หลังจากนั้น ซาเฟยหยางก็พาสวีลั่งข้ามกำแพงสูงด้านหนึ่งไป มาถึงด้านหน้าของอาหยาง
อาหยางที่ตกตะลึงในทันทีเมื่อเห็นคนปรากฏขึ้นตรงหน้า เพราะว่าเขาคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะมาปรากฏตัวหน้าของเขา
และเมื่อสวีลั่งยืนอย่างมั่นคง เขาก็ได้สติในทันที ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว หยิบมีดสั้นของตัวเองออกมาปัดไปตรงหน้าของอาหยางหนึ่งครั้ง
“พู่!”
ลำคอตรงคอหอยของอาหยางถูกกรีดจนเป็นแผล ทันใดนั้นเลือดก็สาดพุ่งออกมา
แต่เขายังคงจ้องมองไปที่ซาเฟยหยางอย่างหวาดกลัว กุมตรงบริเวณลำคอของตัวเองที่มีเลือดสาดออกมา เขาอ้าปากพะงาบๆพลางพูดขึ้นมาว่า“นี่มัน…….เป็นไปไม่ได้……เป็นไปได้ยังไง……ทำไมถึงได้จู่โจมเร็วขนาดนี้……”
การดวลระหว่างอาจารย์ตั้งค่าย ไม่ใช่ว่าไม่เคยมี
แต่ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งขนาดไหน อยากจะโจมตีอย่างไร นั่นก็ต้องการเวลาอยู่บ้าง
เขาพึ่งจะวางรูปแบบของการรบเสร็จ ซาเฟยหยางก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าของเขาแล้ว ดังนั้นใบหน้าของเขาจึงเต็มไปด้วยความตกใจกลัว
และซาเฟยหยางก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า“อาจารย์ตั้งค่ายจะจู่โจมจำเป็นต้องใช้เวลา แต่ผมไม่ใช่อาจารย์ตั้งค่าย ผมคืออาจารย์ฮวงจุ้ย ชำนาญเรื่องการให้เหตุผลและพยากรณ์คาดเดา”
เมื่อพูดออกมาแบบนั้น อาหยางจึงเข้าใจในทันที
อันที่จริงซาเฟยหยางไม่ได้ทำลายค่ายกลของเขา เขาเพียงแค่อาศัยการสัมผัสรับรู้ของอาจารย์ฮวงจุ้ย เพื่ออนุมานค่ายกลของประตูแห่งชีวิต ดังนั้นจึงได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขาอย่างรวดเร็วขนาดนี้
แต่เมื่อเขาเข้าใจในตอนนี้มันก็สายไปเสียแล้ว
การหายใจของอาหยางค่อยๆขาดหายไป ค่ายกลที่เขาพึ่งวางไว้ก็ค่อยๆหายไปเช่นกัน
แต่นี่เป็นเพียงแค่การทุเลาสถานการณ์ลงเท่านั้น ไม่ได้มีประโยชน์มากนัก เพราะว่าอีกฝ่ายมีผู้แข็งแกร่งแห่งแดนเทพยุทธ์
ผู้แข็งแกร่งแห่งแดนเทพยุทธ์ สามารถบดขยี้ทุกคนที่อยู่ภายใต้เขตแดนได้
ดังนั้น ผ่านไปไม่นาน ไป๋หยุนเผิง ฉินหัวและคนอื่นๆต่างถูกทำร้ายจนล้มกองกับพื้นทั้งหมด
และยอดฝีมือของสี่ตระกูลใหญ่ต่างบาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน
เมื่อดูทางด้านตระกูลหวัง มีแค่ยอดฝีมือระดับที่หนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสคนเดียว รวมถึงอาหยางที่ถูกกรีดคอ ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย
“อาหยาง!”
หลังจากที่ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆหวังสือชิ่งร้องเรียกอาหยางด้วยความตกใจ เขาก็รีบวิ่งเข้าไปในทันที
ลำคอของอาหยางมีเลือดไหลออกมาตลอด ตอนนี้เขาอ่อนแอมาก
แต่เพราะเสียงกรีดร้องเขา ทำให้หวังสือชิ่งมองไป จากนั้นเขาก็พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า“ถ้าอาหยางตาย พวกแกทุกคนก็ต้องลงหลุมไปกับเขา!”
จากนั้นเขาก็ไม่สนใจคนถูกทำร้ายที่กองกับพื้น รีบเข้าไปพูดกับคนของตระกูลหวังว่า“รีบส่งอาหยางไปรักษาที่โรงพยาบาลเร็วเข้า!”
นี่แสดงให้เห็นว่า อาหยางมีความสำคัญต่อตระกูลหวังมาก ถึงจะถูกคนอื่นปาดคอ หวังสือชิ่งก็ไม่ทิ้งเขา ไม่เพียงแต่เท่านี้ เขายังยอมทิ้งโอกาสที่จะฆ่าไป๋หยุน
แต่สำหรับเขาแล้ว อยากจะฆ่าไป๋หยุนเผิงกับคนอื่นๆ โอกาสมีทุกเมื่อ
พวกของไป๋หยุนเผิงไม่สามารถทำอะไรได้ ทำได้เพียงแค่มองดูคนของตระกูลหวังขึ้นรถแล้วจากไป
หลังจากที่คนของตระกูลหวังจากไปไม่นาน พวกคนที่มาร่วมงานแต่งก็ค่อยๆผ่อนคลายลง พวกเขาใช้สายตาซับซ้อนมองไปที่คนของสี่ตระกูลใหญ่ และไม่กล้าพูดอะไรเช่นกัน ทำได้เพียงแค่ค่อยๆเดินจากไป
แต่คนยังเดินจากไปไม่หมดเสียทีเดียว มีคนคนหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างลุกลี้ลุกลน
หลังจากที่เห็นว่าเป็นใครแล้ว ทุกคนก็พากันตื่นตระหนก เหมือนจะมีชีวิตชีวาอีกครั้ง
“ไป๋ยี่เฟย!”
“ไป๋ยี่เฟยจริงๆด้วย!”
“นายยังไม่ตาย! ดีจริงๆเลย!”
ไป๋หยุนเผิงกับคนอื่นๆที่เห็นไป๋ยี่เฟยแล้วก็ต่างช่วยกันพยุงลุกขึ้น ล้อมรอบเขาไว้
เดิมทีไป๋ยี่เฟยสามารถมาทัน แต่เขายังมีเรื่องหนึ่งที่ต้องยืนยันให้แน่ใจเสียก่อน อีกทั้งจำเป็นต้องไปวันนี้ ดังนั้นก่อนหน้านี้เขาจึงกลับไปที่บ้าน
แต่แล้วสิ่งที่คาดคิดไม่ถึงก็คือ เขามาสายไป
พี่น้องของเขา เหล่ารุ่นพี่ทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือด พวกเขาทั้งหมดได้รับบาดแผลตั้งแต่แรกเห็น
พอเห็นฉากนี้ ในใจของไป๋ยี่เฟยก็อัดแน่นไปด้วยความโกรธ
เมื่อเขาหันกลับมา ก็มองเห็นมุมปากของไป๋ยี่เฟยยังมีเลือดไหลออกมา จึงทำให้เขาอดนึกถึงเมื่อครั้งแรกที่เขาได้พบเจอกันที่เมืองหลวงเป็นครั้งแรก
ในตอนนั้นไป๋หยุนเผิงมีจิตใจเร่าร้อนฮึกเหิมขนาดไหน ขณะที่เขาถูกคนลอบฆ่านั้น แทบจะลงมือปลิดชีพในทันที
แต่ตอนนี้ เขากลับถูกคนอื่นทำร้ายจนมีสภาพแบบนั้น
ไป๋ยี่เฟยกำหมัดแน่น เขาถามด้วยดวงตาแดงก่ำ“ใครกัน?”
ไป๋หยุนเฟยถอนหายใจแล้วพูดอย่างเหนื่อยล้า“หวังสือชิ่ง พ่อของหวังเจียจุ้น เขาเป็นผู้แข็งแกร่งแห่งแดนเทพยุทธ์”
ไป๋ยี่เฟยตกใจมาก“แดนเทพยุทธ์?”
“เสี่ยวอิง! คุณตื่นสิ! เสี่ยวอิง…….”
แทบจะเป็นเสียงของความตกใจ ทำให้ไป๋ยี่เฟยมองไปทันที
เมื่อเขาเห็นหลิวเสี่ยวอิงที่นอนอยู่บนพื้นโดยไม่รู้สึกตัว และเห็นมุมปากมีเลือดไหล ครึ่งหน้าของเธอยังคงมีรอยนิ้วมือนั้น สมองของเขาก็มีเสียง‘ผึ่ง’ เขาตกตะลึงในทันที
ไม่เพียงแต่เท่านี้ ข้างๆของหลิวเสี่ยวอิง น้ารองของเธอก็นอนอยู่ที่นั่น
หลิวโก๋จงกับอู๋หยุนผู้ซึ่งเป็นพ่อแม่ของหลิวโก๋อิงไม่รู้ว่าปรากฏตัวขึ้นที่นี่ตั้งแต่เมื่อไร หลิวเสี่ยวอิงนอนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อน พวกเขาทรุดตัวลงข้างๆของหลิวเสี่ยวอิง ร้องไห้ไปด้วยเขย่าเรียกสติไปด้วย
แต่หลิวเสี่ยวอิงยังคงไม่ตอบสนองแม้แต่น้อย
หลังจากที่สมองของไป๋ยี่เฟยว่างเปล่า ทันใดนั้นก็เกิดความรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมา
ไม่!
นี่ไม่ใช่เรื่องจริง!
เธอไม่มีทางตาย!
ร่างกายของไป๋ยี่เฟยเดินไปยังหลิวเสี่ยวอิงอย่างไม่รู้ตัว
แต่ในเวลานี้เอง จู่ๆหลิวโก๋จงก็ชี้ไปที่ไป๋ยี่เฟยพร้อมตะโกนไปว่า“คุณหยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
“เป็นเพราะคุณ!”
“คุณทำให้ลูกสาวผมต้องเป็นแบบนี้!”
“คุณห้ามแตะต้องเธอนะ!”
ณ เวลานี้หัวใจของไป๋ยี่เฟยไม่ได้ร้อนรนหรือเจ็บปวดน้อยไปกว่าหลิวโก๋จงเลย ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจอะไร ตะโกนพูดไปว่า“หลีกไป ให้ผมช่วยเธอ!”
ไป๋ยี่เฟยผลักหลิวโก๋จงออกไป
และแล้วสิ่งที่ทำให้เขาคาดคิดไม่ถึงนั่นก็คือ หลิวโก๋จงคุกเข่าลงทันที
“ตุ๊บ!”
เสียงนี้ทำให้ไป๋ยี่เฟยถึงกับตกตะลึง
“ถือว่าผมขอร้องคุณล่ะ คุณปล่อยลูกสาวผมไปเถอะ!” “ใบหน้าของหลิวโก๋จงเต็มไปด้วยความเว้าวอน “ไปจากเธอให้ไกล ให้เธอได้มีชีวิตอยู่ต่อไปหลายๆปี ได้ไหม?”
“ผมขอร้องล่ะ!”
เขาพูดไปด้วยพลางกระแทกศีรษะกับพื้นคำนับให้ไป๋ยี่เฟยไปด้วย
ไป๋ยี่เฟยตัวแข็งทื่อในทันที
หลิวโก๋จงถึงกับคุกเข่าคำนับให้เขา
“ลุงหลิว อย่าทำแบบนี้เลย ลุกขึ้นก่อนเถอะ……” ไป๋ยี่เฟยรีบไปดึงตัวหลิวโก๋จงไว้ “ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือรีบช่วยเสี่ยวอิงนะครับ”
หลิวโก๋จงยังคงคุกเข่าอยู่ที่พื้น แล้วพูดด้วยความหนักแน่น “เราเรียนทักษะทางการแพทย์มาหลายชั่วอายุคนแล้ว เราจะช่วยเธออยู่แล้ว ถ้าแม้แต่เรายังไม่สามารถช่วยเธอได้ คุณก็ช่วยไม่ได้หรอก”
“แต่……”
หลิวโก๋จงจ้องไปที่ไป๋ยี่เฟยด้วยตาแดงก่ำ“ไป๋ยี่เฟย ถ้าคุณยังเป็นผู้ชาย ตอนนี้ก็ควรไปแก้แค้นให้ลูกสาวผมซะ!”
พอพูดออกไปแบบนั้น คนทุกผู้ถึงกับตกตะลึง หลังจากนั้นก็รีบเข้าไปเกลี้ยกล่อมไป๋ยี่เฟยทันที
“ไป๋ยี่เฟย นายอย่าวู่วามนะ”
“ใช่แล้ว หวังสือชิ่งเป็นผู้แข็งแกร่งแห่งแดนเทพยุทธ์ นี่เท่ากับการไปรนหาที่ตายนะ!”
“ตอนนี้รีบช่วยชีวิตคนเถอะ!”
“เรื่องแก้แค้นเราสามารถค่อยๆปรึกษากันดีๆ”
ทุกคนจึงกลัวไป๋ยี่เฟยจะทำตามที่หลิวโก๋จงพูด แล้วสิ่งเข้าไปรนหาที่ตายโดยไม่สนใจอะไรจริงๆ
และไป๋ยี่เฟยเข้าตัว ยืนอยู่กับที่ มองดูหลิวเสี่ยวอิงที่ยังไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย แล้วกำหมัดของตนเองจนแน่น
เขาเอ่ยถามด้วยความเย็นชา“หลงหลิงหลิงถูกหวังสือชิ่งจับไปใช่ไหม?”
“ไป๋ยี่เฟย!”ทุกคนเรียกด้วยความตกใจ