ไป๋ยี่เฟยมาถึงริมชายฝั่ง มองทะเลออกไปไกลๆ
หลี่เสว่และหลิวเสี่ยวอิงอยู่ที่ด้านหลังของเขา
หยุนอิงก็อยู่ที่ข้างกายของไป๋ยี่เฟย เธอเอ่ย “เมื่อครู่นี้ในโทรศัพท์บอกว่ายังเหลืออีกประมาณสิบนาทีก็ถึง”
“อืม” ไป๋ยี่เฟยพยักหน้าเล็กน้อย ไม่มีสีหน้าอะไร
ไม่นานก็มีเรือลำหนึ่งขับเข้ามาทางนี้
ในสถานการณ์ที่ไม่มีแสงไฟใดๆ มีเพียงแค่แสงจันทร์อ่อนๆส่องมาบนเกาะเล็กนี้
ทะเลในบริเวณที่ไม่ไกลนัก มืดมิดราวกับน้ำหมึก
แต่สำหรับไป๋ยี่เฟยแล้ว ยังคงสว่างราวกับกลางวันแสกๆ
เรือเทียบท่าอย่างรวดเร็ว ท่านดยุกที่อ้วนจนทำให้คนพะอืดพะอมถูกคนใช้วีลแชร์ขนาดมหึมาเข็นลงมาจากเรือ
หลังจากที่ท่านดยุกลงจากเรือถึงได้เห็นไป๋ยี่เฟยและหยุนอิงยืนอยู่ด้วยกัน จากนั้นก็สังเกตเห็นเรือใหญ่สิบกว่าลำที่จอดอยู่ทางด้านนั้นอีก
สีหน้าของท่านดยุกเคร่งขรึมขึ้นมา หัวเราะเล็กน้อยพร้อมกับเอ่ย “ที่แท้คุณชายจีอิงคือสาวน้อยที่งดงามนี่เอง!”
ทุกคนต่างก็นึกว่าจีไซมีลูกชายสามคน ดูเหมือนน้อยมากที่จะมีคนรู้ว่าคุณชายรองที่จริงแล้วเป็นคุณหนูรอง
สำนักยี่เหมิงแม้ว่าจะอยู่ภายในอำนาจของสมาพันธ์วรยุทธ แต่พวกเขาก็ไม่รู้จุดนี้เหมือนกัน
หยุนอิงก็ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจกับการตกใจของท่านดยุก เพียงแต่เอ่ยขึ้นกับไป๋ยี่เฟยว่า “ส่งให้กับคุณแล้ว”
หลังจากพูดจบ หยุนอิงก็ถอยไปด้านหลัง
ท่านดยุกเห็นดังนี้ตวาดด้วยความโมโหในทันที “คุณชายรอง ผมถามตัวเองดูแล้วว่าไม่เคยล่วงเกินคุณมาก่อน ทำไมคุณต้องทำเช่นนี้กับผม?”
หยุนอิงกลับไม่ได้สนใจเขา
ก่อนหน้านี้เธอบรรลุการเจรจาต่อรองกับไป๋ยี่เฟย ดังนั้นจึงโทรศัพท์บอกท่านดยุก ให้เขามาที่นี่ปรึกษาหารือเกี่ยวกับการวางแผนเขตอิทธิพลที่หนานเหมิน ที่จริงแล้วคือหลอกท่านดยุกมา ให้ไป๋ยี่เฟยฆ่า
และลูกชายทั้งสองคนของจีไซต่างก็ตายไปแล้ว จีอิงกลายเป็นผู้สืบทอดเพียงแค่คนเดียว งั้นเขาก็จะเป็นผู้นำสมาพันธ์วรยุทธรุ่นต่อไป ดังนั้น จีอิงจะปรึกษาหารือกับเขาเรื่องการวางแผนเขตอิทธิพล ก็นึดว่าตนเองถูกให้ความสำคัญ ก็เลยมาอย่างสุขสันต์
แต่ใครจะรู้ คิดไม่ถึงว่าหยุนอิงจะยืนอยู่ด้วยกันกับไป๋ยี่เฟย
เขาเข้าใจในทันทีว่าตนเองถูกหลอกเข้ามาหาความตาย ดังนั้นเขาจึงโมโหมาก
ไป๋ยี่เฟยทนไม่ไหวไอออกมาสองสามที ทั้งยังกระอักเลือดคำใหญ่ออกมาอีก สีหน้าซีดเผือดจนอยู่ในค่ำคืนที่มืดมิดก็ดูเหมือนจะสามารถมองเห็นความสว่างเล็กน้อยออกมาได้ เขาเอ่ยขึ้นว่า “ฉันใกล้จะตายแล้ว”
“มึงตายแล้วเกี่ยวข้องอะไรกับกู?” ท่านดยุกตะคอกด้วยความโมโห
ไป๋ยี่เฟยอยู่หัวเราะขึ้นมาอย่างกะทันหัน “ความเกี่ยวข้องน่ะใหญ่มากเลย เพราะว่าฉันอยากจะพาแกไปด้วยกัน”
“บ้านมึงสิ!มึงเลิกคิด!”
ตอนที่ไป๋ยี่เฟยกำลังวางแผนให้เฟยเสว่กรุ๊ปกดขี่หนานเหมิน ดังนั้นทำให้สมาพันธ์วรยุทธต้องยอมสละท่านดยุกมาเป็นเบี้ยในการแลกเปลี่ยน กลับคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะ
ตอนนี้จุดหมายของเขามาถึงแล้ว แต่ว่าตนเองก็น้ำมันหมดตะเกียงแล้วเช่นเดียวกัน
เขาตอนนี้ถึงแม้จะแค่ยืนอยู่ก็ยังค่อนข้างที่จะกินแรง
และท่านดยุกก็ต้องเห็นแล้วเป็นธรรมดา ดังนั้นสีหน้าที่โมโหของเขาจึงค่อยๆผ่อนคลายลง ถึงขั้นยังหัวเราะขึ้นมา “ฉันนึกว่าแกมีไม้ตายอะไรเสียอีก สุดท้ายแกเองต่างก็กำลังจะตายแล้ว ยังบอกว่าคิดจะพาฉันไป แกฝันหรอ?”
“อีกทั้ง ต่อให้พละกำลังของแกไปถึงจุดสุดยอด ก็เป็นเพียงแค่ระดับหนึ่งชั้นกลาง ฉันเป็นถึงยอดฝีมือระดับหนึ่งชั้นสูง อาศัยแค่แกคิดว่าจะสามารถฆ่าฉันได้?”
ก่อนหน้านี้ตอนที่ไป๋ยี่เฟยอยู่ที่สำนักยี่เหมิงได้สังหารยอดฝีมือระดับหนึ่งชั้นสูงไปคนหนึ่ง ในตอนนั้นหลังจากที่ท่านดยุกได้เห็นถูกทำให้ตกใจมากจริงๆ แต่ต่อมาลองคิดอย่างละเอียด ก็เป็นเพียงแค่เจ้าหนุ่มคนนี้โชคดีก็เท่านั้น
หากไม่ใช่ฝ่ายตรงข้ามดูถูกคู่ต่อสู้ เขาพยายามอย่างสุดชีวิต เกรงว่าก็ฆ่าฝ่ายตรงข้ามไม่ได้
พูดถึงไป๋ยี่เฟยในตอนนี้ต่างก็กำลังจะตายแล้ว อีกทั้งตนเองก็มีบทเรียนของก่อนหน้านี้อีก ขอเพียงแค่ตนเองไม่ดูถูกศัตรู ไป๋ยี่เฟยไม่มีทางฆ่าเขาได้
แต่ทว่า ในเวลานี้ไป๋ยี่เฟยเอ่ยขึ้นว่า “ฉันฆ่าแกไม่ได้ ยังมีพวกเขา”
ในขณะที่พูด ไป๋ยี่เฟยชี้ไปยังเรือเหล่านั้นที่อยู่ด้านหลังของท่านดยุก
ท่านดยุกหยุดชะงักในทันที มองไปยังเรือแถวนั้นที่อยู่ด้านหลังของเขา
ไป๋ยี่เฟยเอ่ย “ฉันฆ่าแก พวกเขาไม่สนใจอย่างแน่นอน งั้นหากเป็นแกฆ่าฉัน พวกเขาไม่มีทางเฝ้าดูอย่างนิ่งดูดายโดยเด็ดขาด”
ตัดพวกไป๋หยุนเผิงออก จีไซคนเหล่านั้นก็ไม่มีทางยอมเช่นเดียวกัน เพราะว่าพวกเขาต้องการรอคนๆนั้น
ประโยชน์ของไป๋ยี่เฟยก็คือล่อคนๆนั้นออกมา ถ้างั้นก่อนหน้าที่ร่างกายของเขาจะถูกสูญเสียพลังจนตาย ออกมาช่วยชีวิตเขา ถ้างั้นเป้าหมายของพวกเขาก็ถึงที่แล้ว
ที่จริงแล้วพวกเขาไม่ได้ใส่ใจกับความเป็นความตายของไป๋ยี่เฟย เพราะว่าเขาก็เป็นเพียงแค่หมากตัวหนึ่งก็เท่านั้น ไม่มีแล้วก็ไม่มีแล้ว นั่นสามารถวางรูปแบบใหม่ได้
แต่ก่อนหน้าที่เขาจะตาย ก็ต้องให้ประโยชน์ของหมากตัวนี้แสดงความสามารถออกมาถึงที่สุดเป็นธรรมดา ดังนั้นพวกเขาไม่อนุญาตให้มีใครฆ่าไป๋ยี่เฟยโดยเด็ดขาด
ถึงอย่างไรไป๋ยี่เฟยหากถูกคนฆ่าตายแล้ว คนๆนั้นต่อให้มาก็ช่วยชีวิตไป๋ยี่เฟยเอาไว้ไม่ได้ ก็ไม่สามารถใช้ทักษะครึ่งหนึ่งได้เป็นธรรมดา งั้นความหวังของพวกเขาก็ล้มเหลวแล้ว
แต่ทว่าท่านดยุกกลับไม่รู้สิ่งเหล่านี้ ดังนั้นหลังจากที่ได้สติกลับคืนมาก็เลยหัวเราะขึ้น หัวเราะอย่างบ้าคลั่งเป็นพิเศษ “ฮ่าๆๆ…”
“สมองของแกพังแล้วหรอ? เรือเหล่านี้ล้วนเป็นเรือของหนานเหมิน พวกเขาจะช่วยแกคนนอกมาโจมตีคนในสมาพันธ์เดียวกันอย่างฉันคนนี้หรอ?”
ไป๋ยี่เฟยเอ่ยขึ้นอย่างไม่แยแส “งั้นก็ลองดูก็แล้วกัน”
จากนั้นเขาก็ถอดเสื้อคลุมของตนเองออกมา เผยให้เห็นเสื้อผ้าด้านในที่ใช้แผ่นเหล็กประกอบเข้าด้วยกัน
เขาปลดแผ่นเหล็กนั้นออกมา ประกอบกันเป็นดาบเล่มหนึ่งอย่างรวดเร็ว
และแผ่นเหล็กที่ประกอบกับเป็นดาบใหญ่ในคราวนี้ไม่ได้เหมือนกันกับเมื่อก่อน เพราะว่าแผ่นเหล็กเหล่านี้คือแผ่นเหล็กที่เขาขุดออกมาจากหลุมฝังศพของเมิ่งหลิน คือแผ่นเหล็กที่เมิ่งหลินสร้างขึ้นมา
และคนเหล่านั้นที่อยู่บนเรือ เห็นสภาพเหตุการณ์นี้ ดูเหมือนต่างก็ค่อยๆทยอยเดินออกจากเรืออย่างช้า
ยิ่งถึงขั้นมีคนลงจากเรือแล้ว มาถึงยังทางด้านพวกของท่านดยุก
ยังมีคนของเรือลำหนึ่งมีคนหนึ่งที่สวมหน้ากากเดินลงมา เขาตรงมายังข้างกายของท่านดยุก เอ่ยกับท่านดยุกว่า “ผู้ใหญ่มีคำสั่ง คุณไม่สามารถโจมตีได้ ทำได้เพียงป้องกัน”
พูดจบ สีหน้าของท่านดยุกก็ไม่น่าดูขึ้นมาในทันที เขาเอ่ยถามอย่างยากที่จะเชื่อ “เพราะอะไร?”
ชายสวมหน้ากากเอ่ย “นี่คือคำสั่งของผู้ใหญ่ ท้าทายคำสั่ง ไม่เพียงแต่คุณต้องตาย แม้แต่สำนักยี่เหมิงของคุณ ก็จะสูญหายไปนับแต่ตอนนี้”
ท่านดยุกถูกทำให้ตกใจจนเหวอไปในทันที
ในเวลานี้เอง ก็มีคนหนึ่งเดินเข้ามาอีก เอ่ยกับท่านดยุกด้วยเสียงที่เยือกเย็น “ตระกูลของพวกเราก็มีคำสั่ง หากคุณกล้าลงมือกับเขา นอกจากด้านบนแล้ว ยังมีตระกูลของคุณก็จะสูญหายไปจากโลกใบนี้เช่นเดียวกัน”
จากนั้นก็มีอีกคนเอ่ย “ตอนนี้คุณก็มีเพียงแค่ค่อยๆใช้ไปกับเขา รอให้เขาหมดแรงและตายไปเอง ไม่เช่นนั้น ยังไงจุดจบของคุณก็คือตาย”
“มีสิทธิ์อะไร?” ท่านดยุกคำรามออกมาด้วยความโมโห “นี่ไม่ยุติธรรมกับฉัน!”
ไป๋ยี่เฟยกลับไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้ แต่เคลื่อนไหวขึ้นมาอย่างกะทันหัน จากนั้นดวงตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นแดงก่ำขึ้นมา พลังที่อยู่ภายในร่างกายดูเหมือนถูกโยกย้ายขึ้นมาใหม่ เทียบกับก่อนหน้านี้แล้วยังจะทรงพลังมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
นี่ก็อาจจะเป็นการโจมตีครั้งสุดท้ายที่ระเบิดออกมาก่อนหน้าที่คนจะตายกระมัง
ไป๋ยี่เฟยในตอนนี้เปลี่ยนเป็นมีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างกะทันหัน ดูสภาพที่กำลังจะตายไม่ออกเลยแม้แต่น้อย เขาเอ่ยขึ้นด้วยเสียงในลำคอ “แกแม่งตอนที่ให้ลูกน้องสังหารหมู่ทั้งหมู่บ้าน ทำไมไม่คิดถึงความยุติธรรม?”
“ตู้ม!”
พูดจบคำนี้ คนราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่ที่ยิงออกไปก็ไม่ปานพุ่งไปทางท่านดยุก
ท่านดยุกดวงตาทั้งสองข้างถลึงออกมา แม้แต่หลอดเลือดดำที่อยู่บนหน้าผากก็ยังปูดขึ้น แต่เขากลับไม่กล้าออกฤทธิ์ ได้แต่ใช้กำลังมาต่อต้านการโจมตีที่รุนแรงนี้ของไป๋ยี่เฟย
“ตู้ม!”
ไป๋ยี่เฟยผ่าออกไปดาบหนึ่ง
ในขณะเดียวกัน ท่านดยุกสองมือพนมขึ้น รับดาบนี้เอาไว้ เขาตะโกนเสียงดังออกมา “ต่อให้เป็นการป้องกัน กูแม่งก็จะป้องกันจนมึงตาย!”
มือสองข้างของเขาหนีบดาบใหญ่ขอบไป๋ยี่เฟยเอาไว้ในมืออย่างแน่นหนา
หลังจากที่เห็นฉากนี้ ทุกคนทยอยกันส่ายศีรษะ
ความแตกต่างของพละกำลังไม่สามารถเอาชนะได้จริงๆ ท่านดยุกแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่การป้องกัน ไป๋ยี่เฟยก็ทำอะไรเขาไม่ได้
นับประสาอะไรกับท่านดยุกที่เป็นเพราะรูปร่างอ้วนเกินไป ส่วนมากทำได้เพียงยืนอยู่กับที่ ถ้างั้นสำหรับเขาแล้ว การป้องกันระยะใกล้ก็ยิ่งแข็งแกร่งมากกว่าคนธรรมดา
น่าเสียดาย ไป๋ยี่เฟยฆ่าท่านดยุกไม่ได้ ก็ทำได้เพียงเสียใจไปจนตายแล้ว
แต่ทว่า ในวินาทีต่อมา สีหน้าของท่านดยุกเปลี่ยนไปอย่างมหันต์
“ตู้มๆ…”
เสียงระเบิดดังต่อเนื่องหลายที แนบไปด้วยพลังที่แข็งแกร่ง ทะลักไปยังท่านดยุก
ผลลัพธ์ของการผ่าไปหนึ่งดาบนี้ ก็เหมือนกับการผ่าออกไปหลายสิบดาบ
ด้วยขนาดรูปร่างของท่านดยุก ปกติเดินก็ยังต้องอาศัยคนพยุง แต่ตอนนี้เขากลับถูกบีบจนถอยไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว ขาทั้งสองข้างถอยไปข้างหลังด้วยความรวดเร็วถึงขีดสุด คล่องตัวกว่าเมื่อก่อนไม่น้อย
จากนั้นเขาก็ยันพลังอันแข็งแกร่งที่พุ่งเข้ามาไม่ไหว มือทั้งสองข้างเปิดออกอย่างกะทันหัน จากนั้นคนทั้งคนก็ล้มนั่งไปกับพื้นในทันที