บทที่ 110
หลี่ต้าไห่โมโหมาก “นายกำลังพูดเพ้อเจ้ออะไรอยู่? ใครบอกให้นายทำเรื่องพวกนี้?”
นายท่านหลี่ขมวดคิ้วขึ้น “หลี่ฝาน ทำแบบนี้ไม่เหมาะสมจริงๆ และไม่ถูกต้องตามกฎกติกา”
หลี่ฝานเหลือบมองนายท่านหลี่ จากนั้นพูดขึ้นด้วยท่าทางเหี้ยมโหด : “ตอนนี้ผมเพิ่งเป็นประธานของหลี่ซื่อ ผมพูดอะไรก็ต้องเป็นอย่างนั้น พวกคุณไม่ยอมรับก็ต้องยอมรับ ห้ามโต้เถียงใดๆทั้งนั้น”
“ถ้าพวกคุณมีใครไม่เห็นด้วย ผมก็ไม่ถือสาที่จะไล่คุณออกจากตระกูลหลี่!”
“แก!” หลี่ต้าไห่โกรธจนตบหน้าเขาอย่างเต็มแรง
หลี่ฝานอดทนรับแรงตบจากเขา จ้องหน้าหลี่ต้าไห่ด้วยความเคืองแค้น
“คุณกล้าตบประธาน?”
หลี่ต้าไห่ไม่พอใจ “ฉันตบแกแล้วจะทำไม? ฉันตบลูกชายของตัวเอง ไม่ใช่ประธาน!”
“ที่นี่คือห้องประชุม ไม่มีความสัมพันธ์แบบพ่อลูก มีแต่ประธานกับพนักงาน!” หลี่ฝานพูดพลางจ้องตาเขม็ง
หลี่ต้าไห่โมโหจนไม่มีท่าทางจะใจเย็นลง นิ้วมือที่ชี้ไปหาหลี่ฝานสั่นเทา ตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก
นายท่านหลี่เห็นเหตุการณ์ในตอนนี้รู้สึกเสียใจภายหลัง
ยกตำแหน่งประธานให้หลี่ฝาน คือเรื่องถูกหรือผิดกันแน่?
ขณะเดียวกัน มีผู้ช่วยคนหนึ่งเดินเข้ามา พูดกระซิบด้วยเสียงแผ่วเบาข้างหูนายท่านหลี่
นายท่านหลี่เหลือบมองหลี่ฝาน ถอนหายใจพูดขึ้น : “ฉันออกไปข้างนอกสักครู่ พวกเธอประชุมกันต่อ”
ห้องประชุมนายท่านหลี่ หลี่เสว่รู้สึกกระวนกระวายใจ
ไป๋ยี่เฟยจับมือของหลี่เสว่ไว้แน่น พูดกับหล่อน : “ไม่ต้องกังวล วันนี้ฉันมาในนามตัวแทนของโหวจวี๋กรุ๊ปเพื่อเข้าซื้อกิจการหลี่ซื่อ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ”
นายท่านหลี่ผลักประตูห้องทำงานเข้ามา หัวเราะและพูดขึ้น : “ประธานโหวจวี๋กรุ๊ป ให้คุณรอนานเลยนะ…”
ยังพูดไม่ทันจบ เหลือบไปเห็นไป๋ยี่เฟยและหลี่เสว่ เขาหุบยิ้มลงทันที พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา : “พวกแกมาทำอะไรที่นี่? ออกไป!”
หลี่เสว่กับไป๋ยี่เฟยลุกขึ้น เรียกขาน “คุณปู่”
นายท่านหลี่กระแอมด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ และไม่ตอบรับต่อคำเรียกขาน “คุณปู่”
เหตุการณ์นี้ทำให้หลี่เสว่รู้สึกเสียใจขึ้นมาทันที
ไป๋ยี่เฟยจับมือของหลี่เสว่ไว้ เอ่ยปากพูด : “ผมมาเพื่อเจรจาเรื่องซื้อกิจการกับท่าน”
นายท่านหลี่พูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดอีกครั้ง “เจรจาซื้อกิจการ? นายยังไม่มีสิทธิ์คุยเรื่องนี้! มีเพียงประธานของโหวจวี๋กรุ๊ปเท่านั้นที่คู่ควรและเหมาะสมจะคุยเรื่องนี้! ตอนนี้ พวกแกออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!”
“คุณปู่…” หลี่เสว่อยากพูดบางอย่างต่อ จะได้พูดโน้มน้าวท่านด้วย แต่กลับถูกนายท่านหลี่ตะคอกใส่เสียก่อน
“ฉันบอกให้พวกแกออกไป ไม่ได้ยินหรือไง?” นายท่านหลี่มองทั้งสองด้วยสายตาโมโห “หึ อยากจะอยู่ดูเรื่องน่าตลกอับอายของตระกูลหลี่ของเรา? ฉันบอกพวกแกให้ ยังไม่ถึงคราวพวกแกหรอกนะ!”
สีหน้าของหลี่เสว่ซีดขึ้นมาทันที ไม่เพียงเพราะนายท่านหลี่โมโห แต่ยังเป็นเพราะคำว่า “ตระกูลหลี่ของเรา”
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย ดึงหลี่เสว่ไปไว้ด้านหลังของตัวเอง “คุณปู่ครับ ผมเรียกท่านว่าคุณปู่เพื่อเป็นการแสดงความเคารพผู้ที่อาวุโสกว่า แต่คุณปู่ก็ไม่ควรใช้ความอาวุโสข่มผู้น้อยใช่ไหมครับ?”
“แก! แกว่ายังไงนะ?” นายท่านหลี่โกรธจนเป็นฟืนเป็นไฟ
หลี่เสว่ดึงแขนเสื้อของไป๋ยี่เฟย “ไป๋ยี่เฟย อย่าทำให้คุณปู่โมโหสิ”
ไป๋ยี่เฟยยักไหล่ขึ้น “ก็ได้!”
หากไม่ได้เป็นเพราะนายท่านหลี่โมโหใส่หลี่เสว่ เขาก็คงเลือกที่จะพูดดีๆ
ไป๋ยี่เฟยพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึม : “ผมมาในฐานะตัวแทนของโหวจวี๋กรุ๊ปเพื่อมาเจรจาเรื่องซื้อกิจการ”
นายท่านหลี่พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น : “นอกจากประธานของโหวจวี๋กรุ๊ปแล้ว ฉันไม่คุยกับใครทั้งนั้น”
ไป๋ยี่เฟยหมดหนทาง จึงหันหลังไปคุยกับหลี่เสว่ : “เธอออกไปรอข้างนอกก่อน เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
หลี่เสว่ลังเลเล็กน้อย : “นาย อย่าบุ่มบ่ามนะ ยังไงเขาก็เป็นผู้ใหญ่ของพวกเรา”
หลังจากที่หลี่เสว่ออกไป ไป๋ยี่เฟยจึงหันหลังมาคุยกับนายท่านหลี่ : “ตอนนี้พวกเราคุยกันได้แล้ว”
“นายหูหนวกหรือมีปัญหากับการทำความเข้าใจ? ฉันบอกว่าจะคุยกับประธานของโหวจวี๋กรุ๊ป ไม่ใช่แก!” นายท่านหลี่พูดด้วยความโมโห
ไป๋ยี่เฟยพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึม : “ใช่ครับ ประธานโหวจวี๋กรุ๊ป”
นายท่านหลี่ชี้หน้าไป๋ยี่เฟยด้วยความโกรธแค้น กำลังจะโมโห แต่กลับตั้งสติขึ้นมาได้ “นะ…นาย! นายเป็นประธานของโหวจวี๋กรุ๊ป?”
“ผมเองครับ” ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า
นายท่านหลี่เงียบไปสักพักใหญ่ เงยหน้ามองไป๋ยี่เฟย พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น : “นายร่วมมือกับไอ้เนรคุณหลี่เฉียงตงหลอกฉันใช่ไหม? ดี ดีมาก ดีจริงๆเลย! พวกแกสองคน ไม่เห็นฉันอยู่ในสายตากันแล้ว!”
“นายฟังให้ดีนะ แล้วกลับไปบอกไอ้เนรคุณนั่นด้วย ตอนนี้โหวจวี๋กรุ๊ปเข้าซื้อกิจการของหลี่ซื่อ ฉันจะไม่มีวันยอมรับว่าเขาเป็นลูกชายฉันตลอดไป ให้เขาตายใจเสียเถอะ!”
ไป๋ยี่เฟยจนปัญญา “ผมเป็นประธานของโหวจวี๋กรุ๊ปจริงๆ”
“หึ!” นายท่านหลี่ไม่เชื่อ
ไป๋ยี่เฟยจึงจำต้องหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาหลงหลิงหลิง และเปิดลำโพง
“สวัสดีค่ะ ท่านประธานมีอะไรให้รับใช้ไหมคะ?”
เมื่อนายท่านหลี่ได้ยินเสียงของหลงหลิงหลิง ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง มองไป๋ยี่เฟยด้วยท่าทีเหลือเชื่อ
ไป๋ยี่เฟยพูดขึ้น : “เธออธิบายให้นายท่านหลี่ฟังหน่อย ว่าฉันเป็นใครกันแน่?”
หลงหลิงหลิงทำตามคำสั่งของเขา พูดอธิบายตำแหน่งประธานโหวจวี๋กรุ๊ปที่เป็นของไป๋ยี่เฟยให้นายท่านหลี่ฟังอย่างชัดเจน
แต่หลังจากที่วางสาย นายท่านหลี่กลับหัวเราะเย้ย : “นายคิดว่าฉันเชื่อเหรอ หลงหลิงหลิงเป็นเพื่อนสมัยเรียนของนาย ช่วยนายโกหกแค่นี้ ง่ายนิดเดียว!”
สุดท้าย ไป๋ยี่เฟยต้องโทรหาจางหรง และให้จางหรงอธิบายให้นายท่านหลี่ฟังอีกครั้ง
จางหรงเป็นกรรมการบริหารของโหวจวี๋ที่มักจะปรากฏตัวขึ้นในหลายวาระโอกาส คำพูดของเขาต้องเชื่อถือได้แน่นอน
ดังนั้น ตอนนี้จึงทำให้นายท่านหลี่รู้สึกช็อกไปทันที
เมื่อใจเย็นลงสักพัก นายท่านหลี่จึงจะตั้งสติกลับมาได้ และสายตาที่มองไป๋ยี่เฟยก็เปลี่ยนไป
“นาย ในเมื่อเป็นถึงประธานของโหวจวี๋กรุ๊ป ทำไมถึง…” คำพูดหลังจากนั้นไม่จำเป็นต้องพูดถึง เขาเป็นถึงประธานโหวจวี๋กรุ๊ป ไม่จำเป็นต้องแต่งงานกับผู้หญิงตระกูลเล็กๆอย่างหลี่เสว่ และไม่จำเป็นต้องอดทนอดกลั้นขนาดนี้ เมื่อถูกผู้คนดูถูกเยาะเย้ย
ไป๋ยี่เฟยยักไหล่ขึ้น “อาจจะเป็นเพราะแบบนี้ทำให้เห็นความคิดความอ่านที่แท้จริงของคนบางกลุ่ม”
อันที่จริงไป๋ยี่เฟยรู้สึกเหมือนว่าตัวเองตกอยู่ในความฝัน เพราะการได้รับตำแหน่งประธานโหวจวี๋กรุ๊ปถือเป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้
นายท่านหลี่ได้รับฟังไป๋ยี่เฟยพูดเช่นนั้น ไม่กล้าพูดอะไรต่อ
ไป๋ยี่เฟยเห็นเหตุการณ์ในตอนนี้จึงพูดขึ้น : “ตอนนี้เรามาคุยกันได้แล้วใช่ไหม?”
“แน่นอนอยู่แล้ว” นายท่านหลี่พยักหน้าลง ทัศนคติที่ปฏิบัติต่อเขาดีขึ้นเยอะมาก
ไป๋ยี่เฟยตอบกลับ และนั่งลงบนโซฟา
นายท่านหลี่เพิ่งจะรู้ตัว ว่าตัวเองให้เขายืนมาตั้งนาน แต่เมื่อเห็นไป๋ยี่เฟยนั่งลงไปก่อน จึงรีบให้ลูกน้องเอาชามาเสิร์ฟให้เขา
ไป๋ยี่เฟยพูดห้ามไว้ : “ไม่ต้องครับ พวกเรารีบคุยกันดีกว่า ผมยุ่งมาก”
“เอ่อ ครับๆๆ” นายท่านหลี่เช็ดเหงื่อบนหน้าผาก พูดต่อ: “อันที่จริงเรื่องรายละเอียดการซื้อกิจการก็แค่เรื่องพวกนั้น แต่ผมหวังว่าท่านประธานสามารถสัญญากับผมได้หนึ่งเรื่อง”
ไป๋ยี่เฟยเงยหน้าเหลือบตามองเขา พูดขึ้น: “เรื่องอะไร?”
“หลังจากที่ท่านประธานซื้อกิจการของหลี่ซื่อแล้ว สามารถให้คนของตระกูลหลี่รักษาตำแหน่งในตอนนี้ไว้ได้หรือไม่?” นายท่านหลี่ถามอย่างระมัดระวัง
ไป๋ยี่เฟยครุ่นคิดสักพัก จากนั้นตอบกลับ: “ไม่มีปัญหา ทุกอย่างทำตามรายละเอียดการซื้อกิจการ แค่มีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย”
“โอเคๆ” นายท่านหลี่รู้สึกสบายใจ จากนั้นคิดบางอย่างขึ้นมาได้ “แล้วเฉียงตงกับคุณ…”
ไป๋ยี่เฟยเข้าในความหมายของนายท่านหลี่ดี “โหวจวี๋กรุ๊ปคือโหวจวี๋กรุ๊ป นิวซีกรุ๊ปก็คือนิวซีกรุ๊ป ไม่มีความเกี่ยวข้องซึ่งกันและกัน”
นายท่านหลี่พยักหน้าลง ดูเหมือนสบายใจโล่งอกขึ้น
ไป๋ยี่เฟยลุกขึ้น กำลังเตรียมตัวกลับ แต่ก่อนจะเดินออกไป ทันใดนั้นเขาก็ถามขึ้น : “เมื่อครู่ได้ยินว่าพวกคุณกำลังประชุมกัน และยัง…น่าสนใจมากด้วย”
นายท่านหลี่ได้ยินเช่นนั้น หยุดชะงักไป ทำตัวไม่ถูก
เขาจัดประชุมครั้งนี้ขึ้นมาเพื่อตั้งตำแหน่งให้หลี่ฝาน แต่ใครจะไปคาดคิดว่าหลี่ฝานจะมีความคิดเช่นนี้ ทั้งยังกลับทำให้คนอื่นเห็นเป็นเรื่องตลก
เมื่อไป๋ยี่เฟยออกไปจากห้องทำงาน หลี่เสว่ก็เข้ามาถามไถ่เรื่องราวทันที
“คุณปู่เป็นคนเข้าใจความรู้สึกของทุกคน เจรจากันเรียบร้อยแล้ว” ไป๋ยี่เฟยยิ้มตอบ