นก็มองไป๋ยี่เฟยอย่างแปลกใจ “คุณรู้ว่าที่นี่คือเมืองหมังเฉิง?”
ไป๋ยี่เฟยเงยหน้ามองหมีฉา ในสายตาเต็มไปด้วยความหมายลึกซึ้ง
หมีฉาถูกมองจนหดนิดหน่อย ถามโดยไม่ได้คิด “อำนาจใต้ดินของเมืองหมังเฉิงเรียกว่าสำนักหลิ่วเหมิน”
“อือ” ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า จากนั้นก็สั่งหมีฉาโดยตรง “ช่วยผมหาดินระเบิดมาหน่อย”
“หา?” หมีฉาตะลึง
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้อธิบาย แต่พาหมีฉาหาโรงแรมแห่งหนึ่งเพื่อเข้าพัก
เข้าพักไปไม่นาน หมีฉาก็ไปหาดินระเบิด
ถึงแม้ว่าที่นี่เป็นเมืองเล็กๆ แต่ในตรอกในซอยทั่วเมืองต่างก็ติดหมายจับของไป๋ยี่เฟยไปทั่ว
โชคดีที่ไป๋ยี่เฟยใส่หมวกและผ้าปิดปาก ไม่มีคนจำได้
หลังจากหมีฉาจากไปแล้ว ไป๋ยี่เฟยก็ออกจากโรงแรมเช่นกัน
ไป๋ยี่เฟยโบกรถแท็กซี่คันหนึ่ง
เมื่อคืนรถแล้ว แค่มองไป๋ยี่เฟยก็พบว่าคนขับรถคนนี้เป็นยอดฝีมือระดับที่สามต่ำ
ทันใดนั้น ไป๋ยี่เฟยถอดถอนใจ ต้องรู้ว่าที่พวกเขาอยู่นี้ ยอดฝีมือระดับที่สามคนหนึ่ง สามารถหางานที่ดีมากได้ และผลตอบแทนก็สูงมาก
เหมือนไป๋หู่ในตอนนั้น ก็เพียงแค่ระดับที่สามชั้นต่ำ ส่วนตอนนั้น ไป๋หู่อยู่ในเมืองเทียนเป่ยแทบจะไม่มีคู่ต่อสู้
“ไปไหนครับ?” คนขับรถถามไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยกลับให้บุหรี่กับคนขับรถหนึ่งม้วน
คนขับรถรับไปดูแล้ว “เฮ้ บุหรี่ต่างประเทศ ไอ้หนุ่ม แผ่นดินใหญ่ภาพเหนือเหรอ?”
“อืม” ไป๋ยี่เฟยพยักหน้ายอมรับ ถามว่า “รู้จักสำนักหลิ่วเหมินไหม?”
“จะไม่รู้จักได้ยังไง?” คนขับรถถาม “ในเมืองหมังเฉิงของเรา มีใครไม่รู้จักสำนักหลิ่วเหมินบ้าง”
“เจ้าสำนักของสำนักหลิ่วเหมินเป็นถึงยอดฝีมือระดับที่หนึ่ง”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า ถามว่า “ถ้าอย่างนั้นทั่วไปแล้วพวกเขาชอบไปเที่ยวสถานที่อะไร?”
“อันนี้ผมรู้” คนขับรถหัวเราะคิกคิกพูดว่า “ทั่วไปแล้วพวกเขาจะอยู่ในเมืองบันเทิงหมิงจิน ผมรับแขกที่นั่นประจำ บางครั้งตอนที่โชคดีหน่อยก็สามารถได้รับคนใหญ่คนโตของสำนักไม่น้อย”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้ายิ้มพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นดีเลย ไปที่นี่ละกัน”
“ไม่มีปัญหา” คนขับรถตอบรับแล้วก็เข้าเกียร์ขับออกไป
เมื่อขับไปได้สักพัก คนขับรถก็เริ่มคุยกับไป๋ยี่เฟยขึ้นมา “เฮ้อ น้องชาย เมืองบันเทิงทำไม? จะไปเพื่อเสี่ยงโชค ไปรู้จักคนใหญ่คนโตพวกนั้น?”
“ไม่ใช่” ไป๋ยี่เฟยตอบอย่างเรียบเฉย
คนขับรถสงสัย “ถ้าอย่างนั้นคุณไปทำไม?”
สายตาไป๋ยี่เฟยส่อแววสังหารเล็กน้อย หัวเราะเย็นชาพูดว่า “ดูแล้วรำคาญตา ไปทุบสถานที่”
“ฮาฮา……น้องชาย สีหน้าของคุณนี่สุดยอดเลย” คนขับรถไม่ได้ใส่ใจ คิดว่าไป๋ยี่เฟยล้อเล่น “ถ้าหากไปเล่นละคร นั่นต้องเป็นระดับพระเอกยอดเยี่ยมแน่นอน”
ไป๋ยี่เฟยดูท่าทางของคนขับรถก็รู้ว่าเขาไม่เชื่อ แต่ว่าเขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก
พอถึงแล้ว ไป๋ยี่เฟยลงจากรถ คนขับรถคนนี้ยังเตือนเขาประโยคหนึ่งด้วยความหวังดี “น้องชาย เมืองบันเทิงเปิดกิจการตอนกลางคืน ถ้าคุณอย่างเที่ยว ต้องมาช่วงกลางคืน”
“ออ ใช่แล้ว ถ้าหากพวกเขาไม่ให้คุณเข้าไปละกัน คุณสามารถบอกชื่อผมพี่เฉียงได้”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นก็เดินตรงไปที่ประตู
คนขับรถหัวเราะคิกคิก มองไป๋ยี่เฟยเดินไปข้างใน อดไม่ได้ที่จะระแวงขึ้นมา “คนนี้นี่อะไรกัน? บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าเปิดกลางคืน?”
…….
ไป๋ยี่เฟยมาถึงหน้าประตู ลำบากใจขึ้นมาทันที
เขาอยากจะทุบทำลายเมืองบันเทิงนี้โดยตรงอย่างแข็งแกร่ง แต่รู้สึกว่าขาดความเป็นพิธีกรรมอะไรสักอย่าง ขาดอะไรบางอย่าง
เขาเหลียวซ้ายมองขวา เห็นรถบรรทุกคันหนึ่งที่จอดอยู่ไม่ไกลพอดี และบนรถบรรทุกนั้น บรรจุเหล็กฉากมากมาย
ดังนั้นไป๋ยี่เฟยก็ก้าวเดินเข้าไป ยื่นมือหยิบมาชิ้นหนึ่ง แล้วหันตัวเดินไปหน้าประตูของเมืองบันเทิง
ส่วนคนขับรถบรรทุกมองจากกระจกข้างรถเห็นภาพนี้พอดี กระโดดลงมาทันที “เฮ้ย ไอ้หัวขโมย หยุดเดี๋ยวนี้”