สายตาของไป๋ยี่เฟยโฟกัสไปที่ผู้หญิงคนนั้น หลังจากที่เห็นชัดแล้วว่าเธอเป็นใครก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที
ผู้หญิงคนนี้คือหลิวเสีย น้องสาวของไอ้หัวล้านหลิว
แต่สิ่งแปลกมาก ๆ ก็คือตอนนี้การแต่งการของเธอดูเป็นผู้ใหญ่มาก เหมือนผู้หญิงอายุสามสิบกว่า บวกกับน้ำเสียงที่เธอเพิ่งจะพูดออกมา จงใจบีบเสียง ทั้งหมดทั้งมวลนี้ดูแปลกประหลาดอย่างมาก
ทว่าไป๋ยี่เฟยก็ไม่ได้มีเวลาคิดอะไรมากมาย เพราะเขาตอบกลับไปแล้ว “เธอบอกว่าฉันสลบไปนานแค่ไหนนะ?”
“หนึ่งวันหนึ่งคืน” หลิวเสียกะพริบตาพูด
หัวของไป๋ยี่เฟยสับสนและว่างเปล่าในทันที
หนึ่งวันหนึ่งคืน นี่มันเป็นเวลาที่นานมาก อาจจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ได้
“พี่ไป๋ พี่ยังไม่รู้ ต้องใช้ความแข็งแกร่งอย่างมากถึงแบกพี่กลับมาได้” หลิวเสียพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจ
ไป๋ยี่เฟยจำได้แค่ว่าเขาตื่นขึ้นมาครู่หนึ่งหลังจากที่ตกลงไปในแม่น้ำ เขาฝืนว่ายน้ำมาด้วยตัวเอง และหมดสติไปเมื่อถึงฝั่ง ปรากฏว่าหลิวเสียช่วยชีวิตเขาไว้
“ขอบใจมาก” หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยกล่าวขอบคุณเขาก็ถามอีกว่า “ที่นี่คือที่ไหน?”
แต่หลิวเสียกลับยกถ้วยโจ๊กก่อนจะใช้ช้อนตักขึ้นมาหนึ่งคำ เป่ามันและยื่นช้อนไปที่ปากของไป๋ยี่เฟย พูดด้วยท่าทางมีเสน่ห์เป็นพิเศษ “พี่ไป๋ พี่จะต้องถูกคนไล่ฆ่ามาอย่างแน่นอน ถึงได้ขโมยรถแล้วหนี”
หลิวเสียกะพริบตาปริบๆ หลังจากที่พูดจบ สายตาของเธอดูภาคภูมิใจและยังกล่าวอีกว่า “ฉันเพิ่งจะกล้าตามคนของพี่ในเมืองเทียนเป่ย จะต้องร้ายกาจมากแน่ ดังนั้นฉันเลยไม่ได้พาพี่ไปส่งที่โรงพยาบาลโดยตรง แต่แบกพี่มาที่นี่”
“ที่นี่คือชานเมืองทางใต้ของเมืองเทียนเป่ย ฉันเช่าบ้านไว้หลังหนึ่งโดยเฉพาะ”
เธอแสดงออกอย่างภูมิใจ อีกทั้งยังมีความคาดหวังฉายอยู่ในแววตา ราวกับกำลังรอให้ไป๋ยี่เฟยกล่าวชมเธอ
แต่หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยฟังจบเขากลับไม่สนใจเธอ เขาคิดจะควานหาโทรศัพท์มือถือของตัวเอง ทว่าในตอนที่มือของเขาสัมผัสลงบนร่างกายทันใดนั้นก็สัมผัสได้ถึงผิวหนังที่เปลือยเปล่า
“เสื้อผ้าฉันอยู่ไหน?”
หลิวเสียตกใจ “พี่ตกลงไปในแม่น้ำ เสื้อผ้าเปียกหมด แน่นอนว่าพี่ไม่สามารถใส่เสื้อผ้าที่เปียกได้”
หน้าผากของไป๋ยี่เฟยย่นเข้าหากัน “งั้นเธอ…”
ช่างมัน ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาสนใจเรื่องพวกนี้ ไป๋ยี่เฟยจึงกล่าวกับหลิวเสียว่า “รีบโทรศัพท์หาพี่ชายของเธอเร็ว”
อย่างไรก็ตาม หลิวเสียดูเหมือนจะไม่พอใจมาก เธอขมวดคิ้วแล้วยืนนิ่ง
ไป๋ยี่เฟยกล่าวด้วยความกังวลว่า “รีบโทรเร็วเข้า!”
หลิวเสียส่งเสียงฮึออกมาอย่างไม่พอใจ “พี่มีเรื่องอะไรก็บอกให้ฉันจัดการให้ก็ได้ ฉันทำได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นพี่ชายของฉันก็ได้”
ไป๋ยี่เฟยดวงตาแดงก่ำ จ้องมองไปที่เธอ
หลิวเสียยังคงน้อยใจ ทำหน้ามุ่ย
แต่ก็ยอมช่วยเหลือ โทรหาไอ้หัวล้านหลิว
……
ไม่นานนัก รถออดี้ธรรมดา ๆ คันหนึ่งก็มาจอดอยู่หน้าบ้าน
หลังจากที่ลงจากรถไอ้หัวล้านหลิวก็รีบวิ่งเข้าไปทางลานบ้าน หลังจากที่เข้ามาด้านในห้องเขาก็ไม่สนใจน้องสาวของตัวเองแม้แต่น้อย รีบเดินมาหน้าไป๋ยี่เฟย “เจ้านาย”
แต่เมื่อเขามองดี ๆ ก็พบว่าไหล่ของอีกฝ่ายที่โผล่พ้นผ้าห่มมานั้นไม่มีเสื้อผ้า เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้สนใจมากนัก เขาถามออกไปโดยตรง “มีคนรู้ว่านายมาที่นี่ไหม?”
“ไม่มี ผมไม่ได้บอกใคร” ไอ้หัวล้านหลิวส่ายศีรษะและกล่าว
ไป๋ยี่เฟยถามอีกว่า “ข้างนอกเป็นยังไงบ้าง?”
ไอ้หัวล้านหลิวฝืนยิ้มและตอบว่า “เละเทะ”
“เละเทะ?” ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย
เจ้าหัวล้านหลิวอธิบาย “ทุกคนตามหาคุณ แต่หลังจากที่คุณตกน้ำไปหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้วยังไม่มีใครพบ ทุกคนก็เลยคิดว่าคุณตายแล้ว”
“ตอนนี้ตระกูลใหญ่ทั้งสามในเมืองหลวง ตระกูลไป๋ ตระกูลหลิน และตระกูลเย่ รวมตัวกันเพื่อกำจัดตระกูลหวัง”
“พวกขวางซาก็เริ่มลงมือแล้ว อำนาจของสามตระกูลใหญ่กำลังกวาดล้างอำนาจของตระกูลหวัง”
“ดังนั้น ตอนนี้มันก็เลยวุ่นวายไปหมด”
“แล้วตอนแรกผมคิดว่าสามตระกูลใหญ่ร่วมมือกันจัดการกับตระกูลหวัง มันควรจะเอาชนะพวกตระกูลหวังได้ง่าย ๆ แต่ความจริงไม่ใช่”
“ภูมิหลังของตระกูลหวางนั้นลึกล้ำมาก ซึ่งมันเกินความคาดหมายของทุกคนอย่างสิ้นเชิง”
“สามารถพูดได้ว่าทั้งสามตระกูลใหญ่ร่วมมือกันก็เทียบกับตระกูลหวังไม่ได้”
หลังจากฟังเรื่องนี้ ไป๋ยี่เฟยก็สูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอด
ความจริงแล้วเบื้องหลังของตระกูลหวังร้ายกาจแค่ไหนกันนะ?
เมื่อเห็นแบบนี้เจ้าหัวล้านหลิวก็ถามอย่างระมัดระวัง “เจ้านาย คุณจะกลับไปเป็นผู้นำสถานการณ์ไหม?”
ไป๋ยี่เฟยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า “ตอนนี้อย่าเพิ่งบอกใครว่านายมาพบฉันที่นี่”
“หา? ทำไมล่ะ?” เจ้าหัวล้านหลิวไม่เข้าใจ
ไป๋ยี่เฟยตอบว่า “ฉันกลัวว่ากำลังใจของพวกเขาจะลดลง”
เหตุผลที่พวกเขาจะไม่ร่วมมือกันเพื่อกำจัดตระกูลหวัง เพราะว่าไป๋ยี่เฟยตายแล้วอย่างนั้นเหรอ?
เพราะไป๋ยี่เฟยตายแล้ว พวกเขาถึงรู้สึกว่ามันวิกฤต ดังนั้นเพราะเหตุนี้ ถ้าพวกเขารู้ว่าไป๋ยี่เฟยยังมีชีวิตอยู่ ความรู้สึกที่ว่ามันถึงขั้นวิกฤตก็จะไม่รุนแรง พวกเขาก็จะละความพยายามที่จะปราบตระกูลหวังไปโดยปริยาย
พวกเขาจะถอนกำลังคนบางส่วนออก แล้วให้ไป๋ยี่เฟยเป็นผู้นำ เพื่อรักษากำลังคนที่มีอยู่ของตัวเอง
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ไป๋ยี่เฟยตายแล้ว ภายในของเฟยเสว่กรุ๊ปก็จะเผชิญกับวิกฤต ในกรณีนี้ไป๋ยี่เฟยไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ อีกทั้งยังไม่สามารถต้านทานศัตรูต่างชาติได้
แต่ถ้าไป๋ยี่เฟยยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาก็จะสามารถรอดูไป๋ยี่เฟยต่อสู้กับตระกูลหวังก่อน รอจนตระกูลหวังรวบเฟยเสว่กรุ๊ป แล้วตระกูลหวังก็จะเสียเนื้อไปชั้นหนึ่งโดยอัตโนมัติ เมื่อถึงเวลานั้นทั้งสามตระกูลใหญ่ก็จะมาร่วมมือกันอีกครั้ง จากนั้นก็กำจัดตระกูลหวังได้โดยที่ไม่ต้องเสียแรงใช่ไหมล่ะ?
แบบนี้เจ้าหัวล้านหลิวถึงจะเข้าใจ “ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง!”
หลังจากนั้นเขาก็ถามไป๋ยี่เฟยอีกว่า “ถ้าอย่างนั้นตอนนี้คุณมีแผนจะทำอะไร?”
ไป๋ยี่เฟยพูดเสียงเบา “ฉันต้องการคนที่เหมาะสมกว่าฉันที่จะมาช่วยทั้งสามตระกูล”
เจ้าหัวล้านหลิวมองเจ้านายของตัวเองอย่างงงงวย
ทว่าไป๋ยี่เฟยกลับกล่าวว่า “นายช่วยไปเตรียมเสื้อผ้าให้ฉันชุดหนึ่ง โทรศัพท์หนึ่งเครื่อง แล้วก็รถที่ไม่สะดุดตาคนมาให้ฉันหนึ่งคัน”
“ได้”
และทันใดนั้นเองไป๋ยี่เฟยก็คิดอะไรบางอย่างออก และกล่าวต่อว่า “แล้วก็…หลงหลิงหลิง ตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง?”
เจ้าหัวล้านหลิวส่ายศีรษะแล้วตอบว่า “ผมไม่ได้อยู่กับประธานหวัง ผมไม่รู้”
ถ้าจะให้พูดก็คือ เดิมทีเจ้าหัวล้านหลิวไม่รู้เรื่องของหลงหลิงหลิงและหวังเจียจุ้นเลย
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า ก่อนจะกล่าวด้วยความผิดหวัง “หลังจากนายกลับไปก็หาหลงหลิงหลิงซะ ไปดูว่าเธอกลับมาหรือเปล่า”
“ได้” หลังจากที่เขาตอบ “ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้วผมไปก่อนนะ?”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า ความกังวลลึก ๆ ฉายอยู่ในแววตาของเขา
เขาเป็นห่วงหลงหลิงหลิงมาก เธอจะ… และเขาก็ตำหนิตัวเองในเวลาเดียวกัน
ในตอนที่เจ้าหัวล้านหลิวกำลังจะกลับก็เห็นหลิวเสีย สีหน้าเขาแย่ลงทันที ดูเหมือนว่าอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ถูกหลิวเสียเดินเข้ามาหาและพูดก่อนว่า “พี่ไป๋ต้องการคนดูแล ฉันจะอยู่ดูแลเขา”
เจ้าหัวล้านหลิวหงุดหงิดกับสาวน้อย เขาชี้หลิวเสียและกล่าวว่า “ดูที่เธอใส่สิ นี่มันอะไร?”
ทว่าหลิวเสียกลับเถียงว่า “ก็พี่บอกว่าต่อไปพวกเราควรจะใส่ชุดที่มันเป็นปกติกว่านี้หน่อยไม่ใช่รึไง!”
เจ้าหัวล้านหลิวเห็นแบบนี้ก็สูดลมหายใจถี่ ยกมือขึ้นมาปัดอากาศ
หลิวเสียวิ่งไปทางไป๋ยี่เฟยด้วยความตกใจ “พี่ไป๋ช่วยด้วย!”
ไป๋ยี่เฟยเห็นแบบนี้ก็กล่าวว่า “เหล่าหลิว ไม่เป็นไร ฉันจะช่วยนายดูแลน้องสาวให้ชั่วคราวแล้วกัน”
เจ้าหัวล้านหลิวทำเพียงแค่พูดว่าหลิวเสีย “รอเรื่องนี้จบก่อนเถอะ ฉันจะมาคิดบัญชีกับเธอ”
“ฮึ!” หลิวเสียถอนหายใจอย่างไม่รู้ไม่ชี้
เมื่อเจ้าหัวล้านหลิวจากไปแล้ว หลิวเสียก็ถามไป๋ยี่เฟยว่า “พี่ไป๋ ฉันแต่งแบบนี้เป็นยังไงบ้าง?”
ไป๋ยี่เฟยเงียบไปครู่หนึ่งด้วยความสงสัย จากนั้นก็พูดสิ่งที่ขัดกับใจของตัวเอง “ก็ดี”
พูดจบไป๋ยี่เฟยก็รีบเปลี่ยนเรื่องทันที “ตอนนี้คือกลางวันหรือกลางคืน?”
หลิวเสียประหลาดใจเล็กน้อย “แน่นอนว่าคือกลางวัน ไม่เห็นพระอาทิตย์ที่ด้านนอกเหรอ?”
ภายในใจของไป๋ยี่เฟยรู้สึกขมขื่น
ดวงตาของเขามีปัญหา เดิมที่เขาไม่สามารถแยกกลางวันหรือกลางคืนได้
เขาอยากรู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร ทว่าแม้แต่ซาเฟยหยางก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น คงไม่ต้องพูดถึงเรื่องการรักษาตาของเขาให้กลับมาปกติเลย