บทที่107
หวังโหลวไม่ตอบอะไรเขา พูดต่อ : “โหวจวี๋กรุ๊ปมีธุรกิจในทุกสายงาน สิ่งเดียวที่ไม่มีคือผนังควบคุมอุณหภูมิ”
“ในเมื่อจะทำ ก็ต้องทำให้ถึงที่สุด”
เมื่อพูดจบ ทั้งสองจึงยิ้มอย่างมีเลศนัย
…
ถึงเวลาใกล้เลิกงานแล้ว จู่ๆไป๋ยี่เฟยได้รับสายจากหลี่เสว่
“เย็นนี้ฉวี่เอ๋อจะเลี้ยงข้าวพวกเรา นายยังจำได้ไหม”
ไป๋ยี่เฟยงง “เลี้ยงข้าวพวกเรา? ฉันไปแล้วเหมาะสมเหรอ?”
หลี่เสว่ไม่ค่อยเข้าใจ “ฉวี่เอ๋อบอกว่าต้องให้นายไปให้ได้ คงมีเรื่องอยากจะพูดด้วย”
ไม่นานนัก หลังจากเลิกงาน ไป๋ยี่เฟยขับรถออกไปตามที่อยู่ร้านอาหารที่หลี่เสว่บอกทันที
บนโต๊ะอาหาร หลี่เสว่ทักทายไป๋ยี่เฟย และสั่งอาหาร โจวฉวี่เอ๋อกลับลากหลี่เสว่ไปแอบพูดกระซิบกัน ไม่สนใจไป๋ยี่เฟยแม้แต่น้อย
ไป๋ยี่เฟยไม่ถือสาอะไร หยิบมือถือขึ้นมาเปิดอ่านข่าว
ทันใดนั้น เขาเห็นพาดหัวข่าวหนึ่ง ดูเหมือนว่าจะเป็นข่าวคนไข้ของโรงพยาบาลจิตเวชในเมืองเทียนเป่ยหนีออกจากโรงพยาบาล คนไข้คนนี้ไร้สติ และยังมีแนวโน้มที่จะใช้ความรุนแรงมากอีกด้วย ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการค้นหา ขณะเดียวกัน ขอความร่วมมือจากประชาชนในเมืองช่วยกันระมัดระวัง เพื่อป้องกันเหตุอันตราย
เมื่ออ่านข่าวจบ อาหารก็มาเสิร์ฟพอดี
ทันใดนั้น โจวฉวี่เอ๋อพูดขึ้น : “ไป๋ยี่เฟย ช่วยอะไรหน่อยสิ!”
ไป๋ยี่เฟยใจเต้นรัว เมื่อนึกถึงเรื่องที่ให้เขาปลอมเป็นแฟนครั้งที่แล้ว จึงทำให้เขามักจะรู้สึกว่าถ้าโจวฉวี่เอ๋อให้เขาช่วยเรื่องอะไร ต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่นอน แต่สุดท้ายยังคงถามต่อ : “ช่วยเรื่องอะไร?”
“การก่อสร้างระยะที่สองของหลันโปกั่งของโหวจวี๋กรุ๊ปจะเสร็จแล้ว ได้สั่งจองผนังเก็บอุณหภูมิไว้รึเปล่า?” โจวฉวี่เอ๋อถามขึ้น
ไป๋ยี่เฟยตอบกลับ : “โดยปกติแล้ว จะเลือกบริษัทที่เคยร่วมงานกันมาก่อน แต่ถ้าเธอพูดมาแบบนี้ อยากให้โหวจวี๋กรุ๊ปสั่งจองของบริษัทพวกเธอ?”
“จะให้พูดมากอีกทำไมล่ะ?” โจวฉวี่เอ๋อเหลือบตามองบน “บริษัทของพวกเราผลิตของประเภทนี้โดยเฉพาะ ถ้าสามารถร่วมงานกับโหวจวี๋กรุ๊ปได้ แน่นอนว่าจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด”
ไป๋ยี่เฟยถอนหายใจออก “เรื่องนี้ไม่ง่ายเลย ถ้าบอกว่าสั่งจองไปแล้ว ก็สามารถใช้ของบริษัทเธอได้”
“นายหมายความว่ายังไง?” โจวฉวี่เอ๋อกระพริบตาด้วยความสงสัย “นายเป็นคนตัดสินใจ?”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้าลง “ใช่สิ ฉันเป็นคนตัดสินใจ สามารถใช้ของบริษัทพวกเธอก่อนได้”
“เชอะ!” โจวฉวี่เอ๋อไม่เชื่อ “นายดูแลมากมายขนาดนี้ได้อย่างไรกัน? ฉันให้นายช่วยเพียงเพราะอยากให้นายไปถามผู้ช่วยที่เป็นเพื่อนนายว่าสามารถมาคุยกับบริษัทของพวกเราได้รึเปล่า?”
“….งั้นก็ได้ ฉันจะช่วยเธอถามให้นะ”
หลังจากที่ทั้งสามทานข้าวเสร็จ กำลังจะเดินออกจากร้านอาหาร กลับได้ยินเสียงคนกรีดร้องดังลั่น
“อ๊าก!”
จากนั้นเต็มไปด้วยความโกลาหล
“รีบหนี! นั่นเป็นคนบ้าที่หนีออกมาจากโรงพยาบาลจิตเวช!”
หลี่เสว่กับโจวฉวี่เอ๋อยังคงมึนงง ขณะที่ไป๋ยี่เฟยกลับตั้งสติขึ้นมาได้ทันที รีบดึงหลี่เสว่ และจับข้อมือของโจวฉวี่เอ๋อ “รีบเดิน!”
แต่ทว่าโชคไม่ได้ดีเสมอไป
เพราะผู้คนต่างพากันวิ่งหนีกระเจิดกระเจิง ไป๋ยี่เฟยจึงมองไม่ชัดว่าคนบ้านั่นวิ่งไปทางไหน จึงสุ่มเลือกไปหนึ่งทาง สุดท้ายพบว่าเป็นทางที่คนสติไม่ดีอยู่พอดี
“บ้าจริง!” ไป๋ยี่เฟยพูดสบถขึ้น
หลี่เสว่กับโจวฉวี่เอ๋อตั้งสติขึ้นมาได้พอดี กรีดร้องเสียงดังขึ้นมา
ตรงหน้าของพวกเขาทั้งสามในเวลานี้ มีชายวัยกลางคนสวมชุดคนไข้ ตัดผมสั้น ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่น เบิกตาโตกว้าง สีหน้าโหดร้าย
ตอนนี้เขากำลังค้นหาบางอย่าง เพื่อระบายอารมณ์โกรธแค้นของเขา
เพราะเสียงกรีดร้องของหลี่เสว่กับโจวฉวี่เอ๋อ จึงดึงดูดความสนใจของคนบ้าไร้สติ ทำให้เขาหันหลังกลับมามองทันที
ไป๋ยี่เฟยตั้งสติขึ้นมาได้คิดจะวิ่งหนีเป็นอย่างแรก และเขาก็ทำเช่นนั้น
จากนั้นเขาลากหลี่เสว่กับโจวฉวี่เอ๋อออกไป ไม่ได้วิ่งไปด้วยความเร็วที่ไว้ที่สุด แต่วิ่งไปได้ไม่นานนัก ก็ถูกคนบ้าไร้สติไล่ตามทัน
หลี่เสว่กรีดร้องดังลั่นด้วยความเจ็บปวด ตัวของหล่อนเอนไปด้านหลัง
ไป๋ยี่เฟยเห็นเช่นนั้นตาแดงด้วยความโมโหขึ้นมาทันที บ้าจริง! กล้าแตะต้องหลี่เสว่ได้ยังไง
ไป๋ยี่เฟยหันหลังกลับไปจับข้อมือชายผู้นั้น จากนั้นใช้เท้าถีบเขาออกไป
ชายคนนั้นเจ็บจนยอมปล่อยมือ และถอยหลังห่างออกไป
“พวกเธอไปก่อน!” ไป๋ยี่เฟยตะโกนบอกหลี่เสว่กับโจวฉวี่เอ๋อ
โจวฉวี่เอ๋อดึงมือของหลี่เสว่ “เสว่เอ๋อ พวกเรารีบไปกันเถอะ!”
หลี่เสว่ได้รับอิสระกลับคืนมา ไม่สนว่าตัวเองยังคงเจ็บศีรษะอยู่ หันไปมองไป๋ยี่เฟย
“ฉันไม่ไป!”
โจวฉวี่เอ๋อกระวนกระวาย “เสว่เอ๋อ เขากำลังถ่วงเวลาให้พวกเราอยู่ ถ้ายังไม่ไป เดี๋ยวไป๋ยี่เฟยรั้งไว้ไม่อยู่ พวกเราก็ไปไหนไม่ได้แล้วนะ”
หลี่เสว่กัดริมฝีปากแน่น ไม่รอให้หล่อนได้พูดอะไรต่อ โจวฉวี่เอ๋อย่ำเท้า ลากหลี่เสว่วิ่งหนีไปทันที
เพิ่งจะวิ่งออกไปได้ไม่กี่ก้าว เป็นเพราะรีบร้อนเกินไป และแรงฉุดลากของโจวฉวี่เอ๋อ ทำให้หลี่เสว่วิ่งตามไม่ทัน จนข้อเท้าพลิก
โจวฉวี่เอ๋อหยุดวิ่ง ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง : “เกิดอะไรขึ้น?”
“ข้อเท้าพลิก” หลี่เสว่เจ็บจนขมวดคิ้วตึงเครียด
โจวฉวี่เอ๋อเห็นเช่นนั้นอดร้อนใจไม่ได้ “ยังเดินได้ไหม?”
หลี่เสว่ลองลุกขึ้นยืน เพิ่งยืนทรงตัวได้ไม่นาน หลี่เสว่ก็เจ็บจนนั่งคุกเข่าไปอีกครั้ง
เมื่อเห็นเช่นนั้น โจวฉวี่เอ๋อจึงรู้ทันทีว่าหลี่เสว่ข้อเท้าพลิกอาการหนักมาก จึงรู้สึกร้อนใจมากขึ้น ยังโชคดีที่ตอนนี้พวกหล่อนฝืนวิ่งออกมาไกลพอสมควรแล้ว
ทางนั้น เมื่อหลี่เสว่กับโจวฉวี่เอ๋อเพิ่งวิ่งหนีออกไป คนบ้าไร้สติก็จะวิ่งตามไปเช่นกัน
ไป๋ยี่เฟยรีบวิ่งไปขวางหน้าคนไร้สติ
ชายคนนั้นจ้องไป๋ยี่เฟยตาเขม็ง ตวาดขึ้น : “นายหลีกทางให้ฉันเดี๋ยวนี้!”
เมื่อไป๋ยี่เฟยเห็นแววตาอารมณ์ของชายคนนั้น รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา แววตาเช่นนี้ ราวกับโกรธแค้นใครเข้ากระดูก จนแทบจะกระโจนเข้าฆ่า
แต่ไป๋ยี่เฟยไม่หลีกทางให้ เพราะหากหลีกทางให้ หลี่เสว่กับโจวฉวี่เอ๋อต้องตกอยู่ในอันตรายแน่นอน
เมื่อชายไร้สติเห็นเช่นนั้น เขาจ้องไป๋ยี่เฟยด้วยแววตาอันโหดเหี้ยม ทันใดนั้นพูดด่าขึ้น : “ไอ้ชู้! ไอ้สารเลว! กล้ามาแตะต้องผู้หญิงของข้า! วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้า จะคอยดูว่าเจ้ายังจะกล้าทำอะไรกับผู้หญิงของข้าอีกหรือไม่!”
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกสับสนไปหมด ชายคนนี้ถูกสวมเขางั้นเหรอ?
“พี่ชาย พี่จำผิดคนแล้ว ผมไม่ใช่นะ” ไป๋ยี่เฟยลองใช้วิธีพูดคุยกับชายคนนั้น บางทีอาจจะทำให้เขาใจเย็นลงได้?
“ใครเป็นพี่ชายนาย? นายมันเป็นชู้ กล้ามาแตะต้องผู้หญิงของข้า ข้าจะต้องฆ่านายให้ได้!” ชายไร้สติพูดตะโกนด้วยความโมโห จากนั้นกำหมัดพุ่งตรงเข้ามา
ไป๋ยี่เฟยรีบหลบไปทางด้านข้าง ขณะเดียวกันจับข้อมือของเขาไว้ “พี่ชาย มีเรื่องอะไรก็คุยกันดีๆ ผมไม่ได้แตะต้องผู้หญิงของพี่จริงๆ”
ชายคนนี้ไม่มีสติอยู่แล้ว เขาจะรับฟังเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร? เขาปักใจเชื่อแล้วว่าไป๋ยี่เฟยคือคนที่เป็นชู้กับผู้หญิงของเขา
ทันใดนั้น ไป๋ยี่เฟยรีบฉวยโอกาสหันไปมองหลี่เสว่ เห็นว่าหลี่เสว่นั่งอยู่บนพื้น โจวฉวี่เอ๋อนั่งอยู่ด้านข้าง เขารู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาทันที เสว่เอ๋อเป็นอะไรไป? ดูเหมือนข้อเท้าพลิก ตอนนี้จะทำยังไงดีล่ะ?
ไป๋ยี่เฟยรีบคิดวิธี จากนั้นตะโกนพูดกับหลี่เสว่และโจวฉวี่เอ๋อ : “รีบโทรไปที่โรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!”