ไป๋ยี่เฟยได้ยินเช่นนี้ ก็รู้สึกโมโหอยู่บ้าง “คุณช่วยหุบปากให้ผมทีอหากพูดไร้สาระอีก ผมจะโยนคุณลงไป!”
ยีหยุนจึงหุบปากฉับ ไม่กล้าพูดอีก
แม้ว่าเธอกับไป๋ยี่เฟยจะต่างมีฝีมือระดับที่หนึ่งชั้นกลาง แต่ยีหยุนรู้ว่าไป๋ยี่เฟยเคยผ่านสนามจริงมามากกว่าเธอ หากเธอต่อสู้กับไป๋ยี่เฟยขึ้นมาจริง อาจจะสู้ไป๋ยี่เฟยไม่ได้
ครึ่งชั่วโมงให้หลัง พวกเขาก็มาถึงภัตตาคารหมิงย่าน
ตอนที่พวกเขาลงจากรถมาหยุดตรงด้านนอกภัตตาคาร ไป๋ยี่เฟยก็ตกใจ
เพราะว่าโรงแรมของเมืองเทียนเป่ยเป็นโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดของเมืองเทียนเป่ย ซึ่งภัตตาคารหมิงย่านก็คือภัตตาคารที่ใหญ่ที่สุดของเมืองเทียนเป่ย
ตอนนี้ในเวลาแบบนี้ ควรจะอัดแน่นไปด้วยผู้คนถึงจะถูก แต่ตอนนี้กลับว่างโล่ง
นอกจากนี้ ที่หน้าประตูของภัตตาคารยังปูพรมแดงเป็นทางยาว ยังมีหญิงสาวต้อนรับแขกแต่งกายในชุดกี่เพ้าสีแดงกำลังยืนเรียงสองแถวอยู่สองฝั่งของพรม
ตรงกลางปากประตูยังมีซุ้มรูปหัวใจตั้งอยู่หนึ่งอัน บนซุ้มยังมีดอกไม้สดและลูกโป่งประดับไว้
การตกแต่งแบบนี้หากไม่รู้ยังนึกว่าที่นี่มีคนกำลังจัดงานแต่งงานอยู่
หลงหลิงหลิงเห็นเช่นนี้ สีหน้าก็ไม่เป็นธรรมชาติอยู่บ้าง ถามไป๋ยี่เฟยอย่างระมัดระวังว่า “ทำยังไงดีคะ?”
ไป๋ยี่เฟยยิ้มกล่าวว่า “ในเมื่อมาแล้ว ก็เข้าไปดูหน่อยเถอะ”
ด้วยเหตุนี้หลงหลิงหลิงจึงเดินนำหน้า มาหยุดยังหน้าประตูภัตตาคารด้วยความกระวนกระวายใจ
พอถึงหน้าประตู พวกเขาก็ถูกหญิงต้อนรับขวางไว้ จากนั้นก็เผยรอยยิ้มบางอย่างมืออาชีพออกมาแล้วถามว่า “สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าใช่คุณหลงหลิงหลิงไหมคะ?”
“ใช่ค่ะ” หลงหลิงหลิงพยักหน้า
จากนั้นหญิงต้อนรับคนนั้นก็เอียงกายเล็กน้อยค้อมเอวทำท่าทางเชื้อเชิญ
หลงหลิงหลิงเดินเข้าไปด้านใน
แต่ตอนที่ไป๋ยี่เฟยกับยีหยุนเดินตามเข้าไปนั้น กับถูกหญิงต้อนรับขวางไว้
“คุณผู้ชายขออภัยด้วยค่ะ ที่นี่ถูกคุณชายหวังจองไว้หมดแล้ว”
ไป๋ยี่เฟยเห็นเช่นนี้ก็ชี้ไปที่หลงหลิงหลิงแล้วพูดว่า “พวกเรามาด้วยกัน”
“ขอโทษด้วยค่ะ คุณชายหวังบอกไว้ว่าอณุญาตเพียงคุณหลงหลิงหลิงเข้าไปได้คนเดียว” หญิงต้อนรับกล่าวอย่างสุภาพเป็นอย่างมาก
ตอนที่ไป๋ยี่เฟยกำลังถูกขวางไว้หลงหลิงหลิงก็หันกายกลับมานานแล้ว พอได้ยินประโยคนี้ก็รีบพูดทันทีว่า “งั้นฉันไม่ไปแล้ว”
หญิงต้อนรับพลันลำบากใจขึ้นมาทันที
เวลานี้เอง ก็มีเสียงเจือแววเข้มลึกเล็กน้องเสียงหนึ่งดังขึ้น “คุณหลงมาแล้วหรอ!”
ชายหนุ่มหน้าตาค่อนไปทางผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาหยุดตรงหน้าประตูภัตตาคาร เขามองหลงหลิงหลิงยิ้มได้อย่างเหยียดหยามเป็นอย่างมาก “มาก็มาแล้ว ยังจะไปอีกหรือ?”
หลงหลิงหลิงแค่นเสียงเบาแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ไม่ให้เข้า ฉันจะมาทำไม?”
ได้ยินเช่นนี้ ชายหนุ่มก็ถามอย่างประหลาดใจว่า “ใครกัน? ถึงกับกล้าขวางคุณหลงเชียวเหรอ?”
ยังไม่รอให้คนตอบ เขาก็หันหน้าไปจ้องหญิงต้อนรับคนนั้นแล้วถามว่า “เธอเหรอ?”
หญิงต้อนรับถูกทำให้ตกใจจนตัวสั่น รีบก้มศีรษะอธิบายว่า “ไม่ใช่แบบนี้ค่ะ เมื่อกี้ฉันแค่บอกว่าคุณชายหลงอนุญาตให้คุณหลงเข้าไปได้เพียงคนเดียว……”
“เพี๊ยะ!”
หญิงต้อนรับคนนั้นยังไม่ทันพูดจบ ชายหนุ่มก็สลัดฝ่ามือเข้าหา หญิงต้อนรับจึงล้มลงไปนั่งอยู่กับพื้นทันที
เธอกุมหน้าตัวเองกลัวจนตัวสั่นไปทั่วร่าง และไม่กล้าเอ่ยปากแก้ตัวอีก
หญิงต้อนรับคนอื่นๆ ต่างก็ก้มหน้าลง ไม่กล้าพูดอะไรอีก
หลงหลิงหลิงเห็นเช่นนี้ก็ชะงักไปเล็กน้อย
ไป๋ยี่เฟยมองชายหนุ่มแฝงแววลึกล้ำ
ยีหยุนก็ลอบกำหมัดแน่นเช่นกัน
ชายหนุ่มรู้สึกว่ายังไม่พอ จึงยกเท้าข้างหนึ่งขึ้นมาเตะไปที่ต้นขาของหญิงต้อนรับคนนั้น “นังคนตาไร้แวว คุณหลงเป็นคนที่แกขวางได้เหรอ?”
“โอ๊ย!”
“หลิวเตา!” หลงหลิงหลิงทนไม่ไหวจึงตะคอกออกมา “ไม่ใช่ความผิดของเธอ!”
หลังหลิวเตาเตะอีกทีหนึ่ง ถึงยิ้มกล่าวกับหลงหลิงหลิงว่า “ทำให้คุณหลงขบขันแล้ว”
หลงหลิงหลิงทำสีหน้าเย็นชาไม่พูดจา
หลิวเตาจึงอธิบายว่า “คุณหลง คืนนี้คุณชายของเราตั้งใจจัดงานเลี้ยงให้คุณเป็นพิเศษ มีคนนอกอยู่ เกรงว่าจะไม่เหมาะสม”
อย่างนั้นก็แสดงว่า เขารู้ว่าหญิงต้อนรับขวางพวกเขาสองสามคนไว้ทำไม แต่เขาก็ยังจะตบหญิงต้อนรับ
ที่ทำเช่นนี้ก็แค่อยากจะข่มพวกไป๋ยี่เฟยเท่านั้นเอง
หลงหลิงหลิงพูดด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “เขาไม่ใช่คนนอก เขาคือ……พี่ชายฉัน”
“พี่ชาย?” หลิวเตามองสำรวจไป๋ยี่เฟยกับยีหยุนขึ้นลง แล้วยิ้มเย็นกล่าวว่า “ทำไมผมไม่รู้เลยว่าคุณหลงยังมีพี่ชายอีกหนึ่งคน? ไม่ใช่น้องชายหรอกหรือ?”
ไป๋ยี่เฟยเอ่ยขึ้นอย่างสงบนิ่งว่า “ญาติห่างๆ น่ะ”
หลงหลิงหลิงพยักหน้า
หลังหลิวเตามองพวกเขาแวบหนึ่งอีกครั้งถึงปล่อยให้ผ่าน “งั้นก็เข้ามาเถอะ”
……
หลังเข้ามาในภัตตาคารแล้ว ก็มีเสียงดนตรีฟังดูไพเราะดังมาจากด้านใน จากนั้นโคมไฟก็มืดลงตาม
โคมไฟติดผนังสีน้ำเงินแดงทำให้ทั้งบรรยากาศภัตตาคารกลายเป็นลึกลับทั้งยังมืดสลัว
พวกเขาเดินตามหลิวเตามาหยุดอยู่ตรงกลางภัตตาคารพอดี
ตรงกึ่งกลางภัตตาคารวางโต๊ะอาหารยาวเหยียดตัวหนึ่งไว้ บนโต๊ะจัดวางเทียนไขสีขาวไว้สองสามเล่ม รอบๆ โรยด้วยกลีบกุหลาบสีแดงเต็มไปหมด
ชายหนุ่มในชุดสูทชั้นดีคนหนึ่งนั่งตัวตรงอยู่ที่โต๊ะอาหาร เขากำลังถือแก้วไวน์แดง หลับตาพริ้ม โยกเอนไปตามเสียงดนตรีอย่างช้าๆ
ไม่ไกลกันนักที่ด้านหลังเขา มีบอดี้การ์ดสองคนยืนอยู่
ตอนที่ไป๋ยี่เฟยมองเห็นบอดี้การ์ดสองคนนั้น ในใจก็ตระหนกเล็กน้อย เพราะบอดี้การ์ดสองคนนี้ถึงกับมีฝีมือระดับที่หนึ่งชั้นต่ำ
ในแผ่นดินใหญ่ภาคเหนือยอดฝีมือระดับที่หนึ่งเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ยากยิ่ง อย่างน้อยยอดฝีมือระดับที่หนึ่งที่อยู่ตรงหน้ามีจำนวนเพียงหยิบมือก็ว่าได้
ซึ่งคนเช่นนี้ทำไมถึงยอมไปเป็นบอดี้การ์ดของผู้อื่นด้วยความสมัครใจกัน?
อีกทั้งที่ด้านหลังของคุณชายหวังผู้นี้ยังปรากฏถึงสองคน
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกว่าไม่ปกติอย่างมาก จึงอดให้ความสนใจขึ้นมาไม่ได้
หลังมาหยุดตรงกลางภัตตาคาร หลิวเตาก็เดินไปที่ข้างกายคุณชายหวัง กำลังพูดกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างที่ข้างหูเขา
คุณชายหวังนิ่งไปเล็กน้อย จากนั้นก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา มองไปที่พวกไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยมองยีหยุนแวบหนึ่ง ยีหยุนพลันเก็บกลิ่นอายของตัวเองไว้อย่างรู้งาน หากทำเช่นนี้ล่ะก็ บอดี้การ์ดระดับที่หนึ่งชั้นต่ำสองคนนั้นก็จะไม่มีทางสนใจพวกเขา
ในสายตาของคุณชายหวังดูเหมือนจะมีเพียงแค่หลงหลิงหลิง เขายืนขึ้น ทำท่าเชื้อเชิญให้หลงหลิงหลิงทีหนึ่ง “หลิงหลิง เชิญนั่ง”
หลงหลิงหลิงลังเลอยู่เล็กน้อย แต่ยังคงนั่งลงไป
ไป๋ยี่เฟยกับยีหยุนก็นั่งขนาบซ้ายขวาหลงหลิงหลิงเช่นกัน
หลงหลิงหลิงถามคุณชายหวังด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “เชิญฉันมาทานข้าวไม่ใช่หรือ? ให้ฉันทานกับโต๊ะว่างตัวหนึ่งหรือคะ?”
คุณชายหวังไม่ถือสาท่าทีของหลงหลิงหลิงเลยสักนิด แถมยังยิ้มน้อยๆ กล่าวว่า “มาเดี๋ยวนี้แล้ว”
คุณชายหวังมองบริกรที่ยืนอยู่ด้านข้าง บริกรก็ตบมือทันที จากนั้นก็มีบริกรอีกสิบกว่าคนเข็นรถเข็นถาดอาหารเดินเข้ามา
บริกรจัดวางอาหารชั้นเลิศหน้าตาสวยงามไว้บนโต๊ะทีละจานๆ
ยีหยุนมองเห็นอาหารเหล่านี้ ก็กลืนน้ำลายอย่างไม่รู้ตัว
และในเวลานี้เอง คุณชายหวังก็ถามหลงหลิงหลิงว่า “คุณชอบพิธีแต่งงานแบบไหน? แบบจีนหรือว่าแบบตะวันตก?”
มือหลงหลิงหลิงหยุดชะงัก
ไป๋ยี่เฟยกับยีหยุนก็แปลกใจมากเช่นเดียวกัน
คนที่พอขึ้นมาก็ถามตรงๆ แบบนี้พบเห็นได้น้อยนัก
หลงหลิงหลิงพูดอย่างอับอายแกมโมโหอยู่บ้างว่า “ฉันแค่รับปากจะมาทานข้าวกับคุณเท่านั้น ไม่ได้รับปากอะไรอย่างอื่น”
คุณชายหวังกลับทำเหมือนไม่ได้ยินก่อนจะยิ้มกล่าวว่า “ยังคงเป็นแบบตะวันตกสินะ ผิวของคุณขาวขนาดนี้ หลังสวมชุดเจ้าสาวจะต้องสวยขึ้นกว่าเดิมแน่นอน”
“คุณ!” หลงหลิงหลิงสีหน้าเย็นชาขึ้นกว่าเดิม “คุณได้ยินที่ฉันพูดไหมคะ?”
คุณชายหวังมองหลิวเตาแวบหนึ่ง หลิวเตาจึงรีบหยิบไวน์แดงที่เปิดเรียบร้อยแล้วรินให้พวกเขาทันที แต่เขาทำเป็นมองข้ามไป๋ยี่เฟยกับยีหยุน
คุณชายหวังถือแก้วทรงสูงแกว่งไปมา ยิ้มกล่าวว่า “ฉันหวังเจียจุ้นเมื่อถูกใจสิ่งใดแล้ว จะไม่มีใครกล้ามาแย่งกับฉัน ผู้หญิงก็เช่นกัน!”