ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ – ตอนที่ 1035 กับดัก

 

ผ่านไปไม่นานนัก จางหัวปินก็ได้ทำการสืบหามาได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“มันคือรถเบนซ์สีดำคันนึง หลังจากที่เข้าไปในสวนดอกไม้แล้วก็ไม่เห็นเงาร่างของรถอีกเลย อีกอย่างกล้องวงจรทั้งหมดที่อยู่ภายในก็ถูกปิดลงไปหมดเลยด้วย”

ไป๋ยี่เฟยรีบหักพวงมาลัยรถมุ่งหน้าตรงเข้าไปยังสวนดอกไม้ทันที

สวนดอกไม้คือหมู่บ้านหนึ่งเล็กๆ ซึ่งหมู่บ้านนี้ตั้งอยู่ในถนนการค้า ซึ่งทั้งสองข้างของถนนมีร้านค้าอยู่เป็นจำนวนมาก และโรงแรมต่างๆ ฝั่งตรงข้ามของหมู่บ้านนี้ยังมีสวนสาธารณะเล็กๆอีกทีนึงด้วย

ไป๋ยี่เฟยไปถึงสวนดอกไม้อย่างรวดเร็ว แต่เขาไม่รู้ว่าพวกเขากำลังอยู่ในหมู่บ้าน? หรือว่าอยู่ในโรงแรม? หรือจะอยู่ในสวนสาธารณะ?

และในตอนนี้เอง อาหยางที่อยู่เบาะหลังก็ได้สติกลับคืนมา

“แค๊กๆ…..”

หลังจากที่ไอไปได้สักพัก เขาค่อยๆลุกขึ้นมานั่ง ก่อนจะเปิดหน้าต่างรถแล้วถมน้ำลายออกไปสองครั้ง

ไป๋ยี่เฟยถามเขาตรงๆเลยว่า “พวกเขาอยู่ที่ไหน?”

อาหยางหัวเราะเบาๆก่อนจะตอบ “ถ้าฉันบอกว่าพวกเขาอยู่ทางทิศใต้ คุณกล้าเชื่อหรอ? 

ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้วลงอย่างกะทันหัน

อาหยางถอนหายใจอย่างกะทันหันก่อนจะพูดว่า “คุณเก่งมากจริงๆ สามารถมองทะลุคาถาของผมได้ และยังสามารถเดินออกมาจากคฤหาสน์หลังนั้นได้อีกด้วย ความสามารถแค่นี้ก็เก่งกาจมากพอแล้ว”

“แต่ผมรู้สึกสงสัยมากๆว่าคุณดูออกได้ยังไง? แม้กระทั่งอาจารย์ของคุณจื่ออีก็ใช่ว่าจะสามารถมองทะลุคาถาของผมได้อย่างง่ายดาย”

ไป๋ยี่เฟยรู้อยู่ว่าถึงแม้ตัวเองจะใจร้อนมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ เขาจึงเลือกที่จะหยิบบุหรี่ออกมาหนึ่งมวน แล้วค่อยๆสูบบุหรี่ในมือ

หลังจากที่พ่นควันบุหรี่ออกมาจากปากทีนึง เขาถึงจะถามขึ้นมาอย่างเรียบนิ่ง “อยู่ในโรงแรมหรอ?”

ไป๋ยี่เฟยจะพิจารณาจากสีหน้าของอาหยางว่าขั้นตอนต่อไปเขาควรจะไปที่ไหนดี

แต่ว่าสีหน้าของอาหยางกลับไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆเลย มากไปกว่านั้นยังมีความรู้สึกดูถูกปนอยู่ด้วยเล็กน้อย “ไม่ต้องเสียแรงเปล่าแล้ว ผมเป็นแค่หมาตัวนึงของตระกูลหวังจริงๆ คนอย่างผมหาเจอได้ง่ายมากในตระกูลหวัง สูญเสียหมาตัวนึงอย่างผมไปสำหรับตระกูลหวังแล้วคือว่าไม่ได้สูญเสียอะไรเลย”

“เพราะฉะนั้นแล้วเป็นญาติมิตรกับตระกูลหวัง มาเป็นเพื่อนร่วมงานกัน มันวินๆทั้งสองฝ่ายเลยไม่ใช่หรอ? จะว่าไปถ้าเกิดคุณจะต่อกรกับตระกูลหวังจริงๆ คาดว่าคงไม่ได้รับผลประโยชน์อะไรหรอก”

ไป๋ยี่เฟยก็ไม่ได้ฟังคำพูดของเขาอยู่ดี แต่เป็นการพูดขึ้นมาเองว่า “ทางทิศใต้คือสวนสาธารณะ ถ้าจะทำเรื่องแบบนั้นในสถานที่แบบนั้น มันต้องเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมและไม่สะดวกแน่นอน แต่เวลาแบบนี้สถานที่ที่ยิ่งไม่สมเหตุสมผลก็จะยิ่งมีความเป็นไปได้”

อาหยางมองดูท้ายทอยของไป๋ยี่เฟย บนใบหน้ามีรังสีแห่งความดูหมิ่นปรากฏขึ้น ก่อนที่เขาจะพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ “คุณต่อกรกับตระกูลหวังไม่ได้หรอก!”

ทันทีที่เพิ่งพูดจบ ไป๋ยี่เฟยโยนก้นบุหรี่ออกไปอย่างกะทันหัน ก่อนจะเหยียบคันเร่งแล้วพุ่งตรงไปอย่างรวดเร็ว

และตัวรถไม่ได้มุ่งหน้าไปทางทิศเหนือแต่อย่างใด และไม่ได้ไปทางทิศใต้อีกด้วย แต่เป็นการขับตรงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไปถึงตึกใหม่แห่งนึงที่สภาพแวดล้อมรอบๆเงียบเหงา

และตึกแห่งนี้คือโรงเรียนอนุบาลที่กำลังก่อสร้างอยู่ สภาพภายนอกเหมือนพึ่งก่อสร้างเสร็จเรียบร้อย ยังไม่ได้เริ่มใช้งาน

สีหน้าของอาหยางก็ได้เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันในตอนนี้

“คุณไป๋ ผมขอเตือนคุณว่าอย่าเป็นศัตรูกับตระกูลหวังจะดีกว่านะ”

อาหยางเห็นว่าไป๋ยี่เฟยขับรถไปจอดอยู่ตรงหน้าทางเข้าของโรงเรียนอนุบาล บนใบหน้าเขาก็รู้สึกตะลึงเป็นอย่างมาก “ทำไมคุณ…..คุณรู้ได้ยังไง?”

ไป๋ยี่เฟยมองอาหยางผ่านกระจกมองหลังรอบนึง ถอดหูฟังบลูธูทออก ก่อนจะกดเปิดลำโพง

“กล้องวงจรที่ถูกปิดจัดวางอยู่ในบริเวณสี่แยกหลายจุด ทางทิศใต้หนึ่งจุด ทิศเหนือหนึ่งจุด ทิศตะวันออกสองจุด และทิศตะวันตกอีกสามจุด ถ้าคำนวณตามบริเวณเบื้องต้นแล้วล่ะก็ จุดศูนย์กลางของกล้องวงจรที่ถูกปิดอยู่ที่โรงเรียนอนุบาลสวนดอกไม้”

เสียงของจางหัวปินดังขึ้นมาทางโทรศัพท์

นี่ทำให้อาหยางมึนงงไปเลย

ไป๋ยี่เฟยมองเขาด้วยสายตาที่เยือกเย็น ก่อนจะพูดว่า “ได้ยินหรือยัง? ถึงแม้ว่าวิธีการจัดการของตระกูลหวังจะยอดเยี่ยมมากๆ แต่ว่าอยู่ในเมืองเทียนเป่ย บนอาณาเขตของฉัน ทุกการกระทำของพวกแกไม่มีทางหลุดพ้นไปจากสายตาฉันได้”

“เดิมทีฉันไม่ได้อยากต่อกรกับตระกูลหวังตั้งแต่แรกแล้ว แต่เป็นพวกแกเองที่ล่วงเกินขีดจำกัดของฉันครั้งแล้วครั้งเล่า และถ้าต้องต่อกรกันขึ้นมาจริงๆ พวกแกยังไม่มีสิทธ์นั้น!”

หลังจากที่พูดจบ ไป๋ยี่เฟยจึงกดวางสายไป ก่อนที่จะเดินลงจากรถอย่างไม่ลังเลใจ

ถัดจากนั้นเขาเดินมาตรงเบาะหลัง แล้วเปิดประตูออก “แกนอนต่ออีกสักพักเถอะ”

“ตึง!”

ไป๋ยี่เฟยชกหมัดขวาลงไป ทำให้อาหยางเป็นลมหมดสติไปอีกครั้ง

หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยปิดประตูลงและเขาก็ได้ปีนกำแพงเข้าไป โรงเรียนอนุบาลแห่งนี้มีทั้งหมดสามชั้น ถ้าจะให้หาห้องนั้นให้เจอภายในเวลาสั้นๆ เขารู้สึกเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก

ถึงแม้ตอนนี้ยังเป็นช่วงเวลากลางคืน แต่ว่าในสายตาเขาเป็นช่วงเวลากลางวัน เพราะฉะนั้นจึงไม่เห็นเลยด้วยซ้ำว่าห้องไหนที่ไฟกำลังเปิดอยู่

ดังนั้นไป๋ยี่เฟยจึงทำได้แค่วิ่งไปดูทีละห้องๆ

แต่หลังจากที่เขาเดินเข้าไปแล้ว ไป๋ยี่เฟยกลับสัมผัสได้ถึงความผิดปกติเล็กน้อย เพราะว่าที่นี่นิ่งเงียบมาก เงียบจนไม่มีเสียงใดๆเลยแม้แต่น้อย

เขาเดินดูตั้งแต่ชั้นแรกจนถึงชั้นสาม แต่กลับไม่เห็นเงาร่างของใครเลยสักคน

และในตอนนี้ก็มีเสียงสตาร์ทรถดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน

“บรึ้น……”

ไป๋ยี่เฟยตกตะลึงในใจก่อนจะรีบวิ่งไปดูข้างหน้าต่าง พบว่ารถยนต์ของตัวเองกำลังขับแล่นออกไปอย่างรวดเร็ว

“แม่งเอ้ย!”

ไป๋ยี่เฟยสถบด่าคำนึง ก่อนจะกระโดดลงมาจากชั้นสามอย่างไม่ลังเลใจ

ในระหว่างที่วิ่งไปด้วย เขาก็ได้โทรหาจางหัวปินไปด้วย

“พวกเราติดกับแล้ว รีบค้นหาเส้นทางรอบๆที่สามารถหลบหนีได้!”

ไป๋ยี่เฟยได้ยินเสียงดีดคีย์บอร์ดที่ดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านไปนานมากเสียงของจางหัวปินถึงจะดังขึ้นมา

“ด้านหลังของโรงเรียนอนุบาลมีร้านอาหารอยู่ร้านนึง หน้าต่างของร้านอาหารไม่มีตาข่ายกันขโมย สามารถเดินเข้าไปจากทางหลังครัวได้โดยตรง ตั้งแต่ตรงนั้นมีเส้นทางหนึ่งที่เชื่อมไปหาห้างสรรพสินค้า บริเวณโรงจอดรถของห้างสรรพสินค้า มีทางออกอยู่ทั้งหมดสามทาง”

“ถ้าเกิดเวลามันไม่ทันจริงๆ นายสามารถไปโรงจอดรถที่อยู่ชั้นใต้ดินของโรงเรียนอนุบาลได้ แต่ว่าตรงนั้นมีทางออกแค่หนึ่งทางเท่านั้น นายสามารถหลบหนีได้ชั่วคราว”

ไป๋ยี่เฟยมุ่งหน้าวิ่งตรงเข้าไปทางด้านหลังของโรงเรียนอนุบาลยางไม่ลังเล

แต่หลังจากที่วิ่งไปได้ครึ่งนึง เขาก็ได้หยุดฝีเท้าลงอย่างกะทันหัน

ทำไมโรงเรียนอนุบาลถึงต้องสร้างโรงจอดรถชั้นใต้ดินด้วย?

ไป๋ยี่เฟยรู้สึกว่าสิ่งนี้มันผิดปกติมากๆ

แต่ทว่าเขาไม่มีเวลาให้ไปคิดมากแล้ว ก็พบว่าบริเวณรอบๆมีคนโผล่หัวออกมาจำนวนมากอย่างกะทันหัน พวกเขากำลังโยกย้ายเข้ามาในโรงเรียนอนุบาล

เป็นไปตามที่เขาคาดการณ์ไว้จริงๆ เนื่องจากความประมาทเพียงเล็กน้อยของตัวเองแหวกหญ้าให้งูตื่นแล้ว

เมื่อกี้ตอนที่ไป๋ยี่เฟยกดโทรหาเจ้าบ้านตระกูลหวัง สามารถหยุดยั้งการกระทำที่หวังเจียจุ้นกำลังจะกระทำต่อหลงหลิงหลิงได้จริงๆ แต่หลงหลิงหลิงยังอยู่ในกำมือของหวังเจียจุ้น ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเธอยังตกอยู่ในสภาวะที่อันตราย

คาดว่าหลังจากที่เจ้าบ้านตระกูลหวังกดวางสายไปแล้ว เขาก็ได้รีบแจ้งให้หวังเจียจุ้นทราบแล้ว และถึงแม้จะสามารถหยุดยั้งเขาไว้ได้ แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้เขาเปลี่ยนสถานที่อย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน และยังได้ทำการวางกับดักไว้ที่นี่อีกด้วย

เมื่อเขาเดินลงจากรถ แล้วเข้าไปในโรงเรียนอนุบาล จึงมีคนแอบวิ่งออกมาขับรถพาอาหยางหนีออกไป 

ไป๋ยี่เฟยรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย เมื่อกี้เขาใจร้อยมากเกินไปจริงๆ ยังไม่ทันได้คิดว่าเรื่องทั้งหมดมีข้อบกพร่องเยอะขนาดนี้

ในขณะเดียวกันนี่ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าอำนาจพื้นฐานของตระกูลหวังมีเยอะมากจริงๆ

พวกคนที่ปีนเข้ามาทางกำแพงส่วนใหญ่ต่างเป็นยอดฝีมือระดับสอง ไป๋ยี่เฟยไม่ได้เกรงกลัวแต่อย่างใด แต่สถานการณ์ในตอนนี้มันพิเศษ บาดแผลที่เขาได้รับจากหนานเหมินยังไม่หายดีร้อยเปอร์เซ็น ศักยภาพความสามารถของเขาจึงไม่ดีกว่าช่วงเวลาที่ร่างกายเขาแข็งแรงสมบูรณ์แบบเป็นธรรมดาอยู่แล้ว

คนพวกนี้เข้ามาล้อมรอบไป๋ยี่เฟยไว้อย่างหนาแน่น หลังจากนั้นมีคนนึงเดินเข้ามาตรงหน้าไป๋ยี่เฟย เสื้อด้านนอกของเขาคือชุดคลุมสีดำ มองเห็นใบหน้าของเขาไม่ชัดเจน เขาพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่แยกแยะไม่ออกว่าเป็นเสียงผู้ชายหรือผู้หญิง “ไป๋ยี่เฟย แต้มบุญแกสูงจริงๆเลยนะ!”

“แม้แต่อาจารย์ตั้งค่ายยังไม่สามารถเหนี่ยวรั้งแกไว้ได้งั้นหรอ!”

ไป๋ยี่เฟยมองเขาพลางพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น “หวังเจียจุ้นอยู่ที่ไหน?”

“ตอนนี้แกควรเป็นห่วงตัวเองมากกว่านะ หรือแกคิดว่าตัวเองสามารถฆ่ายอดฝีมือระดับหนึ่งชั้นสูงได้ ก็นึกว่าตัวเองเก่งไร้ที่ติแล้วงั้นหรอ?”

“ฉันจะบอกอะไรแกให้ คืนนี้แกไม่มีทางรอดแน่นอน!”

ไป๋ยี่เฟยมองเขาพลางขมวดคิ้วลงเล็กน้อย เนื่องจากเขารู้สึกว่าคนที่อยู่ตรงหน้านี้ให้ความรู้สึกเขาเหมือนเป็นคนที่เขาเคยรู้จักมาก่อนยังไงอย่างงั้น

จากนั้นไป๋ยี่เฟยจึงหลับตาลงอีกครั้ง ใช้จิตสัมผัสไปมองใบหน้าของฝ่ายตรงข้าม

คนดังกล่าวหัวเราะเยาะทีนึง “นี่แกกำลังจะยอมแพ้แล้วหรอ?”

และหลังจากที่ไป๋ยี่เฟยหลับตาลงแล้ว เขาเดินตรงเข้าไปหาคนดังกล่าว มองเห็นใบหน้าเขาแล้ว ก่อนจะพูดอย่างมั่นใจ “ที่แท้ก็คือแกนี่เอง!”

คนดังกล่าวตกตะลึงอย่างกะทันหัน ก่อนจะถอยหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว

ในขณะเดียวกัน ไป๋ยี่เฟยชกหมัดออกไปอย่างกะทันหัน ชกโดนบริเวณหน้าอกของเขา

เป็นไปตามที่คิด มันคือความรู้สึกที่แข็งและนุ่ม

“โครม!”

หลังจากที่เสียงดังลั่นดังขึ้นมาทีนึง ไป๋ยี่เฟยสัมผัสได้ถึงพลังแรงในแบบเดียวกันสะท้อนกลับคืนมาทางเขา ทำให้เขาถอยหลังกลับไปอย่างควบคุมไม่อยู่

จนกระทั่งถอยหลังกลับไปไกลห้าหกเมตร ถึงจะสามารถทรงตัวได้ ก่อนที่เขาจะชี้ไปทางคนที่ใส่เสื้อคลุมแล้วพูดว่า “ฉันรู้แล้วว่าแกคือใคร ทำไมถึงต้องปิดบังให้ลำบากต่อด้วยล่ะ?”

 

ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่

ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่

ลูกเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงที่ถูกคนอื่นหัวเราะเยาะ ตัวตนที่แท้จริงของเขาคือ……

Comment

Options

not work with dark mode
Reset