ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ – ตอนที่ 1040 หลิวเสี่ยวอิงที่อกแตกตาย

 

หวังเจียจุ้นรู้สึกว่าเหมือนตัวเองโดนเหยียดหยาม

ตอนนี้หลงหลิงหลิงถูกหวังเจียจุ้นกระชากชุดนอนกระโปรงออกหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถูกหวังเจียจุ้นขึ้นคร่อมอยู่ด้านบนร่างกายที่เปลือยเปล่า

แต่ในขณะที่เขากำลังจะประทับจูบลงไปอยู่นั้น ด้านนอกกลับมีเสียงที่ร้อนรนดังขึ้นมาก่อน

“คุณชาย รีบหนี! ไฟไหม้แล้ว!”

หวังเจียจุ้นตกตะลึงอย่างกะทันหัน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองออกไปข้างนอกหน้าต่าง “พวกแกแม่งโง่หรือเปล่าวะ? ไฟไหม้ก็รีบไปดับไฟดิ มาแหกปากตะโกนทำห่าอะไร?”

“รีบไปดับไฟเดี๋ยวนี้ ใครกล้ามาขัดฉัน ฉันจะเอาคนนั้นตาย!”

……….

บนแม่น้ำบริเวณสะพานเทียนเป่ยมีเรือกู้ชีพจอดอยู่หลายลำ พวกเขาต่างกำลังค้นหาร่างของไป๋ยี่เฟยอย่างต่อเนื่อง

สถานการณ์ในตอนนี้ดูยิ่งใหญ่มาก ทำให้ดึงดูดความสนใจของผู้คนที่เดินผ่านไปมา

นอกเหนือจากผู้คนที่มามุงดูแล้ว ยังมีเหล่าลูกน้องของไป๋ยี่เฟยอีกด้วย

ไม่รู้ว่าค้นหาไปนานเท่าไหร่ ไป๋หู่ขึ้นมาบนบกแล้ว เขาพูดกับจางหัวปินด้วยดวงตาที่แดงเถือก “งมได้แค่รถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่ง”

แต่จางหัวปินกลับเอาแต่กระพริบตาให้ไป๋หู่

ไป๋หู่ผงะไปสักพัก ตอนนี้เขาถึงจะสังเกตเห็นหลี่เสว่ที่ยืนอยู่ด้านหลังของพวกเขา

เมื่อเฉินห้าวเห็นเช่นนี้จึงรีบเข้าไปปลอบใจหลี่เสว่ “ซ้อครับหาตัวคนไม่เจอเลย แสดงว่าพี่ยังมีลมหายใจอยู่แน่นอนเป็นไปได้ว่าพี่อาจจะลอยตามน้ำไป……”

เสียงของเขายิ่งพูดยิ่งแผ่วเบาลง เห็นได้ชัดเลยว่าเขาก็มีความมั่นใจเหมือนกัน

จางหัวปินพูดขึ้นมาต่ออีกว่า “ผมจำได้ว่านายซาเคยดูดวงให้ไป๋ยี่เฟยมาก่อน บอกว่าโชคชะตาชีวิตของเขาไม่ใช่คนที่ชีวิตสั้น ในเมื่อเป็นคำพูดของนายซางั้นต้องเป็นสิ่งที่แม่นยำแน่นอน”

อย่างไรก็ตามใบหน้าของหลี่เสว่กลับเรียบนิ่งเป็นอย่างมาก น้ำเสียงก็เรียบนิ่งด้วยเช่นกัน “ฉันไม่เป็นอะไร พวกนายไม่ต้องเป็นห่วงฉัน ขอบคุณที่พวกนายยอมลำบากนะ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนก็ได้ก้มหน้าเงียบกริบลงไป

พวกเขาต่างรู้ดีว่าถึงแม้ภายนอกหลี่เสว่จะดูเรียบนิ่งมาก แต่ในความเป็นจริงแล้วเธอแบกรับความเจ็บปวดและความรู้สึกไม่สบายใจมากกว่าคนอื่นเสียอีก

ผ่านไปไม่นานนัก หลิวจื่อหยุนและหลี่เฉียงตงก็ได้มาถึง

หลิวจื่อหยุนมองดูหลี่เสว่ที่เรียบนิ่งขนาดนี้ จึงไม่รู้ว่าควรจะพูดปลอบใจลูกสาวของตัวเองยังไงดี “เสว่เอ๋อ……ต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน…..”

………

ตระกูลไป๋ใช้อิทธิพลอำนาจทั้งหมดของเมืองหลวง มุ่งหน้าตรงมายังเมืองเทียนเป่ย

พวกเขาได้ทำการค้นหาทั้งสายแม่น้ำและทุกเมืองที่แม่น้ำไหลผ่าน

แต่ทว่าเวลาผ่านพ้นไปแล้ววันนึง ก็ยังไม่ได้รับบทสรุปใดๆเลย

เบื้องบนไม่มีคำสั่งให้หยุดค้นหาจึงไม่มีคนใกล้หยุดค้นหา พวกเขากำลังค้นหาอย่างต่อเนื่อง

สำนักงานใหญ่ของเฟยเสว่กรุ๊ป ไป๋หยุนเผิงกับหลี่เฉียงตงและรวมไปถึงคนอื่นต่างมารวมตัวกันอยู่ในห้องประชุม

นอกจากพวกเขาแล้ว เจ้าบ้านตระกูลเย่ เย่เจี่ยเจ้าบ้านตระกูลหลิน หลินขวางก็ได้มาถึงเมืองเทียนเป่ยด้วยเช่นกัน

ตอนนี้ไป๋หยุนเผิงโกรธเป็นอย่างมาก เขาตบโต๊ะแล้วพูดด้วยดวงตาที่แดงเถือก “ไม่ว่าประวัติความเป็นมาของตระกูลหวังจะเป็นยังไง กล้ามาแตะต้องลูกชายฉัน ฉันไม่มีทางปล่อยพวกมันไปแน่นอน!”

เย่เจี่ยรีบพูดต่ออีกว่า “ประธานไป๋ ตระกูลเย่ของเราจะร่วมต่อกรตระกูลหวังนั่นพร้อมกันกับตระกูลไป๋เอง!”

หลินขวางก็พูดเหมือนกันว่า “ตระกูลหลินด้วย ไป๋ยี่เฟยคือเพื่อนของผม ผมก็ไม่มีทางปล่อยให้คนที่มารังแกข่มเหงเพื่อนผมรอดไปได้แน่นอน!”

“ดี!” ไป๋หยุนเผิงพยักหน้าก่อนจะพูดว่า “เรื่องนี้ผมจำไว้แล้ว ขอยังไม่พูดคำเกรงใจอะไรต่อทุกท่านก่อนนะครับ”

ถัดจากนั้น เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดโทรหาหัวหน้างานของตระกูลไป๋ทันที “ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป รวบรวมผลตอบแทนทั้งหมดของกองทุนของบริษัทและกรุ๊ปทั้งหมดที่อยู่ภายใต้ตระกูลไป๋ เพื่อจัดการตระกูลหวัง”

เย่เจี่ยที่เห็นเช่นนี้ จึงโทรกลับไปยังตระกูลเย่ด้วยเช่นกัน “ตอนนี้ให้รวบรวมลตอบแทนทั้งหมดของกองทุนของบริษัทและกรุ๊ปทั้งหมดที่อยู่ภายใต้ตระกูลเย่ เพื่อจัดการตระกูลหวัง”

หลินขวางก็ได้ทำเหมือนคนอื่นๆเช่นกัน

หวังโหลวก็ได้เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน ตอนนี้เมื่อเห็นว่าสามตระกูลใหญ่แห่งเมืองหลวงร่วมมือกันเพื่อจัดการตระกูลหวัง เขาก็ทั้งรู้สึกกังวลทั้งรู้สึกดีใจ

สิ่งที่กังวลคือตอนนี้เขายังหาตัวไป๋ยี่เฟยไม่เจอ ส่วนที่รู้ดีใจก็เพราะว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นถึงศักยภาพความสามารถที่แท้จริงของตระกูลใหญ่เองกับตา

ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้เฟยเสว่กรุ๊ปพัฒนาขึ้นมาได้ไม่เลวเลย แต่เมื่อเปรียบเทียบกับสามตระกูลใหญ่นี้แล้ว ก็เท่ากับปลาเล็กเจอปลาใหญ่ชัดๆ

ภายใต้แต่ละตระกูลของพวกเขามีกรุ๊ปและบริษัทย่อยหลายสิบหรือหลายร้อยกรุ๊ปและบริษัท และภายใต้เฟยเสวกรุ๊ปมีแค่สามกรุ๊ปและสิบกว่าบริษัทเท่านั้น

เพราะฉะนั้นจึงสามารถจินตนาการได้เลยว่า ถ้ารวบรวมเงินทุนทั้งหมดของสามตระกูลใหญ่เข้าด้วยกัน จะเป็นตัวเลขที่น่ากลัวมากขนาดไหน

ถึงแม้พื้นฐานอิทธิพลของตระกูลหวังจะมีลึกมากแค่ไหน เป็นตระกูลเก่าแก่ที่ซ่อนเร้นมานานหลายสิบปี คาดว่าคงไม่สามารถต่อกรกับการร่วมมือกันของสามตระกูลใหญ่ได้หรอก

แต่ทว่าในขณะเดียวกันเขาก็นึกปัญหาหนึ่งขึ้นมาได้ ก่อนที่เขาจะรีบพูดกับไป๋หยุนเผิงว่า “ก่อนหน้านี้ไป๋ยี่เฟยให้กำลังทั้งหมดในเฟยเสว่กรุ๊ปไปสกัดกั้นธุรกิจกิจการของสหพันธ์วรยุทธสำนักหนานเหมิน และยังบอกอีกว่าจะตัดช่องทางเศรษฐกิจของฝ่ายตรงข้ามให้ขาดอย่างสิ้นเชิง โดยที่ไม่สนใจว่าจะต้องแลกกับอะไร”

“ลุงไป๋ครับ ตอนนี้…..พวกเราจะดำเนินการต่อหรือว่า…..”

หวังโหลวก็แค่อยากเป็นอีกกำลังแรงในการแก้แค้นให้ไป๋ยี่เฟยเท่านั้นเอง

แต่ไป๋หยุนเผิงกลับส่านหน้าแล้วพูดว่า “ไม่ต้อง ทำตามที่ไป๋ยี่เฟยบอกเถอะ”

“ครับ”

หลังจากที่ปรึกษาหารือเรื่องนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเขาจึงพากันแยกย้าย แล้วไปรออยู่ที่ข้างแม่น้ำ

และหลังจากที่พวกเขาจากไปแล้ว เหมือนกับว่าจางหรงอยากรายงานอะไรบางอย่าง แต่เขากลับพบว่าหวังโหลวกำลังยืนอยู่หน้าประตูพร้อมกับใบหน้าที่เหม่อลอย

จางหรงเดินขึ้นไปถามอย่างไม่เข้าใจว่า “ประธานหวังครับ คุณเป็นอะไรไปน่ะ?”

หวังโหลวแค่ฝืนยิ้มพลางส่ายหน้า “นักธุรกิจเนี่ยนะ……”

จางหรงยิ่งไม่เข้าใจ

หวังโหลวแค่พูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาว่า “เกิดเรื่องขึ้นกับไป๋ยี่เฟย แต่สามารถทำให้สามตระกูลใหญ่ร่วมมือกันได้ พวกเขาช่างหน้าโอกาสเป็นจริงๆเลยนะเนี่ย!”

“นี่…..” จางหรงผละไปก่อนครู่นึง กว่าจะตอบสนองกลับมาได้ และร่างกายเริ่มสั่นขึ้นมาเล็กน้อย “คุณหมายความว่า……”

แต่ตอนนี้หวังโหลวกลับตบไหล่ของเขาแล้วพูดว่า “นายมาที่นี่แค่มารายงานข่าวเท่านั้น”

จางหรงตอบสนองกลับมาได้ทันที “ครับ ผมแค่มารายงานข่าวเท่านั้น”

ถัดจากนั้นเขาจึงนำข่าวสารทั้งหมดรายงานให้หวังโหลวทราบ หลังจากที่พูดจบร่างกายของเขาก็เต็มไปด้วยเหงื่อ

……….

ณ โรงแรมเมืองเทียนเป่ย หลิวเสี่ยวอิงกำลังถูกขังอยู่ในห้องๆนึง

วินาทีนี้หลิวเสี่ยวอิงกำลังตบประตูอย่างต่อเนื่อง “พ่อแม่ ขอร้องพวกคุณล่ะ รีบปล่อยหนูออกไปที! ปล่อยหนูออกไป!”

ถึงแม้เธอจะถูกกักขังอยู่ในห้อง แต่โทรศัพท์ของเธอกลับไม่ได้ถูกยึดไป เพราะฉะนั้นเธอจึงทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมื่อคืนเป็นธรรมดาอยู่แล้ว

แต่ว่าสิ่งที่เธอทราบนั้นไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่นัก เนื่องจากสิ่งที่เธอเห็นล้วนเป็นข่าวที่รายงานผ่านทางสื่อโซเชียล

เนื้อหาในข่าวรายงายว่าเจ้านายที่แท้จริงของเฟยเสว่กรุ๊ป เพราะคิดไม่ตกเรื่องความรัก ทำให้เขาขับมอเตอร์ไซค์พุ่งตรงเข้าไปในแม่น้ำเพื่อเป็นการฆ่าตัวตาย

ทันทีที่เห็นข่าวนี้ หลิวเสี่ยวอิงก็เกือบจะอกแตกตาย

จากนั้นเธอจึงรีบโทรไปทางโรงพยาบาลโว่หลง หลังจากที่ทราบว่าคนของไป๋ยี่เฟยได้ออกไปตามหาไป๋ยี่เฟยหมดแล้ว เธอก็รู้แล้วว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง

อีกอย่างเรื่องนี้แค่คิดๆดูก็รู้แล้วว่าเป็นเพราะอะไร เพราะฉะนั้นตอนนี้เธอจึงรู้สึกร้อนรนมากและรู้สึกผิดมากเช่นกัน

พ่อของหลิวเสี่ยวอิงหลิวโก๋จงพูดด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน “ไอ้ลูกทรพี! แกยังรู้สึกขายหน้าไม่มากพอใช่ไหม? แกอยู่ในห้องต่อไปเถอะ ห้ามไปไหนทั้งนั้น!”

“เสี่ยวอิง เขาก็ตายไปแล้ว แกอย่าทำอะไรโง่ๆอีกเลย กรรมตามสนองจริงๆ….. ผู้ชายเลวๆอย่างไป๋ยี่เฟย มันไม่คุ้มค่าที่แกจะเสียใจให้มันเลยนะ เสี่ยวอิง!” แม่ของหลิวเสี่ยวอิง อู๋หยุนพูดห้ามอย่างใจเย็น

อย่างไรก็ตามคำพูดพวกนี้กลับทำให้หลิวเสี่ยวอิงยิ่งรู้สึกสิ้นหวังและเสียใจ

“อ๊าย!”

หลิวเสี่ยวอิงร้องไห้เสียใจอย่างทุกข์ทรมาน

อู๋หยุนที่ได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกเสียใจมากเช่นกัน น้ำตาร่วงลงมาอย่างควบคุมไม่ได้

………

บ้านพักอาศัยในเขตชานเมืองของเทียนเป่ย

ไป๋ยี่เฟยค่อยๆได้สติกลับคืนมา ก่อนจะลืมตากวาดตามองบริเวณรอบรอบครั้งนึง เขาพบว่าเขากำลังนอนอยู่ในห้องที่แสงไฟร่ำไรห้องนึง

ห้องดังกล่าวนี้ไม่มีหน้าต่างแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน

และในตอนนี้เอง ประตูห้องก็ถูกคนผลักออก

“ลูกพี่ไป๋ พี่ตื่นสักที” ผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับโจ๊กถ้วยนึงในมือ

บนใบหน้าเธอมีรองพื้นที่หนาปึกและสีลิปแดงก่ำบนปาก ผมถูกย้อมด้วยสีเหลืองทองและทรงผมมัดจุก

ก่อนจะมองไปที่เสื้อผ้าหน้าผมของเธอ ทั้งๆที่อายุดูไม่ค่อยมากเท่าไหร่นัก แต่เธอกลับสวมใส่เสื้อผ้าถักที่ดูค่อนข้างมีอายุ

เธอเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มที่สวยงาม พร้อมกับโจ๊กในมือแล้วพูดว่า “ลูกพี่ไป๋ พี่หมดสติไปหนึ่งวันหนึ่งคืน รีบลุกขึ้นมากินโจ๊กก่อนเถอะค่ะ”

ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่

ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่

ลูกเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงที่ถูกคนอื่นหัวเราะเยาะ ตัวตนที่แท้จริงของเขาคือ……

Comment

Options

not work with dark mode
Reset