หลังจากไป๋ยี่เฟยได้สติกลับมาก็รีบผลักหลิวเสี่ยวอิงออก “เสี่ยวอิง รอเดี๋ยว เธอใจเย็นลงหน่อย”
ผลลัพธ์ พอหลิวเสี่ยวอิงถูกผลักออกก็ร้องไห้โฮออกมาทันที
“ฮือๆๆ…..”
ไป๋ยี่เฟยเห็นแล้วก็ยิ่งไม่รู้จะทำอย่างไร
หลิวเสี่ยงอิงด้านหนึ่งร้องไห้ด้านหนึ่งใช้กำปั้นเล็กๆของตนเองทุบลงไปบนหน้าอกเขา “นายมันคนสารเลว!”
“ฉันยังคิดว่านายตายไปแล้ว พวกเราหานายไม่เจอมาตลอด พูดกันว่านายตายไปแล้ว…..”
“นายไม่ตายทำไมไม่โทรหาฉัน? ทำไมไม่บอกพวกเรา? นายรู้ไหมว่าฉันเสียใจมากแค่ไหน? นายรู้ไหมว่าเสว่เอ๋อเสียใจมากแค่ไหน?”
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้หยุดการทุบตีของหลิวเสี่ยวอิง แต่กอดปลอบเธอเสียงเบาว่า “ได้ๆๆ เป็นความผิดของฉัน อย่าร้องไห้เลย ตอนนี้ไม่ใช่ว่ายังดีอยู่หรือ?”
หลังจากหลิวเสี่ยวอิงร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของไป๋ยี่เฟยครู่หนึ่งในที่สุดก็ผ่อนคลายลง แต่ยังสะอึกสะอื้นอยู่ “ฉันรู้ว่านายจะต้องมีแผนการของตัวเองถึงได้ไม่บอกพวกเรา แต่ว่า อย่างไรนายก็ควรจะบอกกับเสว่เอ๋อสิ!”
“เสว่เอ๋อเธอ….”
ได้ยินคำพูดนี้ ไป๋ยี่เฟยก็เคร่งเครียดขึ้นมาทันที “เสว่เอ๋อเป็นอะไรไป?”
หลิวเสี่ยวอิงเอ่ยสะอึกสะอื้นว่า “หลังจากตอนที่พวกเรารู้ว่านายตายไปแล้ว เธอสงบมาก ไม่เคยร้องไห้เลย ทำให้พวกเรารู้ว่าเธอเสียใจมาก”
“แต่ว่าเธอเก็บเอาไว้ในใจมาโดยตลอด เป็นแบบนี้ต่อไปละก็ ฉันเกรงว่าเธอจะเก็บเอาไว้จนล้มป่วยขึ้นมา ดังนั้น นายไปดูเธอสักหน่อยเถอะ”
ไป๋ยี่เฟยพอได้ยินเช่นนี้ก็ปวดใจขึ้นมา แต่ว่าตอนนี้เขายังไม่สามารถกลับบ้านได้ ถ้าเข้าปรากฏตัวขึ้น แผนของเขาก็สูญเปล่าแล้ว
ดังนั้นไป๋ยี่เฟยจึงเอ่ยว่า “คืนนี้แล้วกัน”
หลังจากนั้นเขาคิดถึงจุดประสงค์ในการมาที่นี่ขึ้นมาได้ ก็รีบถามหลิวเสี่ยวอิง “หลิงหลิงล่ะ? เธอกลับมาแล้วหรือยัง?”
เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ สายตาของหลิวเสี่ยวอิงก็เริ่มหลบเลี่ยง นี่ทำให้ในใจของไป๋ยี่เฟยมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี
“ที่แท้แล้วเป็นอะไรกันแน่?” ไป๋ยี่เฟยถามอย่างร้อนใจ
หลิวเสี่ยวอิงเอ่ยอย่างอ้ำๆอึ้งๆ “กลับมาก็กลับมาแล้ว แต่ว่า…..”
ไป๋ยี่เฟยแทบไม่สนใจฟังคำพูดของหลิวเสี่ยวอิงให้จบ เดินไปยังหน้าห้องของหลิงหลิงโดยตรง เขาอยากเปิดประตูห้อง พบว่าประตูถูกล็อกไว้แล้ว
“หลิงหลิง ฉันเอง เธอรีบเปิดประตูหน่อย” ไป๋ยี่เฟยเคาะประตูอย่างร้อนใจ
ทว่าด้านในไม่มีการเคลื่อนไหว ถ้าไม่ใช่ว่าประตูล็อกไว้ ไป๋ยี่เฟยก็คงจะคิดว่าในห้องไม่มีคน
ผ่านไปนาน เสียงของหลงหลิงหลิงถึงได้ดังออกมา เธอเอ่ยว่า “ประธานไป๋ ฉันลาออกแล้ว รายงานการลาออกส่งมอบให้หวังโหลวแล้ว”
“ขอโทษด้วย”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินว่าหลงหลิงหลิงลาออกแล้ว ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
หลิวเสี่ยวอิงตามมา เอ่ยว่า “เมื่อวานเธอก็กลับมาแล้ว เพียงแต่ว่าพอเธอกลับมาก็ขังตัวไว้ในห้อง ไม่ว่าฉันจะกล่อมยังไงเธอก็ไม่เปิดประตู”
ไป๋ยี่เฟยยิ่งกังวลมากขึ้นแล้ว เคาะประตูเอ่ยว่า “หลิงหลิง ให้ฉันเข้าไปก่อน ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ”
หลงหลิงหลิงกลับเอ่ยว่า “ประธานไป๋ ฉันไม่ใช่ลูกน้องของคุณแล้ว ประธานไป๋เชิญกลับไปเถอะ”
มือของไป๋ยี่เฟยหยุดชะงัก จากนั้นสูดหายใจเข้าลึก เขาคิดถึงผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดได้แล้ว แต่เขาไม่กล้าไปหาหลงหลิงหลิงเพื่อยืนยัน เขาเกรงว่าเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้ง จะทำร้ายหลงหลิงหลิงเข้า
ดังนั้นเขาเอ่ยว่า “พวกเราไม่มาพูดคุยในฐานะเป็นความสัมพันธ์เจ้านายลูกน้อง คุยโดยความสัมพันธ์ของเพื่อน หรือว่าหลายปีมานี้ มิตรภาพสักเล็กน้อยก็ไม่มีหรือ?”
คำพูดเอ่ยออกมา ไป๋ยี่เฟยก็ได้ยินเสียงฝีเท้า ต่อจากนั้นเป็นเสียงประตูที่ถูกเปิดออก
หลงหลิงหลิงสวมชุดกระโปรงสีดำทั้งตัว เพิ่มความรู้สึกลึกลับสายหนึ่งขึ้นมามากกว่าปกติ แต่ว่าดวงตาทั้งคู่ของเธอไร้แวว ก็เหมือนกับหุ่นไม้ตัวหนึ่งเช่นนั้น
เธอมองไป๋ยี่เฟยแล้วเอ่ยว่า “ประธานไป๋ คุณไม่เป็นไร ฉันดีใจมาก ฉันไม่เป็นไร ประธานไป๋ไม่ต้องกังวลใจ”
น้ำเสียงของหลงหลิงหลิงที่เอ่ยคำนั้นทื่อมาก ก็เหมือนกับหุ่นไม้ที่ถูกคนอื่นควบคุมเช่นนั้น
ไป๋ยี่เฟยไม่เชื่อว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับหลงหลิงหลิง เขาเอ่ย “ฉันขอปฏิเสธการลาออกของเธอ”
หลงหลิงหลิงกลับเอ่ยเรียบๆว่า “ไม่ว่าคุณจะปฏิเสธหรือยอมรับ ฉันก็จะไม่กลับไปอีกแล้ว อีกอย่าง ฉันใกล้จะแต่งงานแล้ว”
“เธอว่าอะไรนะ?” ไป๋ยี่เฟยและหลิวเสี่ยวอิงเบิกตากว้างอย่างตกตะลึงพร้อมกัน
ไป๋ยี่เฟยถามอีกว่า “เธอจะแต่งงานกับใคร? หวังเจียจุ้น?”
หลงหลิงหลิงไม่ได้ปฏิเสธ เพียงเอ่ยว่า “ดังนั้น ประธานไป๋ยังอยากให้ฉันรั้งอยู่ที่เฟยเสว่กรุ๊ปต่อหรือ? ให้ฉันเป็นขุนนางของบริษัทต่อไปหรือ?”
ตัวของไป๋ยี่เฟยก็เหม่อลอยแล้ว
นาทีต่อมา เขาพลันคำรามว่า “เขาทำอะไรเธอ?”
หลงหลิงหลิงหัวเราะทันใด หัวเราะได้อย่างเศร้าสลด “ประธานไป๋อย่าเข้าใจผิด เขาไม่ได้ทำอะไรฉัน เป็นฉันเองที่ตกลงแต่งให้กับเขา”
“เขาบังคับเธอใช่ไหม?”
“ไม่ ฉันยินยอมพร้อมใจ” หลงหลิงหลิงเอ่ย
ไป๋ยี่เฟยเหม่อลอยอีกครั้ง
แต่ว่าความโกรธในใจของเขากลับยิ่งเพิ่มสูงขึ้น “ไม่! ฉันไม่เห็นด้วย!”
หลงหลิงหลิงกลับเอ่ยว่า “อาศัยอะไรกัน?”
ไป๋ยี่เฟยชะงักไป
หลิวเสี่ยวอิงก็ชะงักตามไปด้วย
หลงหลิงหลิงยิ้มอย่างเศร้าสร้อยครั้งหนึ่ง “อายุของพวกเราห่างกันไม่กี่ปี คุณแต่งงานมีลูกแล้ว เสี่ยวอิงก็ติดตามคุณ ได้รับการยอมรับจากเสว่เอ๋อ”
“ส่วนเพื่อนสมัยเรียน เพื่อนๆของฉัน พวกเขาต่างก็แต่งงานมีลูกแล้ว มีแค่ฉัน ตอนนี้ยังอยู่คนเดียว”
“ฉันเป็นคน ไม่ใช่หุ่นยนต์ ฉันก็ต้องการคนที่อยู่เคียงข้างตอนที่ฉันเหนื่อยล้า มีคนห่วงใย ฉันก็ต้องการคนที่พูดกับฉันได้ทุกอย่าง”
“คุณกับฉันก็เป็นแค่ความสัมพันธ์เจ้านายลูกน้องเท่านั้น อีกอย่างตอนนี้ก็ไม่ใช่แล้ว ดังนั้น คุณอาศัยอะไรมาไม่เห็นด้วย?”
ไป๋ยี่เฟยในใจสับสนแล้ว
เขาสามารถเข้าใจได้ถึงคำพูดที่หลงหลิงหลิงเอ่ยเมื่อครู่ เกรงว่าเปลี่ยนมาเป็นเขา เขาก็ต้องการคนรู้ใจที่อยู่เคียงข้างกาย แต่ว่า คนที่เธอจะแต่งด้วยคือหวังเจียจุ้น!
ไป๋ยี่เฟยไม่มีเวลาคิดว่าทำไมหลงหลิงหลิงอยู่ๆถึงได้เปลี่ยนไป เพียงแค่เอ่ยอย่างร้อนใจ “ฉันไม่ใช่ไม่ให้เธอแต่งงาน เพียงแค่ไม่ให้เธอแต่งให้หวังเจียจุ้น เธอเลือกคนอื่นได้ตามใจ ก็แค่ไม่อาจแต่งให้หวังเจียจุ้น!”
หลงหลิงหลิงหัวเราะเศร้าๆเสียงหนึ่ง “ตามใจ? ดังนั้นฉันก็เป็นคนที่อย่างไรก็ได้หรือ?”
ไป๋ยี่เฟยพูดไม่ออกทันที ชั่วขณะนั้นถึงกับไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร
หลิวเสี่ยวอิงก็รีบร้อนเอ่ยว่า “หลิงหลิง ไป๋ยี่เฟยเขาไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น”
“งั้นยังมีความหมายไหน?” หลงหลิงหลิงหัวเราะเสียงเย็นเสียงหนึ่ง “หวังเจียจุ้นทั้งหน้าตาดี ที่บ้านก็ยังร่ำรวย เขาก็รักฉัน ต้องการฉัน เขาดีขนาดนั้น ทำไมฉันถึงแต่งให้เขาไม่ได้?”
ไป๋ยี่เฟยเงียบ
แต่ว่าในใจเขารู้ ในวันคืนตอนที่เขาหายไป จะต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้น
และตอนนี้ไม่ว่าจะพูดอะไรกับหลงหลิงหลิงก็คาดว่าคงไม่มีประโยชน์อะไร ดังนั้นไป๋ยี่เฟยก็ไม่อยู่ที่นี่ต่ออีก หลังจากปลอบโยนหลิวเสี่ยวอิงแล้ว ก็จากไปเลย
ตอนหลังจากที่เขากลับออกมาก็มองเวลาแวบหนึ่ง เป็นตอนค่ำสามทุ่มครึ่งแล้ว
ตอนที่กลับไปบนรถ หลิวเสียนอนหลับไปแล้ว
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้เรียกเธอ แต่ว่าขับรถไปที่โรงพยาบาลโว่หลง
ไป๋ยี่เฟยต้องการเอาเถ้ากระดูกของฉุงลี่ซือออกมา หลังจากนั้นไปเมืองหลวงสักรอบ พาเธอกลับบ้าน
ถึงจะบอกว่าเขาและตระกูลฉุงมีบุญคุณความแค้นมากมาย แต่ว่าเรื่องนี้ไม่ว่าจะอย่างไรก็เป็นเรื่องที่เขาสมควรทำ เพราะว่าเขารับปากกับฉุงลี่ซือด้วยตัวเองว่าจะพาเธอกลับบ้าน
แต่ว่าก่อนหน้าที่จะไปเมืองหลวง เขาอยากไปเห็นหลี่เสว่สักแวบหนึ่ง
ดังนั้นหลังจากเขาเอาเถ้ากระดูกมาแล้ว เขาแอบกลับมาถึงที่หลันโปกั่ง
เขาแอบกลับมาถึงบ้าน แต่ว่าไม่เห็นหลี่เสว่ เห็นเพียงแค่ลูกชายลูกสาวของตัวเอง
เขายืนอยู่ข้างเปลเด็ก เห็นพวกเขานอนหลับอย่างสบายยิ่ง สามารถมองเห็นได้จากใบหน้าขาวเล็กอวบอ้วนว่า พี่เลี้ยงดูแลพวกเขาได้ดีมาก
ไป๋ยี่เฟยยังไม่ทันได้มีเวลาอุ้มพวกเขา ก็ได้ยินเสียงพี่เลี้ยงเดินเข้ามา ก็รีบไปซ่อนในตู้เสื้อผ้า
ในตู้เสื้อผ้า เขาได้ยินพี่เลี้ยงกำลังโทรหาหลี่เสว่ ที่แท้หลังจากหลี่เสว่ป้อนนมให้ลูกแล้วก็ออกไป
ไป๋ยี่เฟยในใจมีความสงสัย ดึกขนาดนี้แล้ว เธอไปที่ไหน?
จากนั้นก็คิดทบทวน เขาก็คาดเดาออก
ดังนั้นถือโอกาสหลังจากพี่เลี้ยงจากไปแล้ว ก็รีบกลับไปที่รถของตัวเอง แล้วขับรถไปที่สะพานเทียนเป่ย
ที่ใกล้กับสะพานเทียนเป่ย ที่นั่นยังมีเรือมากมาย คนมากมายกำลังงมหาตนเอง
ถ้ายืนตรงหัวสะพานมองลงไป ล้วนมองเห็นว่าตลอดทั้งแม่น้ำล้วนมีแต่ผู้คน