แต่ที่มุมปากของเขามีเลือดออก บนร่างกายมีบาดแผลมากมายที่ทำให้คนตกใจ และร่างกายส่วนบนทั้งหมดของเขา ถูกห่อด้วยผลึกน้ำแข็งแล้ว
อันที่จริงแล้วเยว่สามารถที่จะถอยได้ เกิดเขาถอยไป คนที่ซินชิวโจมตีโดนก็คือหยู่โม่ที่อยู่ข้างหลังของเขา
ดังนั้นที่ตัวของเขาสามารถที่จะต่อต้านกับทั้งสามคนได้อย่างกะทันหัน แบกรับการโจมตีทั้งหมดของพวกเขาไว้
หยู่โม่ตกใจมาก ดึงสติกลับมาได้ก็รีบประคองเยว่ไว้“คุณเป็นไงบ้าง?”
หลังจากที่ทั้งสามคนที่ถูกสะท้านกระเด็นก็ลุกขึ้นมาต่างก็กระอักเลือดคำใหญ่
คนที่ได้รับบาดเจ็บมากที่สุดคือซินชิว เขาเผชิญหน้าปะทะกับเยว่ตรงๆ โดนเยว่ต่อยหนึ่งหมัด
ต่อจากนั้นถึงเป็นจื่ออีและเทียนฉี ถึงกระนั้น ร่างกายของพวกเขาก็โอนเอนไปมาในขณะนี้ ขนาดยืนก็ทรงตัวไม่อยู่
พลังของแดนเหนือเทพยุทธ์นั้นเหลือทนสำหรับคนธรรมดา ต่อให้จะอยู่ในระดับเดียวกัน ก็ไม่กล้าแบกการโจมตีของคู่ต่อไว้อย่างกะทันหัน
ดังนั้นผลสุดท้ายก็คือบาดเจ็บด้วยกันทั้งคู่
นี่เป็นสถานการณ์ที่เหลียงหมิงเยว่และจีไซเห็น
ดังนั้นเมื่อพวกเขาเห็นฉากนี้ ต่างก็สั่นเทาเล็กน้อยด้วยความตื่นเต้น
ในเวลาเดียวกัน ข้างหลังก้อนหินก้อนใหญ่ที่อยู่ไกลออกไป ก็ยังมีคนซ่อนอยู่หนึ่งคน คือหยุนอิง
ความแข็งแกร่งของตัวเธอเองก็แค่ก้าวเข้าสู่แดนเทพยุทธ์ครึ่งขา ไม่ได้ถือว่าอ่อนแอ แต่เมื่อเธอเห็นการต่อสู้ในแดนเหนือเทพยุทธ์ ถึงได้รู้ว่าความแข็งแกร่งของตัวเองก็ยังไม่เท่าไหร่
เธอยากที่จะจินตนาการได้จริงๆว่า พลังของคนคนหนึ่งกลับสามารถแข็งแกร่งพอที่จะควบคุมสิ่งของในอากาศได้ แล้วก็เปลี่ยนเป็นไฟและน้ำแข็ง
สิ่งนี้ทำให้เธอตกใจมากเกินไป
และในเวลานี้ ก็มีคนเข้าร่วมการต่อสู้นี้อีก
ทั้งสามลงมาจากบนเรือลำหนึ่ง
นอกจากเหนือจากเหลียงหมิงเยว่และจีไซ ยังมีชายชราที่หลังค่อมคนหนึ่ง
หยู่โม่มองดูพวกเขาอย่างระมัดระวัง
ที่มุมปากของเยว่ยังคงมีเลือดออกอยู่ ถ้าหากไม่ใช่หยู่โม่ประคองเขา เกรงว่าเขาก็ยังทรงตัวไม่อยู่ ในเวลานี้เขาไม่มีพลังมากพอที่จะลงมืออีกแล้ว
ซินชิวทั้งสามคนก็ยืนโอนเอนไปมาอยู่ข้างๆ ดูท่าทางก็เหมือนกับว่าจะไม่มีพลังมากพอที่จะลงมือแล้ว
พวกเขาทั้งห้าคน มีเพียงหยู่โม่เท่านั้นที่ไม่ได้รับผลกระทบ
ในเวลานี้ เหลียงหมิงเยว่และจีไซเดินเข้ามา คำนับให้ซินชิว“อาจารย์”
ซินชิวมองไปที่พวกเขาอย่างราบเรียบ ไม่ได้ขานรับ
เหลียงหมิงเยว่ยืนตัวตรง และพูดว่า: “อาจารย์ ตอนนี้ตั๊กแตนจับจักจั่นนกขมิ้นอยู่ด้านหลังหรือเปล่า?”(สำนวนนี้หมายความว่าเอาแต่จ้องจะคิดบัญชีกับผู้อื่นโดยลืมไปว่าตนเองก็อาจจะกำลังถูกผู้อื่นจ้องจะคิดบัญชีเช่นกัน)
จีไซพูดด้วยรอยยิ้ม: “อันที่จริงพวกเราก็คาดเดาแผนการของอาจารย์ได้มาไม่นานนี่เอง แต่ว่าอาจารย์น่าจะรู้แผนการของพวกเราตั้งนานแล้วใช่มั้ย?”
“อยู่ในสถานการณ์ที่รู้แล้วยังคงดำเนินการต่อไป ดูเหมือนว่าอาจารย์จะไม่ได้ให้ความสำคัญกับพวกเราเลยนะ?”
“แต่ว่า สถานการณ์ตอนนี้ชัดเจนมากแล้ว พวกเราต่างหากที่เป็นนกขมิ้นที่แท้จริง”
ชายชราที่หลังค่อมก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ยิ้มให้กับคนเหล่านี้
สีหน้าของเทียนฉีไม่พอใจเป็นอย่างมาก“พวกแกอยากจะทำอะไร?”
“แหวะ!”
ทันทีที่พูดจบ ควบคุมไม่ได้อย่างหนัก กระอักเลือดหนึ่งคำ
เหลียงหมิงเยว่มองไปที่เขาแล้วว่า: “แน่นอนว่าส่งผู้อาวุโสทุกท่านไปตาย ต่อจากนั้นพวกเราสามคนมาแบ่งคลังเก็บทองอย่างเท่าเทียมกัน”
“แกอย่าได้คิด!”เทียนฉีโกรธจัด
เงินและอำนาจเป็นความปรารถนาที่ไม่อาจลบล้างของผู้คนตลอดมา เหลียงหมิงเยว่พวกเขาก็อยากจะยึดครองคลังเก็บทอง และฆ่าผู้คุ้มครองคลังเก็บทองเหล่านี้ทิ้ง
ซินชิวพวกเขาก็ต้องการครอบครองคลังเก็บทอง ดังนั้นพวกเขาต้องการฆ่าเยว่ที่คุกคามพวกเขา
ต่างคนต่างอยากฆ่ากัน สุดท้าย เป้าหมายก็เพียงแค่อยากจะยึดครองคลังเก็บทองเท่านั้นเอง
เทียนฉีและคนอื่นๆก็ย่อมโกรธเป็นธรรมดา แต่ตอนนี้พวกเขาไม่มีกำลังในการต่อสู้แล้ว
เยว่และพวกเขาบาดเจ็บด้วยกันทั้งคู่ เหลียงหมิงเยว่พวกเขากลายเป็นนกขมิ้นที่เก็บเกี่ยวสุดท้าย
“ตูม!”
เทียนฉีเมื่อกี้นี้ยังแผดเสียงคำรามด้วยความโกรธ ก่อให้เกิดการโจมตีชายชราหลังค่อม
แต่ว่าในชั่วพริบตาเดียวก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าของเขา ชกไปหนึ่งหมัด ท่าทางของเทียนฉีเคร่งขรึม และก็ชกออกไปหนึ่งหมัดด้วยเช่นกัน
แต่สิ่งที่น่าเสียดายคือ ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในสภาพชั้นยอดสุด แต่ได้รับบาดเจ็บสาหัส หมัดนี้ของเขายังไม่ทันได้ชกไปที่บนตัวของชายชราหลังค่อม ตัวเองก็ทนไม่ไหวกระอักเลือดคำใหญ่
ต่อจากนั้น กำปั้นของชายชราหลังค่อมกระแทกไปบนตัวของเขา และต่อยคนจนกระเด็นออกไป
“ผลัวะ!”
หลังจากที่เทียนฉีล้มลงอยู่บนพื้น ก็ไม่สามารถลุกขึ้นได้อีก
ในเวลานี้ จู่ๆซินชิวก็เอ่ยปากพูดว่า: “ฉันรู้แผนการของพวกแกตั้งนานแล้วจริงๆ แต่ไม่ใช่ว่ามั่นใจเกินไปเลยไม่ได้ให้ความสำคัญกับพวกแก”
“เพราะว่าฉันอยากจะฆ่าพวกแก ง่ายดายเกินไป โอกาสก็มากเกินไป แต่ว่า…..”
จู่ๆซินชิวก็ส่ายหน้ายิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูดว่า: “พวกแกเป็นลูกของฉันนะ!”
ทันทีที่พูดจบ เหลียงหมิงเยว่และจีไซอดไม่ได้ที่จะนิ่งอึ้ง
พวกเขานึกถึงครั้งก่อนตอนที่ร่วมมือกันขึ้นภูเขาไปฆ่าซินชิวพร้อมกัน ซินชิวเหมือนกับต้อนรับลูกกลับบ้านจริงๆ และเชิญพวกเขาดื่มชา
เมื่อนึกถึงฉากนั้น ตอนนี้ทั้งสองคนดูเหมือนจะค่อนข้างทนไม่ได้แล้ว
แม้แต่ผู้ที่มีความผิดบาปจนไม่น่าให้อภัย ก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกความรักในครอบครัวผูกมัด เนื่องจากท้ายที่สุดนี่ก็เป็นสิ่งที่ตราตรึงอยู่ในกระดูก
ชายชราหลังค่อมมองดูพวกเขาแสดงสีหน้าท่าทางที่ลังเลออกมา อดไม่ได้ที่จะพูดเตือนว่า: “สองท่าน ในเวลานี้พวกคุณคงจะไม่เปลี่ยนใจใช่มั้ย?”
“นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากและมีค่ามาก พลาดไปก็ไม่มีแล้ว ถึงเวลานั้นพวกคุณก็ถูกพวกเขาบดขยี้จนตายไปตลอดชีวิต ไม่แน่อาจจะถูกพวกเขามาฆ่า!”
ทันทีที่พูดแบบนี้ ท่าทางของทั้งสองคนเคร่งขรึม จากนั้นในดวงตาก็ประกายแสงความแน่วแน่มากขึ้น
จีไซกัดฟันพูดว่า: “อาจารย์ ผู้ที่กระทำการใหญ่ ไม่ใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อย ผมถึงขนาดสูญเสียชีวิตของลูกชายไปแล้ว นับประสาอะไรกับเป็นอาจารย์!”
หลังจากที่เขาพูดจบก็จะลงมือกับซินชิว
ในเวลานี้ ร่างผอมบางคนหนึ่งวิ่งมาจากระยะไกล ยืนอยู่ตรงหน้าของซินชิว และพูดว่า: “หยุดเดี๋ยว! นายต้องการจะฆ่าอาจารย์จริงๆเหรอ?”
เมื่อเห็นฉีฉีวิ่งออกไปอย่างกะทันหัน ทุกคนต่างก็นิ่งอึ้ง
ไม่ใช่เพราะกำลังการต่อสู้ปรากฏเพิ่มหนึ่งคน แต่เป็นเพราะคาดไม่ถึงว่า ตอนนี้ฉีฉีเป็นแค่ความแข็งแกร่งระดับที่สอง สำหรับพี่ใหญ่อย่างพวกเขาเหล่านี้แล้ว อ่อนแอเกินไปจริงๆ
แต่เธอกลับพุ่งออกมา ขวางอยู่ข้างหน้าของซินชิว
ฉีฉีดูเหมือนจะไม่กลัวพวกเขาแม้แต่น้อย ยังชี้ไปที่เหลียงหมิงเยว่และจีไซด่าทอเสียงดัง: “พวกนายเป็นเดรัจฉาน! เป็นอาจารย์หนึ่งวัน เปรียบดั่งเป็นพ่อชั่วชีวิต พวกนายกลับต้องการจะฆ่าอาจารย์!”
“เมื่อก่อนอาจารย์เคยพูดถึงพวกนายบ่อยๆ ยังให้ฉันฝึกฝนตามพวกนายด้วย แล้วยังไงล่ะ?”
“พวกนายก็เป็นแค่เดรัจฉานเนรคุณ ไอ้อกตัญญู!”
“นายคือเหลียงหมิงเยว่ใช่มั้ย? นายเป็นศิษย์พี่ของฉัน แต่ฉันไม่เคยเจอนายมาก่อน รู้จักว่านายเป็นเพราะว่าฟังอาจารย์พูดถึงทุกครั้ง เขาจะวางชุดน้ำชาบนโต๊ะในวันที่สามของเดือนกรกฎาคมของทุกปี ต่อจากนั้นชงชาโสมหนึ่งกา”
ในใจของเหลียงหมิงเยว่หวั่นไหวเล็กน้อย
คนอื่นไม่รู้ แต่เขารู้
สี่สิบปีที่แล้ว ในวันที่สามของเดือนกรกฎาคม เป็นวันที่เขาไหว้ซินชิวเป็นอาจารย์ และก่อนหน้านั้น เขาเกือบเสียชีวิตเพราะโรคหัวใจ
แม้แต่เป็นตอนนี้ โรคหัวใจของเขาก็ไม่หายขาด
และตอนนั้นที่ซินชิวให้เขาดื่มชาโสมทุกวัน ก็เป็นเพราะชาแบบนี้ดีต่อหัวใจ
และตอนที่เขาฝึกฝนบางอย่างสำเร็จก็จะจากไป ซินชิวก็อาลัยอาวรณ์ เพราะเขาเป็นลูกศิษย์คนแรกของซินชิว แต่ว่าเขาไม่ห้ามการจากไปของลูกศิษย์ของตัวเอง
ตอนนั้นเขาพูดเพียงว่า: “ถ้าคิดถึงอาจารย์ ให้กลับมาเยี่ยมในวันที่สามของเดือนกรกฎาคมทุกปีนะ”
เขาคิดว่าซินชิวเพียงแค่พูดเท่านั้น คาดไม่ถึงว่า ซินชิวจะรอเขาทุกปีจริงๆ
เขาไม่เคยกลับไป
ครั้งเดียวที่กลับไป ก็คือตอนที่เขาขึ้นภูเขาไปกับจีไซเพื่อฆ่าซินชิวในครั้งนั้น
หลังจากที่ฉีฉีว่าเหลียงหมิงเยว่เสร็จ ก็หันหน้าไปว่าจีไซ“นาย! นายก็เหมือนกัน! สิบแปดเดือนกุมภาพันธ์ นายยังจำได้มั้ย? ในวันนั้นของทุกปี อาจารย์ก็จะทำผัดหมูสองไฟหนึ่งจาน!”
จีไซก็นิ่งอึ้ง
“อาจารย์บอกว่านายชอบกินผัดหมูสองไฟที่สุด เขาบอกว่า ตอนนั้นนายเกือบจนอดตาย วันนั้นที่เก็บนายกลับมา ก็ทำผัดหมูสองไฟให้นาย”
จีไซก้มหน้าลง ในหัวก็นึกย้อนถึงความทรงจำในตอนนั้น