“นายเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่ได้กำลังเห็นใจนาย” ไป๋ยี่เฟยส่ายหน้าเล็กน้อย “ฉันกำลังทำการค้าหนึ่งกับนายอยู่”
“การค้า? การค้ายังไง?” ฉุงเฉ่าเจว๋ชะงักไป
ไป๋ยี่เฟยมองฉุงเฉ่าเจว๋ พูดอย่างแฝงความหมายลึกซึ้งว่า “อีกไม่นาน ก็จะไม่ใช่สถานการณ์ใหญ่ของสี่ตระกูลใหญ่เพียงอย่างเดียวแล้ว”
……
ไป๋ยี่เฟยไปแล้ว ฉุงลี่หย่าเป็นคนส่งเขาออกไป
ก่อนที่ไป๋ยี่เฟยจะไป ฉุงลี่หย่ายังคงทนไม่ไหวถามว่า “ตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง?”
ไป๋ยี่เฟยกลับถามเธอกลับว่า “ทำไมเธอไม่โทรถามเขาเองล่ะ?”
ฉุงลี่หย่าก้มหน้าไม่กล่าวคำ
ไป๋ยี่เฟยเห็นเช่นนี้ก็ยิ้มอย่างจนปัญญา กล่าวว่า “ตอนนี้เขาสบายดีมาก”
ฉุงลี่หย่าพลันเงยหน้าพูดว่า “ขอบคุณนะ”
ไป๋ยี่เฟยส่ายหน้า กล่าวอีกว่า “กลับไปเถอะ บอกกับพ่อคุณหากเชื่อผมล่ะก็ พรุ่งนี้ก็ทำตามที่ผมพูด ผมจะคุ้มครองความปลอดภัยให้เขา”
ฉุงลี่หย่าหัวเราะเสียงขื่นกล่าวว่า “ฉันคิดว่าพ่อฉันคงไม่มีทางเชื่อคุณ”
ไป๋ยี่เฟยกลับพูดยิ้มๆ ว่า “เขาจะเชื่อแน่”
……
ไป๋ยี่เฟยรู้ เขาฆ่าฉุงโยวเวยลูกชายของฉุงเฉ่าเจว๋ตาย หากเขาเอ่ยปากตรงๆ ฉุงเฉ่าเจว๋ไม่มีทางตอบรับแน่ แต่หากนี่เป็นเพียงการค้าอย่างหนึ่ง ความหมายจะต่างออกไป
ต่างก็เป็นนักธุรกิจ ย่อมจะแยกความแค้นกับการค้าออกจากกันชัดเจน
อีกทั้งตามเงื่อนไขที่ไป๋ยี่เฟยเสนอมา ฉุงเฉ่าเจว๋อยากจะกลับสู่ตระกูลฉุงใหม่ กลับไปเป็นเจ้าบ้านอีกครั้ง ก็มีเพียงต้องทำเช่นนี้ เขาไม่มีทางเลือกอื่น
หลังไป๋ยี่เฟยออกมาก็เดินอย่างเชื่องช้าไร้จุดหมายไปตามถนนใหญ่ เขาจุดบุหรี่ขึ้นสูบ
มองดูถนนที่เหมือนกับเป็นยมทูตนี่ รู้สึกได้ถึงความโดดเดี่ยวและไร้กำลังจำพวกนั้นอีกครั้ง
ไป๋ยี่เฟยสูบควันเข้าลึกที่หนึ่ง แล้วพ่นออกมา “นายต้องการทำอะไรกันแน่นะ?”
……
ณ ห้องประชุมโหวจวี๋กรุ๊ป เมืองเทียนเป่ย
ในห้องประชุมมีคนนั่งเต็มไปหมด นอกจากพวกหวังโหลวแล้ว ส่วนใหญ่ก็เป็นคนของสามตระกูลใหญ่ พวกเขาอยู่ที่นี่ในฐานะผู้บัญชาการแทนชั่วคราว
ไป๋หยุนเผิงนั่งอยู่บนตำแหน่งประธาน เขาเอ่ยอย่างเคร่งขรึมว่า “ตระกูลหวังมีหุ้น41%อยู่ในเฟิงหั่วกรุ๊ป เป็นคณะกรรมการบริหารที่ถือหุ้นมากที่สุดของบริษัท”
“ซึ่งความพยายามที่ผ่านมาหลายวันนี้ของพวกเรา จึงรับซื้อหุ้นมาได้เป็นจำนวน45% ตระกูลไป๋ถือครองอยู่20% ตระกูลเย่ถือครองอยู่15% ตระกูลหลินถือครองอยู่10%”
“จนถึงตอนนี้หุ้นของพวกเราสามตระกูลใหญ่รวมกันเกินกว่าที่ตระกูลหวังมีแล้ว พวกเราสามารถเข้าสู่เฟิงหั่วกรุ๊ปได้แล้ว เรียกร้องให้เปลี่ยนคณะกรรมการบริหารใหม่ จากนั้นก็ขับไล่ตระกูลหวังออกไปจากเฟิงหั่วกรุ๊ป!”
“แปะๆ ……”
เสียงปรบมือดึงความสนใจมาจากคำพูดของไป๋หยุนเผิง
แต่เย่เจี่ยเอ่ยขึ้นอย่างหวาดระแวงเล็กน้อยว่า “พี่ไป๋ นอกจากหุ้นของพวกเรากับตระกูลหวังแล้ว ยังมีหุ้นอีก14%อยู่ข้างนอก หากคนที่ถือครองหุ้น14%นี้เลือกสนับสนุนตระกูลหวัง เช่นนั้นพวกเราก็ล้มตระกูลหวังไม่ได้เหมือนกัน ความพยายามที่ทำมาก่อนหน้านี้ทั้งหมดจะสูญเปล่าได้นะ”
พอเอ่ยคำกล่าวนี้ขึ้นมา ทุกคนก็ล้วนมีปฏิกิริยาตอบสนองทันที เผยสีหน้าท่าทางครุ่นคิดออกมา
เวลานี้ หวังโหลวกล่าวว่า “เรื่องนี้ทุกท่านไม่ต้องกังวล เฟยเสว่กรุ๊ปได้สืบมาแล้ว หุ้น14%ที่เหลือ มี3%เป็นของคนที่ชื่อโจวฉวน แต่วันก่อนเขาเพิ่งจากโลกนี้ไป ทั้งยังเกี่ยวเนื่องไปถึงข้อพิพาทเรื่องมรดก จึงได้ทำการเก็บรักษาไว้แล้ว”
“และยังมีหุ้นอีก6%ได้ถูกเฟยเสว่กรุ๊ปซื้อไว้หมดแล้ว ดังนั้นตอนนี้หุ้นที่ไม่แน่นอนมีเพียง5%เท่านั้น”
ได้ยินเช่นนี้ ทุกคนต่างตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง
หุ้นของสามตระกูลใหญ่รวมกับหุ้นของเฟยเสว่กรุ๊ป ก็จะมีหุ้นเท่ากับ51% เช่นนั้นหากพวกเขาต้องการขับไล่ตระกูลหว้งออกจากเฟิงหั่วกรุ๊ป ก็เป็นเรื่องที่แน่นอนแล้ว
หลินขวางถามอีกว่า “สถานการณ์ในตอนนี้ของตระกูลหวังเป็นอย่างไรบ้าง?”
จู่ๆ หวังโหลวก็ขมวดคิ้วขึ้นมา “แปลกมาก”
“แปลกตรงไหน?” ไป๋หยุนเผิงถาม
หวังโหลวจึงพูดว่า “พวกเขากำลังจัดพิธีแต่งงาน ซึ่งเจ้าสาวคือ……หลงหลิงหลิง”
“อีกทั้งพวกเขารู้ว่าพวกเรากำลังกว้านซื้อหุ้นของเฟิงหั่วกรุ๊ปอย่างโจ่งแจ้ง แต่เหมือนกับไม่ได้สนใจเลยสักนิด พวกเขาเอาแต่สนใจพิธีแต่งงานนี้”
ไป๋หยุนเผิงพลันนิ่งไป พึงรู้ไว้ว่าตอนนั้นหลงหลิงหลิงคือคนที่อู๋กุ้ยเซียงส่งมาอยู่ข้างกายไป๋ยี่เฟย
“หลงหลิงหลิงเธอเห็นด้วยหรือ?” ไป๋หยุนเผิงขมวดคิ้วถาม
หวังโหลวพยักหน้า “ใช่”
ไป๋หยุนเผิงครางเสียงต่ำ กล่าวว่า “เรื่องนี้แปลกมากอย่างที่ว่าจริงๆ อีกทั้งยังมีปัญหาอย่างแน่นอน!”
หวังโหลวพยักหน้า แล้วถอนหายใจกล่าวว่า “นอกจากเกี่ยวข้องกันเรื่องงานแล้ว จากที่ผมรู้จักเธอมา เธอมีคนที่ชอบอยู่นานแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะรับปากแต่งงานกับหวังเจียจุ้นอย่างแน่นอน”
“ยิ่งกว่านั้น ผมเองก็เคยสืบมาว่า ครอบครัวของหลงหลิงหลิงหายสาบสูญกันไปหมดแล้ว”
หลังเย่ฮวนได้ยินก็พลันตบโต๊ะกล่าวว่า “แน่นอนว่าต้องถูกตระกูลหวังจับตัวไว้ขู่หลงหลิงหลิงน่ะสิ!”
หวังโหลวกล่าวอย่างจนปัญญา “แต่พวกเราเองก็อับจนปัญญาเช่นกัน พวกเราสืบไม่ได้เลยว่าตระกูลหวังเอาพวกเขาไปซ่อนไว้ที่ไหน แม้แต่หลักฐานสักนิดก็ไม่มี”
หลินขวางมีความเคร่งเครียดเต็มใบหน้า “งั้นตอนนี้พวกเราจะทำยังไงกันดี?”
ไป๋หยุนเผิงครุ่นคิดครั้งหนึ่งก็กล่าวว่า “ในเมื่อพรุ่งนี้พวกเขาจะจัดพิธีแต่งงาน อย่างนั้นพรุ่งนี้พวกเราก็ไปสถานที่จัดพิธีแต่งงาน ไล่พวกเขาออกไปจากเฟิงหั่วกรุ๊ป ทำลายพิธีแต่งงานของพวกเขา สุดท้ายค่อยไล่ออกไปจากเมืองเทียนเป่ย!”
ได้ยินเช่นนี้ ทุกคนก็เกิดความมุ่งมั่นขึ้นมาในพริบตา
แต่ หลินขวางมักรู้สึกไม่สงบอยู่เล็กน้อย ราวกับว่าเรื่องจะไม่ง่ายดายอย่างที่พวกเขาคิด
……
สองสามวันผ่านไปแล้ว แม่น้ำในละแวกสะพานเทียนเป่ยยังคงมีเรือกู้ชีพจอดเต็มไปหมด บนฝั่งก็มีทีมค้นหายืนอยู่
หลี่เสว่มักจะมายังริมฝั่งเพื่อดูการค้นหาของทีมค้นหาอยู่เสมอ
รถเปาจุนธรรมดามากคันหนึ่งขับมายังริมฝั่งอย่างช้าๆ โดยคนขับคือฉีฉี
หลังฉีฉีจอดรถ สายตาก็มองไปทางฝั่งแม่น้ำอยู่ตลอด สีหน้ามืดครึ้ม ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
เวลานี้ จู่ๆ ซินชิวที่นั่งอยู่เบาะหลังก็ถามขึ้นว่า “เธอหวั่นไหวแล้ว?”
ฉีฉีได้ยินก็เก็บสายตากลับมาทันที ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “เปล่า”
ซินชิวกลับถอนหายใจกล่าวว่า “พวกเธอไม่เหมาะสมกัน”
“ฉันรู้” ฉีฉีกล่าว “อีกอย่าง เขาตายแล้ว เหมาะหรือไม่ยังจะมีประโยชน์อะไรอีก?”
ซินชิวกลับถามนิ่งๆ ว่า “เธอคิดว่าเขาตายแล้วจริงๆ เหรอ?”
ฉีฉีพลันหันหลังไปมองซินชิว
ซินชิวพิงกับเบาะหลังรถ กล่าวนิ่งๆ ว่า “ยัยหนู ยังจำที่ฉันบอกกับเธอว่าจะชวนเธอไปยังสถานที่ของเธอได้ไหม?”
ฉีฉีพยักหน้า “จำได้ แม่น้ำเล็กๆ สายหนึ่ง”
ซินชิวเผยรอยยิ้มรักใคร่ออกมา “หลายปีมานี้ฉันเก็บลูกศิษย์มามากมายตั้งไม่รู้เท่าไหร่ แต่ขอเพียงพวกเขามายืนตรงหน้าฉัน ฉันก็สามารถจำพวกเขาได้”
“แต่เธอไม่เหมือนกัน เธอคือลูกศิษย์เพียงคนเดียวตั้งแต่เด็กจนโตของฉัน”
“ฉันทิ้งสัญลักษณ์หนึ่งไว้บนร่างกายเธอ”
ได้ยินเช่นนี้ ร่างกายอ่อนช้อยของฉีฉีก็สั่นเทา สีหน้าดูไม่สู้ดีอยู่บ้าง
ซินชิวพูดอีกว่า “หากมีคนถามว่าลูกศิษย์คนไหนที่ฉันชอบที่สุด? แน่นอนฉันย่อมจะบอกพวกเขาว่าชอบทุกคน แต่ฉันจะพูดอยู่ในใจว่า ลูกศิษย์ที่ชอบที่สุดคือฉีฉี”
ฉีฉีก้มหน้าเงียบ
เวลานี้ จู่ๆ ซินชิวก็มองไปที่ฉีฉี สีหน้าท่าทางเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมา “ฉีฉี เธอไม่อาจหวั่นไหวกับไป๋ยี่เฟยได้ สักนิดก็ไม่ได้!”
“เพราะอะไร?” ฉีฉีถามขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
ซินชิวถอนหายใจอย่างจนปัญญา “เธอคงคิดว่าเป็นความผิดของอาจารย์สินะ แต่ฉันเองก็หวังดีต่อเธอ”
ฉีฉีกลับยังคงถามว่า “เพราะอะไรถึงไม่ได้?”
ซินชิวเห็นเช่นนี้ก็ถอนหายใจอีกว่า “เช่นนี้เห็นที เธอจะหวั่นไหวแล้ว”
เขากล่าวว่า “สายเลือดของเยว่พิเศษมาก ตอนนั้นเยว่ก็ใช่เหมือนกัน แต่ผู้หญิงทุกคนที่คบหากับเขานานวันเข้าจะหวั่นไหวต่อเขา ราวกับมนต์สะกดอย่างไรอย่างนั้น ไม่มีสักคนที่ไม่ชอบเขา”
“ฉีฉี เธอเป็นศิษย์ที่ฉันชอบที่สุด เป็นเด็กที่ฉันพามาตั้งแต่เด็กจนโต ฉันไม่อยากให้เธอเหมือนกับผู้หญิงคนอื่น ได้รับความเจ็บปวดสาหัส”