หลี่เสว่หยุดชะงักไปอีกครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า “เกลียด…ตอนนี้พูดออกมาหมด ก็ไม่เกลียดแล้ว”
และฟังคำพูดเหล่านี้ของหลี่เสว่จบ น้ำตาของหลิวเสี่ยวอิงก็ราวกับได้มาฟรีๆยังไงอย่างงั้น ไหลออกมาด้านนอกอย่างสุดชีวิต หยุดยังไงก็หยุดไม่อยู่
หลังจากร้องไห้ไประลอกหนึ่ง หลิวเสี่ยวอิงเอ่ยถามขึ้นอย่างสะอึกสะอื้น “งั้นเขา…ได้หรอ?”
หลี่เสว่หยุดชะงัก นิ่งเงียบไม่พูดอะไร
เธอไม่รู้ว่าไป๋ยี่เฟยจะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือไม่
ทั้งสองคนมองหน้ากันไม่พูดไม่จา แต่ละฝ่ายต่างรู้สึกขมขื่น
แต่ดีที่พูดเรื่องราวให้ชัดเจนแล้ว ความเคลือบแคลงจุดนั้นที่มีอยู่ระหว่างพวกเธอก็หายไปโดยสมบูรณ์แบบ
ต่อไป…มีต่อไปค่อยว่ากันก็แล้วกัน
…
ไป๋ยี่เฟยที่จากไปกลับไม่ได้ไปในเมือง แต่นั่งขึ้นไปบนเรือลำนั้นที่ตอนมาเช่าเอาไว้ ให้กัปตันเรือพาเขามาถึงบนเกาะเล็กแห่งหนึ่ง
เขาขึ้นไปบนเกาะเล็ก ไป๋ยี่เฟยก็ให้พวกเขากลับไป ไม่ต้องมารับเขาอีก
และเกาะเล็กแห่งนี้ คือเกาะเล็กที่ไป๋ยี่เฟยเคยถูกเต้าจ่างตามฆ่า ตอนที่ไปช่วยลู่เหมียวเหมียวสองพี่น้องเอาไว้
ที่นี่คาดว่าคงไม่มีใครรู้เท่าไรนัก เขามาที่นี่ก็เพื่อรอตายอย่างเงียบๆ
ท่าทีของจื่ออีทำให้ใจของเขาสิ้นหวังโดยสมบูรณ์แบบแล้ว
เขานึกว่าอาจารย์คนนี้มีบุญคุณอันยิ่งใหญ่ต่อเขา ในใจยังคงเคารพนับถือ ปฏิบัติต่อเธอเป็นดั่งผู้ใหญ่ที่เคารพ แต่สุดท้ายกลับเย็นชาไร้หัวใจเช่นนี้
ตอนนี้ ในที่สุดไป๋ยี่เฟยก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเธอถึงได้อยู่ที่คลังเก็บทองที่สามมาโดยตลอด
เธอไม่ใช่เพื่อป้องกันพวกเหลียงหมิงเยว่มาขโมยคลังเก็บทองที่สาม แต่เพราะไม่กล้าเผชิญหน้ากับเขา ไม่อยากใกล้กับเขามากจนเกินไป
ไป๋ยี่เฟยคนๆนี้บนร่างกายมีออร่าที่ติดต่อคนได้มากชนิดหนึ่ง เขาสามารถทำให้คนข้างกายของเขาต่างก็ยินยอมพร้อมใจที่จะตามเขา ถึงขั้นไม่เสียดายที่จะสละชีวิตตนเอง
ไป๋ยี่เฟยเริ่มไอขึ้นมา “แค่กๆ…”
จากนั้น เขาก็ไอเลือดคำใหญ่ออกมา
เขาสามารถรู้สึกได้ถึงร่างกายของตนเองที่กำลังหมดแรงอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนแม้แต่การเต้นของหัวใจก็ยังช้าลงมา
“เร็วขนาดนี้ ก็จะตายแล้วหรอ?” ไป๋ยี่เฟยนั่งอยู่บนเกาะเล็ก มองดูทะเลที่กว้างใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุด
หลังจากความเงียบระลอกหนึ่ง ไป๋ยี่เฟยก็ถอนหายใจพร้อมเอ่ยขึ้นมาอย่างกะทันหัน “น้องสาว พี่ชายจะมาอยู่เป็นเพื่อนเธอแล้ว”
จากนั้นก็เป็นความเงียบระลอกหนึ่งอีก
ทันใดนั้น ไป๋ยี่เฟยมองเห็นบนทะเลบริเวณไกลๆมีเรือลำหนึ่งปรากฏขึ้นมา
และมองดูทิศทางของเรือลำนั้น เห็นได้ชัดว่ามาทางที่ตนเองกำลังอยู่
ไป๋ยี่เฟยไม่เคยคิดมาก่อนว่ายังจะมีคนมาถึงที่นี่ คาดว่าคงจะเป็นเรือลำที่ส่งตนเองเมื่อสักครู่นี้บอกตำแหน่งของตนเองล่ะมั้ง
เพียงแต่…
คนที่จะเดินจบเส้นทางสุดท้ายเป็นเพื่อนตนเองจะเป็นใครกันล่ะ?
เรือเข้ามาใกล้เกาะเล็กอย่างช้าๆ สุดท้ายจอดลงที่ชายฝั่ง
จากนั้นผู้หญิงคนหนึ่งก็ลงมาจากเรือ
หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยมองเห็นเธอก็ประหลาดใจเป็นอย่างมาก สุดท้ายก็คือแปลกประหลาดไปทั้งใบหน้า
ไม่นานหญิงสาวก็เดินมาถึงข้างกายของไป๋ยี่เฟย จากนั้นก็นั่งลงที่ด้านข้างของเขาเบาๆอีก
เธอหัวเราะพร้อมกับเอ่ยถาม “คุณในตอนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ล่ะ?”
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้ตอบกลับเธอ แต่ชี้ไปบนผิวน้ำทะเลพร้อมกับเอ่ย “รีบดูนั่นคืออะไร?”
หญิงสาวมองไปโดยจิตใต้สำนึกในทันที
ด้วยเหตุนี้ไป๋ยี่เฟยเล็งโอกาสอย่างดี หมัดหนึ่งกระแทกเข้าไปที่ใบหูของหญิงสาว
“ปึ้ง!”
แต่ทว่าหญิงสาวกลับไม่ได้รับบาดเจ็บ เพียงแต่เอียงศีรษะเล็กน้อย เหมือนกันกับก่อนหน้านี่
หยุนอิงใบหน้าดำมืดในทันที
และไป๋ยี่เฟยคิดไม่ถึงเลยแม้แต่น้อยว่า คนที่เจอในวินาทีสุดท้ายของชีวิตจะเป็นหยุนอิง
เมื่อก่อนพวกเขาต่างฝ่ายต่างระมัดระวังในการแข่งขันเปรียบเทียบพละกำลัง แต่ตอนนี้ไป๋ยี่เฟยกำลังจะตายแล้ว หยุนอิงก็ปล่อยความระมัดระวังลง
ถึงอย่างไรไป๋ยี่เฟยตายแล้ว ถ้างั้นโทษฐานที่จีซือถูกฆ่าก็ถือว่าเป็นจริงขึ้นมาแล้ว ไม่ว่าจะยังไง ทั่วทั้งโลกต่างก็คิดแบบนี้ ถ้างั้นไม่ว่าจีไซจะคิดยังไง ก็ทำได้เพียงเชื่อเช่นนี้
ดังนั้น หยุนอิงก็ยังคงซาบซึ้งใจไป๋ยี่เฟยมาก หลังจากที่พบกับเรือลำนั้น รู้ตำแหน่งของที่นี่ ก็เลยเข้ามาอยู่เป็นเพื่อนเขาในช่วงสุดท้าย
และเธอคิดว่าพวกเขานั้นมีมิตรภาพอยู่บ้าง แต่ในสายตาของไป๋ยี่เฟย มิตรภาพเหล่านี้ก็เป็นเพียงแค่การลองหยั่งเชิงและการหลอกใช้
ดังนั้นไป๋ยี่เฟยถึงได้ลงมือกับเธออีก
หยุนอิงโมโหมาก แม้ว่าเธอไม่ได้เป็นอะไร แต่ทุกครั้งต่างก็ถูกไป๋ยี่เฟยต่อยเช่นนี้ อีกทั้งเธอยังคงเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง นี่สามารถไม่โมโหได้หรอ?
“คุณแม่งป่วยใช่หรือเปล่า?” หยุนอิงยืนขึ้นมา ชี้หน้าไป๋ยี่เฟยแล้วตวาดด้วยความโมโห
ไป๋ยี่เฟยกลับยิ่งโมโห เพราะว่าหยุนอิงไม่เป็นไร แต่เขากลับเซ หงายไปด้านหลังทีหนึ่ง
“พรวด!” ไป๋ยี่เฟยกำลังจะเอ่ยปากพูด สุดท้ายกระอักเลือดออกมาก่อน รู้สึกเหมือนว่าเขาถูกคนต่อยยังไงอย่างงั้น หลังจากกระอักเลือดเสร็จถึงได้เอ่ยออกมาว่า “ป่วยไง ป่วยจนใกล้จะตายแล้ว”
หยุนอิงชี้หน้าไป๋ยี่เฟยอยู่ครู่หนึ่ง เดิมทีอยากจะลงมือกับเขา ลังเลอยู่ชั่วขณะถึงได้เอ่ย “นี่คุณกำลังร้องขอความตายหรอ?”
ไป๋ยี่เฟยในตอนนี้ทุกครั้งที่ลงมือ ร่างกายที่หมดแรงของเขาก็ยิ่งเพิ่มความรุนแรงขึ้น และก็ตายไวยิ่งขึ้น
หยุนอิงก็รู้จุดนี้เช่นเดียวกัน คิดดูแล้วรู้สึกว่าสู้ให้เขาตายด้วยตัวเองยังจะดีกว่า จะได้ไม่ตกเป็นความผิดว่าเธอฆ่าไป๋ยี่เฟย
“มาต่อยผมสิ!” ไป๋ยี่เฟยก็ลุกขึ้นมาเช่นเดียวกัน พูดจายั่วยุหยุนอิง
หยุนอิงอุทานเฮอะออกมาเบาๆ ไม่สนใจเขา
ไป๋ยี่เฟยเห็นท่ารู้สึกสิ้นหวังเป็นอย่างยิ่ง เอ่ยขึ้นเบาๆว่า “ตอนนี้ตาย ย่อมดีกว่ารอความตายอย่างช้าๆ”
ทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองกำลังจะตาย กลับทำได้เพียงแค่รอ นี่ทำให้คนรู้สึกหวาดกลัวยิ่งกว่าถูกคนฆ่าตายเสียอีก
หยุนอิงสองมือกอดอก สายตาวางอยู่บนน้ำทะเลอยู่ตลอด
คราวนี้แสงอาทิตย์ส่องมาทางด้านนี้พอดี ดูจากทางด้านหลัง สามารถมองเห็นเธอกำลังอาบน้ำอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ ใบหน้าที่ทางด้านข้างก็ยิ่งเพิ่มความเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา
พูดตามตรง หยุนอิงที่จริงแล้วก็หน้าตาใช้ได้
ไป๋ยี่เฟยมองดูหยุนอิงที่เป็นเช่นนี้คิดไม่ถึงว่าจะตกอยู่ในภวังค์
หลังจากได้สติกลับคืนมา ไป๋ยี่เฟยอยู่ๆก็เอ่ยกับหยุนอิงอย่างกะทันหันว่า “พวกเราทำการซื้อขายแลกเปลี่ยนกันเถอะ?”
หยุนอิงเพียงแต่หันศีรษะกลับมาช้าๆ จ้องไปที่ไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยจึงเอ่ยต่อไปว่า “ธุรกิจที่หนานเหมินในตอนนี้ได้ถูกบริษัทของผมปิดล็อกเอาไว้หมดแล้ว ปีนี้จะต้องเสียหายสาหัสอย่างแน่นอน”
“แม้ว่าพวกเราก็จะมีความสูญเสียอยู่บ้าง แต่บริษัทในเครือของผมยังรับไหว ก็คือหนานเหมินของพวกคุณที่อาจจะรับไม่ไหว”
“ตอนนี้น่ะนะ พวกเราสามารถเอนกายลง คุยกันดีๆ จากนั้นผมให้ทางบริษัทถอดถอนการลงโทษอย่างยุติธรรมที่มีต่อพวกคุณ เป็นยังไง?”
เอนกายลงกับการลงโทษที่ยุติธรรม สองคำนี้ทำให้หยุนอิงขมวดคิ้วขึ้น “พูดมาเถอะ มีเงื่อนไขอะไร?”
หยุนอิงไม่คิดว่าอยู่ๆไป๋ยี่เฟยจะเจตนาดีขึ้นมา
และที่ไป๋ยี่เฟยพูดเมื่อสักครู่นี้ก็ไม่ผิด ธุรกิจที่หนานเหมินถูกบริษัทของไป๋ยี่เฟยกดขี่ปิดล็อก ความน่าเกรงขามของสหพันธ์วรยุทธก็ลดลงไปอย่างมากมาย
ประเทศเล็กๆบางส่วนที่อยู่ในนั้นเดิมทีคือมุ่งหวังกับสหพันธ์วรยุทธ แต่สหพันธ์วรยุทธตอนนี้ธุรกิจถูกกดขี่ ตัวเองยังดูแลตัวเองไม่รอด ด้วยเหตุนี้ประเทศเล็กๆบางส่วนก็เลยเริ่มเตรียมความพร้อมที่จะเคลื่อนไหวแล้ว
หากระยะยาวต่อไป สถานะของสหพันธ์วรยุทธก็จะไม่เป็นดั่งเมื่อก่อน ไม่แน่ยังจะก่อให้เกิดการต่อต้านอิทธิพลบางอย่าง ถึงเวลาหากตนเองรับช่วงต่อขึ้นมา ไม่แน่อาจจะเป็นความวุ่นวายที่ยากต่อการเก็บกวาด
แต่อยู่ๆไป๋ยี่เฟยบอกว่าจะถอดถอนการกดขี่แบบนี้ เรื่องที่มีแต่ประโยชน์ไร้โทษสำหรับเขาแบบนี้ เธอไม่คิดว่าไป๋ยี่เฟยจะไม่มีเงื่อนไขใดๆ
ไป๋ยี่เฟยยิ้มพร้อมมองดูหยุนอิง “เงื่อนไขผมได้พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว พวกเรานอนลงพูดคุยกันเป็นยังไง?”
“คุณ!” หยุนอิงเข้าใจความหมายของเขาในชั่วพริบตา โมโหอย่างถึงขีดสุดขึ้นมาในทันที “หากไม่ใช่คุณกำลังจะตายเดี๋ยวนี้แล้ว ตอนนี้ฉันก็ฆ่าคุณได้!”
ไป๋ยี่เฟยยักไหล่เล็กน้อย “ไม่ตกลงก็ช่างเถอะ”
และหยุนอิงในตอนนี้คิดไม่ถึงว่าจะเริ่มเสริมภาพในสมองขึ้นมาอย่างประหลาด
อีกทั้งยิ่งคิดเธอก็ยิ่งรู้สึกคุ้ม
เพียงแค่ใช้ร่างกายของตัวเอง ก็สามารถแลกสถานะที่มั่นคงของสมาพันธ์วรยุทธที่หนานเหมินกลับคืนมาได้ คุ้มค่ามากจริงๆ
เพียงแต่เอาตัวเองมาเป็นเงื่อนไขการแลกเปลี่ยนเพื่อให้ได้รับสิ่งเหล่านี้ ทำให้หยุนอิงรู้สึกว่าตัวเองก็เหมือนโสเภณีที่ออกมาขายเหล่านั้น
หยุนอิงลังเลอยู่นาน ถึงได้เอ่ยถามด้วยใบหน้าที่แดงก่ำว่า “ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าคุณ…พูดจริงหรือเปล่า?”
ไป๋ยี่เฟยมองดูเธอที่หน้าแดงอย่างกับก้นลิง อดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดออกมาเล็กน้อย จากนั้นเขาก็หัวเราะพร้อมกับเอ่ย “เห็นคุณลำบากใจก็ช่างมันแล้วกัน ผมสามารถเปลี่ยนอีกเงื่อนไขหนึ่งได้”