“เอี๊ยด!”
“ปัง!”
สุดท้ายก็สายไปอยู่ดี
รถทั้งสองคันต่างโค้งมาด้วยความเร็วสูง ถึงแม้ว่าจะเหยียบเบรคจนสุดแล้วก็ไม่ทันเลยด้วยซ้ำ
ไป๋ยี่เฟยทำได้แค่ใช้พลังอ้านจิ้งทั้งหมดของตัวเองไปปกป้องอวัยวะส่วนสำคัญของร่างกาย หลังจากที่รถมอเตอร์ไซค์ได้ชนเข้ากับรถออฟโรดแล้ว ร่างกายของเขาก็ถูกชนจนบินลอยออกไปทันที
ส่วนรถมอเตอร์ไซค์นั้นถูกชนจนเหวี่ยงออกไปไกลหลายเมตร
“ปัง!”
ร่างกายของไป๋ยี่เฟยร่วงลงกับพื้น ก่อนที่จะมีเสียงดังอื้อขึ้นมาในหูสายตาก็ดูไม่ค่อยชัดเจนแล้ว
ผ่านไปสักพักหนึ่ง ในที่สุดคนขับรถออฟโรดก็ค่อยๆได้สติกลับคืนมา เขาพยายามดิ้นรนดันตัวออกมาจากถุงลมนิรภัย แล้วเดินลงมาสำรวจรถของเขา
ในช่วงจังหวะที่ไป๋ยี่เฟยกำลังโค้งนั้น เขาเอียนตัวให้รถต่ำลง เพราะฉะนั้นสิ่งที่รถออฟโรดชนโดนไม่ใช่รถมอเตอร์ไซค์แต่เป็นร่างกายของไป๋ยี่เฟย
ตอนนี้คนขับรถเห็นแล้วว่ากระโปรงหน้ารถออฟโรดของตัวเองถูกชนจนพังทลายลงมาแล้ว แม้กระทั่งกันชนหน้าก็ถูกชนจนบิดเบี้ยวไม่เป็นรูป
เพราะฉะนั้นคนขับรถจึงหน้าเหวอไปเลย
แม้แต่รถยังถูกชนจนกลายเป็นสภาพนี้เลย ส่วนตัวคนนั้นไม่ต้องพูดก็รู้ได้เลยว่าสภาพจะสาหัสขนาดไหน
ในตอนนี้เอง ไป๋ยี่เฟยที่นอนอยู่บนพื้นกลับลุกขึ้นมานั่งแล้วงั้นหรอ
หลังจากที่ตัวเองเห็นภาพดังกล่าวแล้ว กลับตกใจกลัวจะล้มลงไปกับพื้นทันทีเลย
ไป๋ยี่เฟยนั่งอยู่บนพื้นไปสักพักถึงจะลุกขึ้นยืน เนื่องจากถูกชนโดนรุนแรงมากๆ และรู้สึกวิงเวียนศีรษะเล็กน้อย หลังจากที่เขาลุกขึ้นยืนแล้ว เขาเดินเซเข้ามาตรงหน้ารถมอเตอร์ไซค์ สภาพดูเหมือนคนเมาเหล้ามากๆ
เขาจับตัวรถมอเตอร์ไซค์ขึ้นมา ก่อนจะขึ้นไปคร่อมบนรถมอเตอร์ไซค์
“บรื้น…..”
หลังจากที่เสียงดังกระหึ่มดังขึ้นรอบนึง มอเตอร์ไซค์พุ่งออกไปเร็วดั่งสายฟ้า
เมื่อคนขับรถเห็นภาพเหตุการณ์นี้ เขาก็ตกใจกลัวจนสิหน้าขาวซีดไปเลย เขาเห็นๆอยู่ว่าบริเวณหมวกกันน็อคและดวงตามีเลือดไหลออกมา คนดังกล่าวกลับขับรถแล้วซิ่งออกไปเลยหรอเนี่ย
คนขับรถค่อยๆหันหน้ากลับไปมองรถออฟโรดของตัวเอง ก่อนจะสะดุ้งสั่นโดยสัญชาตญาณ
…….
“ไป๋ยี่เฟย เป็นยังไงบ้าง? ไม่เป็นไรใช่ไหม?” จางหัวปินเห็นผ่านกล้องวงจรปิดแล้วว่าเขาเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ก่อนจะถามอย่างเป็นห่วง
ตอนนี้ไป๋ยี่เฟยยังรู้สึกมึนงงอยู่เล็กน้อย แต่สติเขายังชัดเจนดีทุกอย่าง จากนั้นเขาจึงส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ผมไม่เป็นไร จับตาดูรถของหวังเจียจุ้นดีๆก็พอแล้วครับ”
“ฉันรู้แล้ว งั้นนายระวังหน่อยนะ” จางหัวปินพูด “ถ้าไม่ไหวจริงๆก็อย่าฝืนตัวเอง ฉันโทรบอกเหล่าเฉินและนายซาให้ตามนายไปแล้ว”
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้พูดอะไรต่อ
ตอนนี้ไป๋ยี่เฟยรู้สักทีว่าทำไมหยุนอิงมีความมั่นใจที่กล้าฆ่าจีซือแล้ว
ตระกูลหวังเป็นตระกูลที่ใหญ่โตเมื่อหลายสิบปีก่อน ถึงแม้พวกเขาจะซ่อนเร้นมาโดยตลอด แต่พื้นฐานอำนาจของพวกเขากลับมีเยอะมากๆ ศักยภาพความสามารถไม่ได้ด้อยไปกว่าสี่ตระกูลใหญ่เลย และยังมีความเป็นไปได้สูงมากว่าตระกูลหวังแข็งแกร่งกว่าสี่ตระกูลใหญ่มากๆอีกด้วย
หยุนอิงทำการวางแผนการทั้งหมดนี้ไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ตระกูลหวังสามารถสนับสนุนเส้นชีวิตทางเศรษฐกิจในอนาคตให้สหพันธ์วรยุทธได้ ถึงแม้จะเป็นจีซือเอง คาดว่าก็คงไม่กล้าไปมีปัญหากับลูกสาวของเขาอย่างง่ายๆ
ทันใดนั้นเอง โทรศัพท์มีเสียงของจางหัวปินดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“แย่แล้ว! บริเวณทางทิศใต้ของสะพานใหญ่เทียนเป่ย เมื่อออกจากเมืองเทียนเป่ยแล้วแถวนั้นไม่มีกล้องวงจรเลย ตอนนี้พวกเรากำลังมุ่งหน้าตรงไปในทิศทางนั้น ถ้าทันทีที่ออกไปเมื่อไหร่ กล้องวงจรก็จะไม่สามารถจับภาพได้แล้ว”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดนี้แล้ว ไป๋ยี่เฟยก็ยิ่งลุกลนมากขึ้น ก่อนจะบิดคันเร่งจนสุด
“บรื้น…..”
เขาขับมอเตอร์ไซค์เหมือนเป็นแสงสีขาวที่พุ่งตรงไปด้วยความเร็วแสง
ราวกับว่าภายในสายตาของไป๋ยี่เฟยก็มีแค่แสงสีขาวเท่านั้น
มีแค่แสงสีขาว
……..
“ไป๋ยี่เฟย…..”
“ไป๋ยี่เฟย…..”
ในหูฟังยังคงมีเสียงของจางหัวปินดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง แต่เสียงกลับยิ่งอยู่ยิ่งเบาลง
ไป๋ยี่เฟยสัมผัสได้ว่าร่างกายของตัวเองกำลังลอยขึ้นกลางอากาศ เขาลอยขึ้นฟ้าแล้วตกลงมาเป็นเส้นโค้ง จากนั้นราวกับว่าตัวเองได้ตกไปในบ่อน้ำในขั้วโลกเหนือ
วินาทีต่อมาเขาก็เสียสติไปเลย
……….
ในขณะเดียวกันรถยนต์ของหวังเจียจุ้นได้ขับออกจากเมืองเทียนเป่ยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาขับแล่นไปตามถนนเล็กๆเส้นนี้ ก่อนจะไปถึงโรงงานขนาดเล็กโรงงานนึง
เขาได้ทำการจอดรถไว้ตรงหน้าตึกแห่งหนึ่งของโรงงาน
ร่างกายของหลงหลิงหลิงถูกคนใช้เชือกมัดไว้ ตาก็ถูกคนอื่นใช้ผ้าปิดไว้เช่นกัน
เธอสัมผัสได้ว่ารถได้จอดลงแล้ว ก่อนที่เธอจะถูกคนอื่นแบกลงมา หลังจากที่เดินทางไปได้สักพักก็ได้เดินขึ้นตึกไป ก่อนที่เธอจะถูกคนอื่นโยนขึ้นไปบนเตียง
และในตอนนี้เอง หลงหลิงหลิงได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นหูเลยเสียงนึง
“คุณชายครับ หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยนั่นโดนรถชนแล้วมันยังฝืนขับรถต่อ ทำให้ตกลงไปในแม่น้ำทันที ตอนนี้คาดว่าน่าจะจมน้ำตายไปแล้วครับ”
ในใจของหลงหลิงหลิงมีเสียงกรึกดังขึ้นเมื่อได้ยินแบบนี้
ถัดจากนั้นหวังเจียจุ้นจึงพูดว่า “มีชื่อเสียงโด่งดังขนาดนั้นแล้วมีประโยชน์อะไร? สุดท้ายก็โดนพวกเรากำจัดไปอยู่ดี?”
หลงหลิงหลิงผงะไปอย่างกะทันหัน ราวกับว่าไม่อยากจะเชื่อ
ไป๋ยี่เฟย….ตายแล้ว?
“นายออกไปเถอะ ไปบอกให้พวกลูกน้องกระตือรือร้นหน่อย”
“ครับ!”
ถัดจากนั้นเป็นเสียงของคนคนหนึ่งเดินออกไปจากห้อง และเสียงปิดประตูตามมา
จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงถอดเสื้อผ้า
หลงหลิงหลิงทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว น้ำตาร่วงลงมาจากเบ้าตาทั้งสองข้าง
วินาทีต่อไป เธอสัมผัสได้ว่ามีมือใบนึงกำลังลูบไล้อยู่บนใบหน้าของตัวเอง และใช้มืออีกข้างหนึ่งช่วยเธอเช็ดน้ำตา หวังเจียจุ้นพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น “คุณกำลังร้องไห้เพื่อมันอยู่หรอ?”
ทันทีที่พูดจบ หวังเจียจุ้นจึงเอามือไปแกะผ้าที่ปิดตาหลงหลิงหลิงไว้
สายตาของหลงหลิงหลิงพร่ามัวจากคราบน้ำตา ผ่านไปสักพักเธอถึงจะมองเห็นใบหน้าของหวังเจียจุ้นที่อยู่ใกล้เธอได้อย่างชัดเจน
เธอรีบหันหน้าไปอีกข้าง แล้วพูดอย่างสิ้นหวังว่า “ฆ่าฉันเถอะ”
หวังเจียจุ้นขมวดคิ้วลงเล็กน้อย ตอนนี้เขาได้ถอดเสื้อผ้าออกหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้วตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่ข้างๆหลงหลิงหลิง และใช้มืออีกข้างหนึ่งไปจับใบหน้าของหลงหลิงหลิง “ผู้หญิงที่สวยๆแบบคุณ ถ้าฆ่าไปจะเสียดายมากเลยนะ”
“แกจะทำอะไรกันแน่?” หลงหลิงหลิงถลึงตาพลางถามเขา
“หลิงหลิง แต่งงานกับผมเถอะผมชอบคุณอยู่เล็กน้อยจริงๆ” หวังเจียจุ้นยิ้มพลางพูด “คุณแต่งงานกับผมถึงจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด”
“อีกอย่าง ผมจะบอกความจริงกับคุณก็ได้ ที่อยากจะได้ตัวคุณอันที่จริงไม่ใช่ความหมายของผมคนเดียวแต่เป็นคำสั่งที่ทางตระกูลมอบหมายให้ผม ตอนแรกเริ่มผมไม่ได้เต็มใจเลย แต่หลังจากที่เห็นคุณแล้ว ผมพบว่าคุณสามารถดึงดูดผมได้จริงๆ”
“ผู้หญิงสวยๆที่ผมเคยเจอมีเยอะมาก ไม่ขาดแค่คุณคนเดียวหรอก แต่มันรู้สึกแปลกมากๆ เพราะผู้หญิงพวกนั้นที่อยู่ในสายตาของผมก็เป็นได้แค่อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับปลดปล่อยอารมณ์ หลังจากที่ใช้เสร็จมันก็จะลืมไปเอง”
“แต่คุณไม่เหมือนกัน เหมือนกับว่าภายในร่างกายของคุณมีอะไรบางอย่าง ทำให้สามารถสะกดดวงวิญญาณของผมได้ ทำให้ผมหลงใหลไปกับมัน และไม่สามารถหยุดยั้งตัวเองไว้ได้”
“หลิงหลิงคุณยอมรับชะตากรรมเถอะ คุณถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องเป็นของผม”
หลงหลิงหลิงไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวต่อคำพูดนี้ของเขาเลย ก่อนที่เธอจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น “หยุดฝันกลางวันได้แล้ว ถึงแม้ต้องตายฉันก็ไม่มีทางแต่งงานกับแก!”
“ตอนนี้ฉันไม่สามารถขัดขืนได้ งั้นถ้าเกิดแกแต่ต้องตัวฉันจริงๆ งั้นแกก็รอมีอะไรกับศพซะเถอะ!”
คำพูดเหล่านี้ของหลงหลิงหลิงทำให้หวังเจียจุ้นรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก เขายื่นมือออกไปบีบคอหลงหลิงหลิงอย่างกะทันหัน “ฉันแม่งชอบแกตั้งแต่แรกเจอ และยังเป็นคุณชายแห่งตระกูลหวังที่มีอำนาจยิ่งใหญ่อีกด้วย แต่แกกลับไม่รู้สึกหวั่นไหวสักนิดเลยหรอ?”
“อยากตายใช่ไหม? เดี๋ยวฉันจะทำให้แกสมใจอยากเอง!”
“ยังไงคำสั่งของตระกูลก็แค่ให้ฉันมีอะไรกับแกอีกครั้งหนึ่ง รอหลังจากที่ฉันทำภารกิจเสร็จ ฉันจะส่งแกไปลงนรกเดี๋ยวนั้นเลย!”
“แกอย่ามองฉันแบบนี้ ถ้าจะโทษก็โทษตัวแกเองเถอะ ใครให้แกเป็นผู้หญิงเฮงซวยล่ะ?”
“ฉึก!”
หลังจากที่พูดจบ เขาจึงฉีกเสื้อผ้าของหลงหลิงหลิงออกอย่างกะทันหัน
หวังเจียจุ้นเลยตอนนี้โกรธเกลียดเป็นอย่างมาก เพราะในฐานะที่เขาเป็นคุณชายแห่งตระกูลหวังที่มีอำนาจยิ่งใหญ่ แต่หลงหลิงหลิงถึงแม้จะต้องตายก็ไม่ยอมแต่งงานกับเขา
เขาโตมาจนป่านนี้ ยังไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่กล้าปฏิเสธเขาแบบนี้มาก่อน
อีกอย่างในสายตาและในหัวใจของผู้หญิงนี้ยังเต็มไปด้วยไป๋ยี่เฟยที่ตายไปแล้วนั่นด้วยเพื่อไป๋ยี่เฟย เธอปฏิเสธเขา!