“ฉันก็อยากติดตามคุณเช่นกัน”
พูดจบ ไป๋ยี่เฟยอึ้งชะงักไปหนึ่งที จากนั้นถอนหายใจอย่างจนใจ
ในที่สุดตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่าทำไมหลิวเสียมักจะต่อต้านพี่ชายของเขา
ไป๋ยี่เฟยยิ้มอยู่ลูบหัวของหลิวเสียลูบแล้วลูบอีก พูดว่า “จากนี้เป็นต้นไปคุณก็เป็นน้องสาวของผมแล้ว วันหลังสามารถติดตามผมได้”
“จริงเหรอ?” หลิวเสียตื่นตะลึงเงยหน้าขึ้น ยากที่จะเชื่อเต็มใบหน้า
ไป๋ยี่เฟยยิ้มอยู่พยักหน้า “จริงสิ ผมจะปฏิบัติต่อคุณเช่นดั่งน้องสาวแท้ๆ”
ทันใดนั้นหลิวเสียยิ้มเบิกบานเลย แต่หลังจากยิ้มไปหนึ่งที มุมปากก็ตกลงมาอีก ก้มหัวลงมาเช่นกัน ดูแล้วเหมือนไม่มีความสุขอย่างมาก
ไป๋ยี่เฟยไม่รู้สาเหตุ “คุณไม่ยินยอมเหรอ?”
“พี่ชาย!”
อยู่ดีๆหลิวเสียพุ่งเข้าไปในอ้อมอกของไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยหยุดชะงักแล้วหยุดชะงักอีก เขารู้สึกถึงได้ชัดว่าไหล่ของหลิวเสียสั่นระริกอยู่นิดๆ ร้องไห้แล้ว
ไป๋ยี่เฟยจ้องมองหัวของเธอจ้องมองแล้วจ้องมองอีก หลิวเสียยิ่งกอดเขาแน่นกว่าอีกเลย
อยู่ดีๆในใจไป๋ยี่เฟยสั่นนิดๆ
ตอนนี้เขาสามารถเข้าใจถึงอารมณ์ของหลิวเสีย
แท้ที่จริงหลิวเสียไม่ขาดพี่ชายเลยสักนิด แต่ที่เขาขาดคือพี่ชายที่จะสามารถให้ความอบอุ่นดั่งญาติแท้ๆแก่เธอ
จุดนี้ไอ้หัวล้านหลิวทำไม่ดีเลย แต่ก็โทษเขาไม่ได้เช่นกัน เขาก็คิดเพื่อความปลอดภัยของน้องสาวอยู่เช่นกัน
แต่เขาเอง เป็นเพราะว่ารู้สึกถึงความอ้างว้างที่ขาดความห่วงใยจากญาติแท้ๆของหลิวเสียแบบนั้นนั่นเอง จึงวู่วามชั่ววูบรับหลิวเสียเป็นน้องสาว
ท้องฟ้าค่อยๆมืดลงแล้ว
ไป๋ยี่เฟยลูบหลังของหลิวเสียลูบแล้วลูบอีกพูดว่า “ไปเถอะ พี่ชายจะพาแกไปกินข้าว”
หลังจากพูดจบ ไป๋ยี่เฟยหมุนตัวหันหลังให้กับหลิวเสียโดยตรง “ขึ้นมา”
หลิวเสียอึ้งชะงัก จากนั้นยิ้มตายี๋ ยื่นมือกระโดดขึ้นไปทันที กอดคอของไป๋ยี่เฟยไว้
ไป๋ยี่เฟยแบกหลิวเสียไว้ ไม่ได้กลับไปห้องผู้โดยสารทันทีเลย แต่แบกหลิวเสียไว้เดินอ้อมดาดฟ้าเรือหนึ่งรอบ
ในใจหลิวเสียสะอึกสะอื้น “พี่ชาย…….”
มาถึงห้องอาหาร ไป๋ยี่เฟยจึงปล่อยหลิวเสียลง
เรือทั้งลำก็ไม่ถือว่าใหญ่มาก รวมทั้งหมดมีลูกเรือเพียงแค่ยี่สิบกว่าคน
ไป๋ยี่เฟยเป็นนายจ้างของเรือทั้งลำนะ พวกลูกเรือเหล่านี้ย่อมต้องปรนนิบัติให้ดีๆอยู่แล้ว พอไป๋ยี่เฟยบอกว่าจะกินข้าว ทันใดนั้นก็มีคนส่งอาหารดีๆมาเต็มโต๊ะ
หลังจากหลิวเสียได้เห็นอาหารดีๆก็หม่ำเข้าปากอย่างตะกละตะกลามขึ้นมา
ไป๋ยี่เฟยเพียงแค่จ้องมองเธอ ตนเองกลับไม่ได้กินเท่าไหร่
ตอนนี้ไป๋ยี่เฟยอยากจะรักใคร่โปรดปรานน้องสาวคนนี้อย่างมากจริงๆ
เพราะว่าเขานึกถึงน้องสาวของตนเองแล้ว ถ้าหากน้องสาวของเขาเติบโตแล้ว จะดื้อขนาดนี้เช่นกันหรือไม่ล่ะ? จะกอดเขาจะออดอ้อนเขาเช่นกันไหม?
กินไปสักพัก หลิวเสียดูเหมือนว่าพบเห็นไป๋ยี่เฟยจ้องมองตนเองอีก และตนเองกินจนทั้งมือทั้งปากล้วนเต็มไปด้วยน้ำมัน ทันใดนั้นมีความเขินอายเล็กน้อย
ส่วนไป๋ยี่เฟยยิ้มอยู่พูดว่า “แกล้วนรับผมเป็นพี่แล้ว ก็อย่าแกล้งทำเลย อยากจะกินก็กิน”
หลิวเสียหัวเราะแฮ่ๆหนึ่งที และก้มหัวกินมูมมามขึ้นมาอีก
หลังจากกินข้าวเสร็จ ไป๋ยี่เฟยส่งวิดีโอสั้นๆอันหนึ่งให้กับหลิวเสีย เขาพูดว่า “ช่วยส่งให้พี่สะใภ้แกแทนผม”
“นี่คืออะไรเหรอ?” หลิวเสียอยากรู้อยากเห็นเปิดออกมาดู
แต่เพิ่งหยิบมือถือออกมา หลิวเสียก็รู้สึกเวียนหัวขึ้นมา แม้แต่ไป๋ยี่เฟยที่อยู่ต่อหน้าล้วนหมุนตามขึ้นมาแล้ว
ต่อจากนี้ “ปั้ง” เสียงหนึ่ง ล้มอยู่บนโซฟาเลย
ก็อยู่ในเวลานี้ ก่อนหน้านั้นลูกเรือทั้งสองคนที่อยากจะทำเรื่องชั่วพุ่งเข้ามาแล้ว ในมือของพวกเขาล้วนถือมีดไว้ คนหนึ่งถือมีดปอกผลไม้ คนหนึ่งถือมีดทำครัวในครัว
ทั้งสองคนล้อมรอบไป๋ยี่เฟยไว้ พวกเขายังไม่ได้เอ่ยปาก ไป๋ยี่เฟยพูดก่อนแล้ว “อย่ารบกวนน้องสาวผม ไปกระโดดลงทะเลเองเถอะ”
ทั้งสองคนสบตากันหนึ่งที จากนั้นดวงตาปรากฏสายตาที่โหดร้าย
“แม่มึงเอ่ย ไอ้หนุ่มคุณยังไม่เข้าใจสภาพการณ์มั้ง?”
“มองเห็นมีดที่อยู่ในมือของพวกเราหรือยัง? อยากจะเหลือศพครบทุกส่วน ดีที่สุดก็คือเอาเงินที่อยู่ในตัวคุณกับเงินที่อยู่ในมือถือล้วนส่งมาให้พวกเราหมด ค่อยให้พวกเราเล่นกับสาวน้อยคนนี้อีก!”
ตั้งแต่แรกไป๋ยี่เฟยก็รู้ว่าเหล้าและอาหารมีปัญหา แต่ยานอนหลับประเภทนี้สำหรับเขามากล่าวแล้วล้วนไม่มีประโยชน์อะไร
เพราะว่าเขารู้นี่ไม่ใช่ยาพิษ ดังนั้นไม่ได้ห้ามให้หลิวเสียกิน ยิ่งกว่านั้นอีก เขาก็ไม่อยากให้หลิวเสียเห็นสภาพที่เข่นฆ่าอย่างโหดร้ายทารุณขนาดนี้เช่นกัน
เป็นเช่นนี้ล่ะก็ อยู่ในใจของหลิวเสีย อย่างน้อยจะเก็บความทรงจำช่วงหนึ่งที่เป็นความอบอุ่นจากครอบครัวไว้
และกำลังอยู่ในเวลานี้ เสียงของอีกคนหนึ่งดังขึ้น
“เหล่าโจว นี่พวกคุณกำลังทำอะไรอยู่กันแน่?”
คนที่สวมใส่ชุดทำงานลูกเรืออีกห้าหกคนเดินเข้ามาในห้องอาหาร
และผู้ชายที่ในมือถือมีดทำครัวคนนั้นก็คือคนที่เรียกอยู่ในปากของคนที่มาว่า เหล่าโจว ใบหน้าเขาบิดเบี้ยวชี้ไปยังคนเหล่านี้พูดว่า “หากพวกคุณยังอยากจะมีชีวิตอยู่ล่ะก็ ก็เป็นเด็กดีแสร้งทำเป็นใบ้หูหนวก รีบไสหัวออกไปให้กูเดี๋ยวนี้!”
หลังจากพูดจบเขาจ้องไปยังคนที่เรียกเขาคนนั้นอีก “กัปตันเรือถ้าคุณยังอยากจะรักษาเรือลำนี้ไว้ ก็พาพวกเขารีบออกไป แกล้งทำเป็นว่าล้วนไม่เห็นอะไร!”
กัปตันเรือเป็นผู้ชายที่อายุสามสิบกว่าปีคนหนึ่งจริงๆ ผิวยังขาวมากอีก เห็นลักษณะท่าทีกลับไม่เหมือนคนที่ออกทะเลบ่อย ใบหน้าเขาขึงลับอยู่พูดว่า “ตกลงคุณบ้าอะไรกันแน่? เขาเป็นนายจ้างของพวกเรานะ!”
เหล่าโจวได้ยินคำพูดนี้หัวเราะเย็นชาเสียงหนึ่งพูดว่า “หุบปากให้กูเดี๋ยวนี้”
“แม่มึงเอ่ยมีสิทธิอะไรมาสั่งสอนกูล่ะ? กูเห็นแก่หน้าพ่อของมึงจึงอยู่ต่อมาช่วยมึง กัปตันเรือคนเก่าล้วนตายแล้ว คนเหล่านี้ที่อยู่บนเรือล้วนจะต้องฟังผม แม่มึงเอ่ยถ้ามึงไม่เชื่อฟัง ผมก็จะพาคนเหล่านี้ไปให้หมดเลย!”
สีหน้าของกัปตันเรือยิ่งขึงลับแล้ว ไม่มีคำพูดที่จะตอบโต้ออกมาได้เลยสักคำจริงๆ
“คนแบบนี้พอเห็นแล้วก็รู้ว่าเป็นคนรวยรุ่นที่ 2 ที่เป็นสวะไอ้ขยะคนหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจจะเคยนอนกับสาวๆมามากเท่าไหร่แล้ว!” เหล่าโจวพูดต่ออีก “วันนี้กูก็ดำเนินการทวงความยุติธรรมแทนฟ้า ปล้นเงินเขาสักหน่อย ค่อยนอนกับน้องสาวเขาอีก!”
คำพูดนี้พูดจบ เขาพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีกกับเพื่อนฝูงของเขา
ดังนั้นทั้งสองคนก็ถือมีดพุ่งไปยังไป๋ยี่เฟยพร้อมกัน
แต่กัปตันเรือและคนอื่นๆได้เพียงแต่ยืนอยู่กับที่ เพราะว่าในมือของพวกเขามีมีด ไม่กล้าพุ่งเข้าไปขัดขวาง
“ตูม!”
โดยจิตใต้สำนึกพวกเขาหลับตาลง ใจร้ายไม่ลงที่จะไปมองฉากนั้น
แต่หลังจากเสียงดังขึ้นเสียงหนึ่งแล้ว กัปตันเรือกับพวกลูกเรือจึงลืมตาขึ้น
จากนั้นล้วนตลึงตาค้างเลย
เหล่าโจวกำลังตื่นตระหนกตกใจเต็มตายืนอยู่ข้างหน้าไป๋ยี่เฟย สีหน้าซีดขาวเหลือเกิน ขาสองข้างอดไม่ไหวที่จะสั่นระริก ไม่เพียงแค่นี้ พวกเขายังได้กลิ่นฉี่ราดออกมาอีก
ส่วนอีกคนหนึ่งลอยออกไปโดยตรง อีกทั้งยังชนกำแพงของห้องผู้โดยสารทะลุเลย และร่างกายของเขาถูกแผ่นเหล็กแผ่นหนึ่งผ่ากลางพอดี แยกเป็นสองท่อนทั้งตัว
ตายแล้ว
ฉากนี้เหนือความรู้ความเข้าใจของคนธรรมดาแล้ว ดังนั้นล้วนตกใจจนอึ้งหมดแล้ว
เหล่าโจวที่ยืนอยู่ข้างหน้าไป๋ยี่เฟยยังจะมีปฏิกิริยาของเมื่อกี้อยู่
แต่ไป๋ยี่เฟยใบหน้าไร้สีหน้าเหมือนเดิม ดูเหมือนต่อเรื่องที่เกิดเมื่อกี้ไม่มีความรู้สึกอะไร
เขาถามอย่างเย็นชาว่า “จะกระโดดลงไปเองหรือว่าจะให้ผมช่วยคุณล่ะ?”
“ตุ้ม!”
เหล่าโจวคุกเข่าลงไปทันที โขกหัวต่อเขาอย่างสู้สุดชีวิต “พี่ใหญ่ขอไว้ชีวิต เป็นผมเลอะเลือนชั่ววูบเอง ขอร้องคุณไว้ชีวิตผมเถอะ ไว้ชีวิตผมเถอะ!”
ไป๋ยี่เฟยยังคงใบหน้าไร้สีหน้า
จากนั้นจ้องมองกัปตันเรือหนึ่งที เขาพบเห็นว่ากัปตันเรือนอกจากถูกทำให้ตื่นตะลึงแล้วยังมีความดีใจเล็กน้อย ถึงขนาดล้วนไม่หวาดกลัวเลยสักนิด
แต่ว่าคิดดูแล้วก็ใช่ คำพูดเหล่านั้นที่เหล่าโจวพูดเมื่อกี้ ทันใดนั้นไป๋ยี่เฟยก็เข้าใจแล้ว กัปตันเรือถูกเหล่าโจวคนนี้ชิงอำนาจมีแต่ชื่อมานานแล้ว ย่อมหวังให้เขาตายอยู่แล้ว
แต่ตัวไป๋ยี่เฟยไม่ใช่เป็นคนที่ฆ่าคนสุ่มสี่สุ่มห้าอะไร แต่ว่า เงื่อนไขข้อแรกก็คืออย่าไปเตะต้องเส้นตายของเขา
หลิวเสียคือคนที่เขารับเป็นน้องสาว งั้นก็คือคนในครอบครัวของเขา
กล้าเตะต้องคนในครอบครัวของเขา งั้นก็มีแค่สภาพเดียว
“อยากจะให้ผมลงมือเหรอ?” เสียงไป๋ยี่เฟยเย็นชาลง
“ไม! ไม่ไม่ไม่……”
เหล่าโจวเห็นเขาไม่สั่นไหว ได้เพียงแต่ส่ายหัวอย่างตื่นตระหนกตกใจ “ผมกระโดดลงไปเอง กระโดดลงไปเอง……”