หลี่เสว่พิงอยู่ในอ้อมกอดไป๋ยี่เฟย มือเล็กไล้วนอยู่บนหน้าอกไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกจั๊กจี้จากการที่มือเล็กนั้นนำพามา ทำให้มีอารมณ์อีกแล้ว
แต่ในเวลานี้เอง จู่ๆ มือถือของหลี่เสว่ก็ดังขึ้น
ไป๋ยี่เฟยราวกับถูกน้ำเย็นอ่างหนึ่งสาดพริบตาก็เย็นลงมา
หลี่เสว่ยื่นแขนขาวผ่องออกไปหยิบมือถือ พอเห็นว่าใครโทรมาก็แปลกใจมาก “เสี่ยวอิง?”
ไป๋ยี่เฟยในใจรู้สึกสงสัย
หลี่เสว่รับสาย โดยเปิดลำโพงไว้ “เสี่ยวอิง?”
“เสว่เอ๋อ ไป๋ยี่เฟยอยู่บ้านไหม?”
เสียงหลิวเสี่ยวอิงเบามาก แทบจะใช้เสียงลมในการพูด
“อยู่” หลี่เสว่มองไป๋ยี่เฟย
หลิวเสี่ยวอิงเอ่ยขึ้นด้วยความร้อนใจเป็นอย่างมาก “รีบบอกเขาเร็ว หลิงหลิงถูกคนจับตัวไปแล้ว! ฉันถูกพ่อแม่ฉันจับตาดูอยู่ ออกไปไหนไม่ได้ เธอรีบให้เขาคิดหาวิธีช่วยหลิงหลิงเร็ว”
ไป๋ยี่เฟยถามทันทีว่า “ถูกจับไปนานแค่ไหนแล้ว?”
“เกือบจะสี่ชั่วโมงแล้ว……”
สีหน้าไป๋ยี่เฟยพลันเปลี่ยนไปใหญ่หลวง
……
ไป๋ยี่เฟยแม้แต่หน้าลูกตัวเองยังไม่ได้พบ ก็ต้องสวมเสื้อผ้ารีบไปโรงพยาบาลโว่หลงเสียแล้ว
มาถึงห้องใต้ดินของโรงพยาบาล ซูต้าหลิวก็รีบวิ่งออกมาจากห้องของเขาทันที “ประธานไป๋……”
ไป๋ยี่เฟยพูดด้วยสีหน้าท่าทางเย็นเยียบว่า “เปิดประตู!”
ซูต้าหลิวไม่กล้าชักช้า รีบเปิดประตูทันที
บอดี้การ์ดคนนั้นกำลังนอนนิ่งอยู่บนโซฟา หลังเห็นไป๋ยี่เฟย ก็หยัดกายขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ไป๋ยี่เฟยกลับใช้ขาข้างหนึ่งถีบไปที่ท้องของเขาด้วยสีหน้าเย็นชา
“พลั่ก!”
บอดี้การ์ดถูกลูกถีบนี้ล้มจนกลับไปนั่งบนโซฟาอีกครั้ง
จากนั้นไป๋ยี่เฟยก็ใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบไปบนอกของบอดี้การ์ด ถามเสียงเย็นว่า “หวังเจียจุ้นตอนนี้อยู่ที่ไหน? รีบพูด ไม่พูดฉันจะฆ่าแกซะเดี๋ยวนี้!”
บอดี้การ์ดคนนั้นถลึงตาใส่ไป๋ยี่เฟย โดยไม่ยอมพูดอะไรสักคำ
ไป๋ยี่เฟยเห็นเขาไม่เชื่อฟัง ก็จับนิ้วมือเขาไว้หนึ่งนิ้วแล้วหักไปข้างหลัง
“อ๊าก!”
พร้อมกับเสียงร้องโหยหวนของบอดี้การ์ด นิ้วเขาก็ถูกหักไปด้วยเช่นกัน
ไป๋ยี่เฟยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบว่า “แกควรจะเชื่อฟังแต่โดยดีจะดีกว่า ฉันกำลังถามแกอยู่ หากแกไม่พูดฉันก็จะหักนิ้วแกให้หมด หากไม่พูดอีกฉันก็จะตีซี่โครงแกให้หัก”
“ร่างกายคนมีกระดูกมากมายขนาดนั้น ฉันก็จะหักมันทีละท่อนๆ!”
บอดี้การ์ดได้ยินเช่นนี้ สีหน้าก็ซีดเผือด
ตอนนี้ไป๋ยี่เฟยร้อนใจมาก ตอนนั้นเขาควรจะคิดได้ บอดี้การ์ดคนหนึ่งตั้งใจวิ่งมาฆ่าตนโดยเฉพาะ บอดี้การ์ดอีกคนจะไปไหนได้ล่ะ?
จะต้องถูกหวังเจียจุ้นใช้ให้ไปจับหลงหลิงหลิงแน่
หวังเจียจุ้นวางแผนกระทำมิดีมิร้ายต่อหลงหลิงหลิง ซึ่งก็ผ่านไปเกือบจะสี่ชั่วโมงแล้ว สี่ชั่วโมง เพียงพอจะเกิดเรื่องขึ้นได้มากมาย
หลงหลิงหลิงเป็นคนกลุ่มแรกสุดที่ติดตามตนเอง เธอมีใจภักดีต่อตนมาตลอด อีกทั้งงานเหล่านั้นที่เธอทำยังไม่เท่าเทียมกับเงินเดือนที่เขาให้เธอด้วยซ้ำ
ยิ่งไปกว่านั้น คนเราล้วนมีความรู้สึก หลงหลิงหลิงไม่ได้เป็นเพียงลูกน้องทั่วไปของเขา ตอนนี้เธอเกิดเรื่อง ไป๋ยี่เฟยย่อมจะร้อนใจมากเป็นธรรมดา
……
เวลาตีหนึ่งครึ่ง ไป๋ยี่เฟยรีบรุดมายังเขตคฤหาสน์ฝู้เจียงของเมืองเทียนเป่ย
หลังบอดี้การ์ดยอมแพ้ก็บอกที่อยู่แก่เขา
ไป๋ยี่เฟยมาคนเดียว เพราะอย่างไรความสามารถของเขาในตอนนี้ก็สูงกว่าลูกน้องตัวเองมากมายนัก อีกทั้งตระกูลหวังตระกูลนั้นที่ซินชิวเคยบอก หากเป็นพวกเขาจริง คนเหล่านั้นมาก็ไม่มีประโยชน์
หลังไป๋ยี่เฟยลงจากรถก็เดินมาหยุดตรงนอกเขตคฤหาสน์อย่างเงียบๆ จากนั้นก็ปีนเข้าไป มาหยุดตรงนอกคฤหาสน์หลังหนึ่งในบรรดาคฤหาสน์อีกหลายหลัง หลังมองสำรวจสภาพการณ์โดยรอบเล็กน้อยแล้ว ก็ปีนกำแพงเข้าไปยังลานของคฤหาสน์
คฤหาสน์หลังนี้ใหญ่โตมาก ตรงหน้าเหมือนจะเป็นสวนดอกไม้เล็กๆ แห่งหนึ่ง ถึงขั้นยังมีภูเขาจำลองกับศาลานั่งเล่นอีกด้วย สามารถมองออกได้ว่าเอาใจใส่ในการตกแต่งอย่างมาก
ตรงจุดที่ไม่ไกลกันนักยังมีอาคารหลังน้อยที่ภายนอกดูประณีตงดงามอีกหลายหลัง จัดวางอยู่ทั่วทุกแห่งอย่างวิจิตรซับซ้อน
ไป๋ยี่เฟยยังคงแปลกใหม่ต่อสถานที่แห่งนี้อยู่บ้าง เพราะนานขนาดนี้เขายังไม่เคยได้ยินเลยว่า เมืองเทียนเป่ยยังมีสถานที่เช่นนี้อยู่ด้วย
เขาอาศัยความมืดเดินไปยังอาคารหลังน้อยเหล่านั้นอย่างระมัดระวัง
ตอนนี้อาคารหลังเล็กเหล่านั้นไม่มีสักแห่งที่ไฟสว่าง ไป๋ยี่เฟยจึงได้แต่สำรวจไปทีละแห่ง
ที่เขาไปก่อนลำดับแรกสุดคืออาคารหลังเล็กสามชั้นหลังหนึ่ง หลังมาหยุดตรงหน้าประตู เขาก็พบว่าประตูไม่ได้ล็อก ดังนั้นจึงเปิดประตูเดินเข้าไป
แต่พอเขาเพิ่งเดินเข้าไป ก็เกิดแสงจ้าบาดตาขึ้นทันที
เป็นไฟในห้องสว่างขึ้นมา
ไป๋ยี่เฟยพลันตกใจอย่างมาก รีบหันหน้าไปมอง ก็พบว่าสามารถมองเห็นลานบ้านได้จากด้านในผ่านประตูกระจก ด้านนอกลานบ้านถึงกับสว่างจ้าราวกับเป็นกลางวันอย่างไรอย่างนั้น ถึงขั้นมองเห็นพระอาทิตย์ลอยอยู่บนทองฟ้าได้อีกด้วย
ศาลานั่งเล่นภูเขาจำลองในลานบ้านตั้งอยู่ตรงนั้นอย่างชัดเจนแจ่มแจ๋ว ถึงขนาดที่ว่าแม้แต่อาคารหลังเล็กที่อยู่ไกลออกไปยังมองเห็นได้ชัด
ไป๋ยี่เฟยพลันงงงวย
หรือว่านี่เป็นภาพหลอน?
คิดถึงตอนที่พวกเขาเข้าไปในคลังเก็บทองที่สอง เพราะกินยาที่ทำให้เกิดภาพหลอนชนิดหนึ่งเข้าไป จึงปรากฏภาพหลอนเหมือนอย่างตอนนี้ อีกทั้งยังรู้สึกเหมือนจริงอย่างมาก แต่เขายังคงรู้สึกได้ว่าหัวสมองเลอะเลือนเล็กน้อย
แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองสบายดีเป็นอย่างมาก
และเท่ากับว่าไม่ใช่ภาพหลอน แต่เป็นปัญหาของอาคารหลังเล็กพวกนี้เอง
ไป๋ยี่เฟยลังเล เขาควรเดินหน้าไปต่อหรือถอยหลังออกไปดี?
สุดท้าย ไป๋ยี่เฟยก็กัดฟันยังคงเดินไปทางอาคารหลังเล็กต่อ
อาคารหลังเล็กมีทั้งหมดสามชั้น เขาเปิดห้องของแต่ละชั้นหมดแล้ว แต่ก็ไม่มีใครเลยสักห้อง
ดังนั้นเขาจึงออกมาจากอาคารหลังเล็กแห่งนี้
แต่พอเขาออกไปกลับพบว่า ฟ้ายังคงสว่างอยู่
นี่จะเป็นไปได้ยังไง?
ตอนนี้เป็นเวลาเช้ามืด ฟ้าจะสว่างได้อย่างไรกัน?
แผ่นหลังของไป๋ยี่เฟยพลันหลั่งเหงื่อเย็นขึ้นมาทันที
หลังไป๋ยี่เฟยสูดหายใจเข้าลึกทีหนึ่ง ก็เดินไปสำรวจอาคารหลังหนึ่งอย่างระมัดระวัง ด้านในอาคารไม่มีสิ่งของกับใครเลย ดังนั้นเขาจึงไปดูหลังต่อไป
เขาดูอาคารหลังเล็กทั้งหมดแล้ว ไม่เห็นใครสักคน
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกสับสน ต่อมาพอหยิบมือถือออกมาดูเวลา ก็พบว่าบนหน้าจอแสดงเวลาตีสองสิบห้านาที
เขารู้ว่าตอนนี้อันตรายมาก ดังนั้นจึงรีบถอยออกไปจากตัวลานแห่งนี้อย่างรวดเร็ว แต่เขาออกมาจากลานบ้านแล้วกลับยังคงเป็นกลางวัน
หลังไป๋ยี่เฟยข่มกลั้นเสียงร้องไว้ ก็รีบต่อสายออกไปทันที
“ฮัลโหล?” ที่ดังมาจากปลายสายเป็นเสียงของหลี่เสว่
ไป๋ยี่เฟยถามทันทีว่า “ที่รัก คุณดูหน่อยว่าตอนนี้เป็นกลางวันหรือกลางคืน?”
หลี่เสว่มองดูเล็กน้อยก็ตอบว่า “กลางคืนค่ะ ทำไมหรือ?”
ไป๋ยี่เฟยไม่กล้าพูดมาก รีบวางสายทันที จากนั้นก็รีบขับรถกลับไป
แต่ระหว่างทางยังคงเป็นกลางวันสำหรับเขา แม้แต่ป้ายจราจรบนทางหลวงเหล่านั้นก็มองเห็นได้อย่างชัดเจน
ที่แปลกอยู่อย่างเดียวคือเมืองทั้งเมืองดูเหมือนจะสงบเงียบอย่างมาก ราวกับเป็นเมืองร้างแห่งหนึ่ง
ไป๋ยี่เฟยเงยหน้าไปมองไฟถนน พินิจดูอย่างละเอียดอยู่นานถึงพบว่าไฟถนนสว่างอยู่ แสงของดวงอาทิตย์จ้าเกินไป เกือบทำให้เขามองไฟถนนไม่ชัดว่าสว่างอยู่ใช่หรือไม่
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกราวกับว่าทั้งโลกมีแค่เขาคนเดียวอย่างไรอย่างนั้น
เขาขับรถมายังโรงพยาบาลโว่หลง จากนั้นก็รีบไปเคาะห้องของซูต้าหลิวทันที
ซูต้าหลิวตื่นมาจากในห้วงหลับใหล หลังปีนขึ้นมาอย่างงัวเงียก็รีบหารองเท้า จากนั้นก็เปิดไฟ
ที่เขาอยู่คือห้องใต้ดิน แต่เพื่อไม่อับชื้นเกินไป ในห้องเขาจึงมีช่องลมขนาดใหญ่ช่องหนึ่ง เวลานี้ในช่องลมนั้นมีแสงแดดลอดเข้ามา ส่องให้ในห้องเขาสว่างเป็นอย่างมาก
แต่เขาราวกับมองไม่เห็น หลังเปิดไฟก็รีบถือไฟฉายเปิดประตู หลังมองเห็นไป๋ยี่เฟย ก็ประหลาดใจอยู่บ้าง “ประธานไป๋ คุณมาได้ยัง?”