บทที่118
เมื่อมาถึงที่หมาย หลงหลิงหลิงเดินตามไป๋ยี่เฟยออกจากรถด้วยท่าทางเขินอาย และเดินเข้าไปในโรงแรม
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้ไปที่แผนกต้อนรับเพื่อเปิดห้อง แต่พาเธอตรงไปที่ลิฟต์
หัวใจของหลงหลิงหลิงเต้นรัว นี่ห้องที่จองไว้แล้วแต่แรกหรือ?
ปรากฏว่า หลงหลิงหลิงคิดมากไปเอง
เมื่อเขามาถึงห้องส่วนตัว1108 ไป๋ยี่เฟยไม่มีคีย์การ์ดห้อง แต่กลับเตะประตูให้เปิดออก
หลงหลิงหลิงตกตะลึงในที่นั้น ด้วยความอึดอัด
ในห้องมีคนหลายคน และยังเป็นที่คนหลงหลิงหลิงรู้จักด้วย
หลิ่วจาวเฟิง หลิ่วเซียวเหยา เหอหยวนหยวน หวังโหลว
คนในห้อง ต่างมองไปที่ไป๋ยี่เฟย และหลงหลิงหลิงด้วยความแปลกใจ
ไป๋ยี่เฟยไม่สนใจเรื่องนั้นมากนัก และก้าวเดินเข้ามา สีหน้าดูโกรธมาก
หวังโหลวขึ้นยืนด้วยความตื่นตระหนก และถามว่า: “ไป๋ยี่เฟย นายมาที่นี่ได้ยังไง?”
เขามัวแต่ตื่นตระหนก เพราะคิดไม่ถึงว่าไป๋ยี่เฟยจะมาที่นี่ได้ เขาดูยุ่งลุกลี้ลุกลนและเผลอแก้วไวน์ข้างๆหก
ไป๋ยี่เฟยเมื่อเห็นเช่นนี้ก็ยิ่งแน่ใจในบางสิ่งบางอย่าง และความโกรธของเขาก็เพิ่มขึ้นทันที “เฮ้ ขอโทษจริงๆ รบกวนพวกคุณหรือเปล่า?”
หวังโหลวรีบอธิบาย “ไม่เลย ไม่เลย ฉันก็เพิ่งเจอพวกเขา…..”
ไป๋ยี่เฟยไม่ฟังคำอธิบายของหวังโหลว แต่คว้าคอของหวังโหลว และพูดขู่: “หวังโหลวแกสุดนี่มันสุดยอดจริงๆ ฉันแมร่งอุตส่าห์คิดว่าแกคือน้องชายฉัน แต่แกกลับแทงด้านหลังฉัน!”
“อย่าลืม ตอนนี้ที่แกมีอยู่ทั้งหมด แมร่งฉันเป็นคนให้แก!”
เมื่อเห็นเช่นนี้หลิ่วเซียวเหยาและหลิ่วจาวเฟิงรีบลุกขึ้น “ไกล่เกลี่ย”
“ประธานไป๋ อย่าเพิ่งโกรธ มีอะไรค่อยพูดค่อยจากันก่อนนะครับ!”
ใช่ครับ! ทุกคนก็เป็นเพื่อนกัน อย่ามีเรื่องกันเลย”
ทั้งสองค่อยๆ แยก ไป๋ยี่เฟยและหวังโหลวออกจากกัน
ไปยี่เฟยไม่ยอม แถมยังด่า: “หวังโหลว ฉันดูแกผิดไปจริงๆ แกจะกลายเป็นคนที่เนรคุณ ฉันแมร่งตาบอดเอง!”
“ฉันอุตส่าห์ให้ใจแกไปหมด แต่แกละ? แมร่งกลับใส่ลูกศรเย็น ๆไว้ด้านหลังฉัน!”
“คนเนรคุณ!”
ไป๋ยี่เฟยโกรธมากขึ้นเรื่อย ๆ ในที่สุดก็ล้มคว่ำโต๊ะต่อหน้าต่อตา จานและแก้วไวน์บนโต๊ะ ก็แตกกระจายลงพื้นไปทั่ว
เมื่อหวังโหลวได้ยินคำพูดของไป๋ยี่เฟยก็โมโห แล้วตะโกนขึ้นเสียงดัง: “ใช่ เมื่อก่อนฉันได้รับความเมตตาจากนาย ฉันถึงได้มีวันนี้ และฉันก็เป็นคนเนรคุณจริงๆ!”
“แต่นายละ เคยคิดบ้างมั้ย ว่าทำไมฉันต้องทำแบบนี้?”
หวังโหลวขู่ ในห้องก็เงียบลงทันที
ไป๋ยี่เฟยมองไปที่หวังโหลวด้วยสีหน้าไม่ค่อยดี “ ดี งั้นแกก็ว่าพูดมา แกทำแบบนี้ทำไม?”
หวังโหลวชี้ไปที่หลงหลิงหลิง “แกให้เงินฉัน ให้ตำแหน่งฉัน ฉันทำงานให้นาย แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่า ฉันต้องยอมยกผู้หญิงที่ฉันรักให้นาย!”
“นายไม่เคยรู้เรื่องราวอดีตที่ผ่านมาของฉันเลย ช่วงที่แผ่นดินไหวที่เสฉวน พ่อแม่ของฉันเสียชีวิต แล้วตระกูลเฉินก็รับเลี้ยงฉัน พี่สวี่เป็นคนสนับสนุนฉัน ฉันถึงได้เรียนจบจากมหาวิทยาลัยได้สำเร็จ”
“ และหลิงหลิง คือคนที่อยู่เคียงข้างฉันเมื่อฉันอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด เธอให้ความอบอุ่นกับฉัน เธอคือผู้มีพระคุณ และเป็นคนที่ฉันรักมากที่สุดด้วย”
“แต่นายละ สร้างความอับอายให้พี่สวี่ ไล่เธอไป และยัง แย่งคนที่ฉันรักที่สุดมากไปด้วย นายคิดว่าฉันมีต้องความอดทนแค่ไหนถึงจะทนต่อไปได้?”
หวังโหลวตัวสั่นขณะที่เขาพูด
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกสับสนมากขึ้นเมื่อเขาฟัง ทั้งหมดมันนี้คืออะไร?
เมื่อก่อนหวังโหลวและหลงหลิงหลิงรู้จักกันเหรอ? แล้วทำไมเขาไม่รู้? เวลาพวกเขาเจอกันก็ไม่เคยบอกเลย?
หลงหลิงหลิงก็ตกตะลึงเช่นกัน ทำไมเธอเองก็ไม่รู้เลยว่าเธอรู้จักกับหวังโหลวมาก่อนละ?
คนอื่น ๆ ในห้องก็แสดงท่าทางออกมาแตกต่างไปกัน
เหอหยวนหยวนนิ่งอึ้งมาก
ไป๋ยี่เฟยคือประธานโหวจวี๋กรุ๊ป!
ประธานโหวจวี๋กรุ๊ป!
ก่อนหน้านั้นบริษัทของเธอกำลังเผชิญกับความยากลำบาก ไป๋ยี่เฟยร่วมเงินทุนให้เพราะเห็นแก่เพื่อนร่วมชั้นหรือ?
อารมณ์ของเหอหยวนหยวนกำลังปั่นป่วน
หลิ่วเซียวเหยาและหลิ่วจาวเฟิงกระตุ้นรอยยิ้ม
ในตอนนั้น หวังโหลงก็กล่าวขึ้น “วันนี้เรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว จากนี้เราก็ทางใคร ทางมัน งั้นหลี่ซื่อฉันก็ไม่เอาแล้ว จากวันนี้เป็นต้นไป เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก”
ไป๋ยี่เฟยยิ้มเยาะเมื่อได้ยินคำว่า “หลี่ซื่อเหรอ?ฉันไม่สนใจ!”
หวังโหลวหยุดนิ่ง ราวกับว่าต้องการพูดอะไรบางอย่าง
ขณะนี้ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองสามคนเดินมาที่ประตู “เกิดอะไรเหรอครับ?”
“กำลังทำอะไรกันครับ?”
เพราะเมื่อกี้หลิ่วเซียวเหยาดึงตัวไป๋ยี่เฟยไว้ ดังนั้นเมื่อเขายืนอยู่ที่หน้าประตู แล้วพอดีกับที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาถาม หลิ่วเซียวเหยาก็ขยิบตาส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ไป๋ยี่เฟยกำลังสร้างปัญหา
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรับรู้สายตาของเขา และมองไปที่ไป๋ยี่เฟยทันที และถามว่า: “มีเรื่องอะไรกันเหรอครับ?”
ไป๋ยี่เฟยเหลือบมองไปที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และไม่สนใจ
หลิ่วเซียวเหยาก้าวไปข้างหน้าอย่างสันติ และไกล่เกลี่ย: “ประธานไป๋ ทุกคนก็เพื่อนกันทั้งนั้น มีเรื่องอะไรก็ค่อยพูดค่อยจา อย่าโกรธเลย……”
หลิ่วจาวเฟิงรับรู้ถึงสายตาของหลิ่วเซียนเหยา และก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า: “ใช่แล้ว มีเรื่องอะไรก็ค่อยๆคุยกัน อย่าถึงกับทำลงไม้ลงมือกันเลย……”
เห็นได้ชัดว่าคำพูดนี้โน้มน้าวไป๋ยี่เฟย แต่อันที่จริงคือต้องการสื่อว่าไป๋ยี่เฟยลงไม้ลงมือ และเพื่อยืนยันว่าไป๋ยี่เฟยกำลังสร้างปัญหา
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า: “นายท่าน รบกวนคุณออกไปจากที่ด้วย”
ไป๋ยี่เฟยเหลือบมองไปที่ผู้คนที่วงล้อมอย่างเย็นชา และในที่สุดก็จับจ้องไปที่หวังโหลว ด้วยความเย็นชา แล้วเดินหันออกไป
หวังโหลวยังส่งเสียงอย่างเย็นชา ซึ่งถือเป็นการทะเลาะกับไป๋ยี่เฟยที่เสียงดังมาก
หลังจากออกจากโรงแรม หลงหลิวหลิงก็หายเป็นปกติ และยังคงมีข้อสงสัยมากมายในใจ แต่เธอเห็นลักษณะท่าทางกำลังคิดทบทวนของไป๋ยี่เฟยแล้ว ก็ไม่กล้าถามอะไรมากกว่านี้
บนรถ ไป๋ยี่เฟยนิ่งเงียบไม่ขยับ หลงหลิงหลิงก็เรียกอย่างระมัดระวัง “ท่านประธานค่ะ?”
อย่างไรก็ตามไป๋ยี่เฟยจมอยู่กับความคิดของเขา และไม่ตอบสนอง
ความหมายของหลี่เฉียงตงคือบอกให้สู้กับหวังโหลวไม่ใช่เหรอ?แต่….
“ท่านประธานค่ะ?”หลงหลิงหลิงก็เรียกขึ้นมาอีกครั้ง
ในที่สุดไป๋ยี่เฟยก็ดึงสติกลับมา และพูดเบา ๆ : “ผมจะส่งคุณกลับละกัน!”
ไป๋ยี่เฟยสตาร์ทรถ แล้วไปส่งหลงหลิงหลิงกลับบ้านก่อน แล้วตัวเองค่อยไปโรงพยาบาล
เมื่อไป๋ยี่เฟยมาถึงโรงพยาบาล พบว่าหลี่เสว่ไม่ได้อยู่ในพักผู้ป่วย
ไป๋ยี่เฟยจึงไปถามพยาบาล พยาบาลบอกว่าหลี่เสว่ออกจากโรงพยาบาลในตอนบ่าย และหลังจากฟื้นขึ้นมาก็เหมือนเดิม และไม่รู้สึกไม่สบายตัวแต่อย่างใด
จำได้ว่าหมอบอกว่าตราบใดที่ไม่ทำให้อารมณ์พลุ่งพล่านก็ไม่อันตรายถึงชีวิต ไป๋ยี่เฟยรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย และขับรถกลับบ้าน
ทันทีที่มาถึงคฤหาสน์ ไป๋ยี่เฟยก็ได้รับโทรศัพท์จากหลงหลิงหลิง
“ท่านประธานคะ ผลการทดสอบคุณภาพของแผงฉนวนกันความร้อนสองประเภทที่เอามาวันนี้ออกมาแล้ว หนึ่งในนั้นคือแผงทนไฟที่ได้มาตรฐานส่วน อีกแผงเป็นแผงสีธรรมดาไม่ได้ตามมาตรฐาน เป็นของที่ประเทศสั่งห้ามใช้ค่ะ”
หลังจากไป๋ยี่เฟยฟังจบก็ตาสว่างขึ้นทันที ทันใดนั้นก็คิดเรื่องราวทุกอย่างได้
จากนั้น ไป๋ยี่เฟยก็เตรียมการก่อนแล้วค่อยเดินเข้าไปที่คฤหาสน์
แต่ในคฤหัสถ์ก็ไม่มีหลี่เสว่อยู่
ไป๋ยี่เฟยสงสัย หรือว่าหลี่เสว่จะถูกหลี่เฉียงตงพากลับไปที่คฤหาสน์อีกหลัง?
ขณะที่กำลังคิดอยู่ เสียงไซเรนของตำรวจก็ดังขึ้นที่ด้านนอกของคฤหาสน์ และในเวลาเดียวกัน แสงไฟก็กะพริบเพื่อส่องสว่างเข้ามาในคฤหาสน์