เยว่พยักหน้าอย่างราบเรียบ
ต่อจากนั้น หนึ่งคนในเรือก็เดินออกมา
หลังจากที่ไป๋หยุนเผิงเห็นคนคนนั้น หัวใจก็เต้น และรีบพูดกับลูกน้องว่า: “รีบออกเรือ!”
ไป๋หยุนเผิงไม่มีทางเลือก คนแดนนี้อย่างพวกเขาต่อสู้กันขึ้นมา ไม่ใช่ว่าคนธรรมดาอย่างพวกเขาจะสามารถทนทานได้ และหลังจากที่ไป๋ยี่เฟยฟื้นขึ้นมา คงจะไม่มีทางนิ่งดูดายอย่างแน่นอน ถึงเวลานั้น ช่วยไปก็เสียเปล่าไม่ใช่เหรอ?
เรือที่พวกเขาอยู่นั้น ก็มีเพียงเรือลำนั้น ที่ค่อยๆออกจากชายฝั่ง
……
คนที่เดินออกมาจากบนเรือก็คือซินชิว
เขายืนอยู่บนดาดฟ้า เขามองดูเยว่ที่หัวขาว และเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย “ศิษย์น้อง ไม่เจอกันนานจริงๆ!”
เยว่ยืนอยู่บนชายฝั่ง มองดูซินชิวอย่างราบเรียบ ท่าทางไม่ได้ตื่นตระหนกแม้แต่น้อย ถึงขนาดยังจองหองมากขึ้นอย่างที่ซินชิวไม่มี เขาพูดว่า: “จอมปลอมจริงๆ!”
ซินชิวไม่สนใจแม้แต่น้อย เขายิ้มเล็กน้อยและพูดว่า: “ศิษย์น้องหลายปีมานี้ไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหนมา?”
“ซ่อนเหรอ?”น้ำเสียงของเยว่ดูเหมือนค่อนข้างจะเยาะเย้ย
ในเวลาเดียวกัน ดูเหมือนเขาจะนึกถึงความทรงจำหลายสิบปี มุมปากก็มีรอยยิ้มจางๆ ในเวลาเดียวกันก็เผยให้เห็นความเสียใจเล็กน้อย
ในช่วงหลายสิบทศวรรษที่ผ่านมาเขาแต่งงานมีภรรยามาทั้งยี่สิบคน บางคนเสียชีวิตด้วยโรคภัยไข้เจ็บ บางคนแก่ตัวลงก็รู้สึกว่าไม่คู่ควรก็จากไป ยังมีบางคนนอกใจ และบางคนอยู่กับเขาจนเสียชีวิตด้วยวัยชรา
เมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุดของเขา มีภรรยาทั้งหมดห้าคนพร้อมกันในเวลาเดียวกัน เป็นผู้ชายมีบุญวาสนาดีที่มีภรรยาหลายคนจริงๆ
หลายปีที่ผ่านมานี้เขาเป็นเพราะคำมั่นสัญญาบางอย่าง เปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนามไม่ให้คนอื่นรู้อยู่ตลอด เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง เคยเป็นข้าราชการ เป็นลูกจ้าง ยังเคยเป็นเจ้านาย โดยรวมแล้วงานอะไรเขาแทบจะเคยทำมาหมด
และทั้งหมดที่เขาทำเพื่อเฝ้าดูแลคลังเก็บทอง เพื่อไม่ให้มันถูกโอนไปเป็นของเอกชน
สิ่งนี้เพราะว่ามีเยว่อยู่ ซินชิวพวกเขาถึงทำได้เพียงเป็นผู้คุ้มครองคลังเก็บทองอย่างว่าง่าย เพราะพวกเขาไม่มีใครที่สามารถเอาชนะเขาได้
และเหตุผลที่พวกเขาไม่กล้าครอบครองคลังเก็บทองไว้แต่เพียงผู้เดียว ทั้งหมดเป็นเพราะเยว่อยู่ในด้านนี้มีอำนาจอิสระที่ฆ่าได้ และไม่มีใครกล้าเสี่ยง
ดังนั้นสถานการณ์ในวันนี้ก็ตั้งใจวางแผนขึ้นมาพุ่มเป้าหมายไปยังเยว่โดยเฉพาะ
หลังจากที่พลังสายเลือดของไป๋ยี่เฟยระเบิด ซินชิวและจื่ออีก็จัดเตรียมการทุกอย่าง และทั้งหมดนี้เพื่อส่งเสริมความก้าวหน้าของไป๋ยี่เฟย
ความก้าวหน้าและการเติบโตอย่างรวดเร็วของเขาจะทำให้เยว่ให้ความสนใจเขา และในเวลาเดียวกันก็เป็นเพราะผลข้างเคียงของพลังสายเลือดที่เติบโตของเขา ทำให้เกิดสถานการณ์การเสียชีวิตในวันนี้
และพวกเขาต่างก็รู้ว่า เยว่เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความผูกพัน ดังนั้นหลังจากที่เขาให้ความสนใจกับไป๋ยี่เฟย ก็มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะช่วยไป๋ยี่เฟย
ซินชิวบอกว่าหลายปีนี้เยว่ซ่อนตัว ที่จริงไม่ใช่แบบนั้น
เยว่ไม่ได้ซ่อนตัว ตรงกันข้ามกัน เขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และใช้ชีวิตอย่างอิสระมากกว่าซินชิวพวกเขา
ต่อจากนั้นก็เปลี่ยนคำพูดว่า: “ใช่ซ่อนตัวอยู่ ซ่อนอยู่ในโลก”
ซินชิวขมวดคิ้วในทันที
เยว่ก็พูดอีกว่า: “โลกมนุษยดีกว่าสวรรค์ และดีกว่านรก!”
สีหน้าของซินชิวดูไม่ดีในทันที
เพราะว่าเขาฟังเข้าใจแล้วว่า สิ่งที่เยว่พูดคือพวกเขาใช้ชีวิตอยู่ในสวรรค์และนรกที่ตัวเองจินตนาการเอง
เยว่กลับยิ้มเล็กน้อย และพูดว่า: “ตอนนี้พี่น่าจะยังเป็นผู้ชายบริสุทธิ์อยู่ใช่มั้ย? เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมาย คุ้มค่ามั้ย?”
“พี่ดูฉัน ตอนนี้ฉันมีลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมือง ความสนุกอะไรฉันก็ได้ลิ้นลองมาทั้งหมดแล้ว ไม่เหมือนพี่ ขนาดสิ่งยอดเยี่ยมที่สุดในโลกก็ไม่เคยลิ้นลองด้วยซ้ำ”
แม้ว่าสีหน้าของซินชิวจะดูไม่ดี ยังฝืนใจถามประโยคหนึ่ง: “งั้นนายรู้สึกยังไง?”
“ดีมาก”หลังจากที่เยว่ตอบด้วยรอยยิ้มเสร็จยังกอดหยู่โม่ไว้ในอ้อมแขน และจูบเธอ
เมื่อซินชิวเห็นสิ่งนี้สีหน้าไม่พอใจอย่างกะทันหัน และพูดอย่างเย็นชาว่า: “ในเมื่อเป็นแบบนี้ แกก็ควรไปตายซะ!”
ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายคนไหน โดนพูดว่าเป็นผู้ชายบริสุทธิ์ ก็กลัวว่าในใจจะไม่มีความสุข
และสำหรับคำพูดของซินชิว เยว่ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย แต่กลับพูดกับคนบนเรืออีกลำแทน: “ศิษย์พี่ก็ออกมาเถอะ”
จากนั้นจื่ออีก็เดินออกมาจากในเรือลำนั้น
หลังจากที่จื่ออีเห็นเขา พูดอย่างราบเรียบว่า: “ศิษย์น้อง ไม่กันนานนะ”
หลังจากที่เห็นจื่ออี ดวงตาทั้งสองของเยว่ก็เปล่งประกาย“ศิษย์พี่ยังสวยเหมือนเดิมเลยนะ!”
จื่ออีไม่ได้เอ่ยปาก หยู่โม่ก็เขม็งตาใส่จื่ออีอย่างกะทันหัน ต่อจากนั้นก็ดึงแขนเสื้อของเยว่ และถามว่า: “คุณกับเธอเป็นอะไรกัน?”
เมื่อเยว่เห็นว่าน้ำเสียงของเธอไม่ดี รีบพูดอธิบายว่า: “เธออย่าคิดไปไกล ไม่ใช่แบบที่ฉันชอบ”
และในเวลานี้ จื่ออีมองดูเยว่ที่ผมหงอกเต็มหัว พูดอย่างราบเรียบว่า: “แต่นายแก่แล้ว”
“ฉันแก่แล้วเหรอ?”เยว่ลูบผมหงอกที่เต็มหัวของตัวเอง และหันหน้าไปถามหยู่โม่
หยู่โม่มองดูเขาอย่างปวดใจมาก ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า“ไม่แก่ เพียงแต่สีผมเปลี่ยนไปเท่านั้นเอง”
เมื่อเยว่ได้ยินก็พยักหน้าอย่างสบายใจ“งั้นก็ดี”
“น่าขยะแขยงจริงๆ!”จื่ออีมองดูพวกเขาแสดงความรักกัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความรังเกียจ
เยว่ยิ้มและพูดอย่างเยาะเย้ยว่า: “นี่ศิษย์พี่หึงเหรอ?”
“แกพูดบ้าอะไร!”จื่ออีโกรธจัด
จะว่าไป แม้ว่าเยว่จะเป็นคนธรรมดามาตลอด แต่ที่จริงแล้วมีเพียงจื่ออีเท่านั้นที่ใช้ชีวิตเหมือนคนจริงๆ เพราะเธอยังมีอารมณ์ความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป เธอไม่ซ่อนเร้นอารมณ์ของตัวเอง
แต่เยว่ เขายังคงรักษาท่าทางการวางตัวและท่าทางที่โอหังอวดดีของตัวเองไว้อยู่เสมอ แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเหตุผลยิ่งใหญ่อะไร แต่เป็นเพราะสะดวกในการจีบสาวเท่านั้นเอง
เยว่มองดูจื่ออี จากนั้นก็มองไปที่ซินชิว และถอนหายใจ: “เมื่อหลายปีก่อน ฉันเคยสารภาพกับเธอ แต่ถูกปฏิเสธ เพราะเธอในสายของฉันก็เพียงท่อนไม้นั้น”
เยว่กำลังอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสามคนอย่างเรียบง่ายให้หยู่โม่
หลังจากที่หยู่โม่ฟังจบพูดอย่างโกรธจัด: “เดี๋ยวฉันมาสู้กับเธอเอง”
เหตุผลที่เธอโกรธมีสองประการ ประการแรกเป็นเพราะผู้ชายของตัวเองเคยสารภาพกับผู้หญิงอื่น ยิ่งไปกว่านั้นยังถูกปฏิเสธ อีกเหตุผลหนึ่งเป็นเพราะว่า ระหว่างการสารภาพรักของพวกเขาสองคนคือเธอ
เยว่พยักหน้าก่อน ต่อจากนั้นก็ส่ายหน้า: “ยังขาดอีกหนึ่งคน”
“หา?”หยู่โม่กำลังมึนงง
มีคนเดินออกจากเรืออีกลำหนึ่ง
เป็นชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะอายุประมาณห้าสิบปี รูปร่างของเขาสูงใหญ่ สีหน้าดำคล้ำ และความรู้สึกที่เขาให้กับคนก็คือความหม่นหมองที่เยือกเย็น
หลังจากที่เขาเดินออกมาก็เรียกเยว่: “ศิษย์น้อง”
“ศิษย์พี่เทียนฉี”เยว่ก็ตอบกับเช่นกัน
คนที่มาเป็นคนหนึ่งที่ลึกลับที่สุดในห้าคน คือเทียนฉี
เขาหายไปในโลกเหมือนเยว่ แต่เขากับเยว่ไม่เหมือนกัน เขาไม่มีตำแหน่ง และก็ไม่เคยมีคำมั่นสัญญาอะไร เขาอิสระไม่มีข้อผูกมัดมากกว่าเยว่
ต่อจากนั้น เยว่ก็ถามว่า: “ศิษย์พี่เฮงอีล่ะ? ก็ขาดเขาแค่คนเดียวแล้ว”
ห้าคนที่เคยได้พบกับท่านผู้สูงส่งก็คือเยว่ซินชิวกับจื่ออีเฮงอีและเทียนฉี
ซินชิวพูดอย่างราบเรียบว่า: “เขาไม่มา”
หมายความว่าเขาไม่ได้มีส่วนร่วมในแผนการนี้
เยว่พยักหน้าแสดงว่ารู้แล้ว ก็ถามพวกเขาว่า: “ในเวลาแบบนี้ พวกพี่จะฆ่าศิษย์น้องอย่างฉันจริงๆเหรอ?”
ซินชิวพูดว่า:“พวกเรารอมาหลายปีแล้ว”
เทียนฉีพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “โอกาสหาพบได้ยากมากในชีวิต”
จื่ออีไม่ได้พูดอะไร
เยว่กลับถามด้วยรอยยิ้ม: “งั้นพวกพี่คิดว่าจะฆ่าฉันได้รึยัง?”
เทียนฉีแสยะยิ้มแล้วพูดว่า: “นายใช้พลังครึ่งหนึ่งของนายไปช่วยหมอนั่น ตอนนี้จะฆ่านาย จัดการได้ง่ายดายมาก!”
เยว่ยิ้ม
เขาพูดว่า: “พวกพี่คิดว่าฉันไม่มีพลังครึ่งหนึ่งก็สามารถฆ่าฉันได้แล้วจริงๆเหรอ?”
“ลองดูก็รู้แล้ว!”
เทียนฉีเป็นคนที่ใจร้อนที่สุดในสามคน ดังนั้นทันทีที่คำพูดของเยว่ลดลง เขาก็แทบรอไม่ไหวที่จะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาเดียวก็มาถึงตรงหน้าของเยว่
หยู่โม่ตกใจในทันที
ในเวลาเดียวกัน เยว่กอดเอวของหยู่โม่ไว้ และถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว
หมัดนั้นของเทียนฉีชกไปที่โขดหินบนพื้นโดยตรง
“ตูม”ดังมาหนึ่งเสียง โขดหินระเบิดแตกกระจายไปทั่ว