บทที่ 138
ไป๋ยี่เฟยเป็นเหมือนกับไป๋หู่และสวีลั่ง
เมื่อครู่นี้แม้ว่าจะถอยหลังได้ทันเวลา แต่ก็ยังคงสูดเข้าไปเล็กน้อย ดังนั้นฤทธิ์ยาเลื่อนออกไปครู่หนึ่งถึงออกฤทธิ์
เย่อ้ายประคองตัวยืนอยู่ด้านหน้าของไป๋ยี่เฟย ไม่มีสีหน้าเมื่อสักครู่นี้แล้ว หากแต่เป็นท่าทีที่แลดูสนใจเป็นอย่างยิ่ง จ้องมองไป๋ยี่เฟยอยู่ตลอดเวลา
ไม่นานนัก เย่อ้ายก็ย่อตัวลง ใช้มือลูบไล้ไปบนใบหน้าของไป๋ยี่เฟยเบาๆ แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาว่า “ไป๋ยี่เฟย คุณเป็นคนยังไงกันแน่นะ?”
“คนอื่นคิดว่าคุณคือพวกสวะ แต่คุณไม่ใช่ คุณปิดบังสถานะเป็นเพราะอะไรกันแน่?”
“สาวสวยมาส่งถึงที่ยังสามารถปฏิเสธด้วยปณิธานที่แน่วแน่ได้ ช่างน่าสนใจจริงๆ”
มองดูอยู่สักพัก เย่อ้ายก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา
“KTVฮุยหวง ห้องส่วนตัว213”
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง ผู้หญิงสามคนที่แต่งตัวสวยงามดึงดูดเพศตรงข้ามก็ปรากฏตัวอยู่ภายในห้องส่วนตัว
เย่อ้ายเอ่ยปากสั่งด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย “เริ่มเถอะ!”
เมื่อครู่นี้ภายในเวลาครึ่งชั่วโมง เธอเปลืองกำลังเยอะมากถึงนำไป๋หู่และสวีลั่งเคลื่อนย้ายออกไปได้ เหลือโซฟาแถบนี้เอาไว้ให้กับไป๋ยี่เฟย และก็เพื่อที่จะสะดวกต่อเรื่องหลังจากนี้
หญิงสาวสามคนหัวเราะขึ้นอย่างอ่อนหวาน เริ่มทยอยกันถอดเสื้อผ้าออก
จากนั้น ทั้งสามคนก็ล้อมรอบไป๋ยี่เฟยเอาไว้ คนหนึ่งทาบไปบนร่างกายของเขา คนหนึ่งนั่งอยู่ที่ด้านข้างปลายเท้าของเขา อีกคนหนึ่ง นั่งอยู่ที่ศีรษะของเขาทางด้านนั้น ยังนำศีรษะของเขาวางไว้บนต้นขาที่เรียบเนียนนั่นของตนเองอีก
เย่อ้ายยืนอยู่ด้านข้าง หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเริ่มถ่ายรูป
หลังจากนั้นห้านาที เย่อ้ายก็เก็บโทรศัพท์มือถือลง “ได้แล้ว”
พูดจบ หญิงสาวคนนั้นที่นั่งอยู่ข้างศีรษะของไป๋ยี่เฟยก็มองเย่อ้ายด้วยความเขินอาย “บอส จูบปากได้ไหมคะ?”
เย่อ้ายได้ฟังสายตาเยือกเย็นลงมาในชั่วพริบตา“ได้จบลงแล้ว!ตอนนี้ออกไปเดี๋ยวนี้!”
หญิงสาวได้ยินดังนั้นก็เบ้ปาก รีบสวมเสื้อผ้า ออกไปพร้อมกับหญิงสาวอีกสองคนในทันที
เย่อ้ายไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เมื่อครู่นี้คนๆนั้นพูดว่าจูบปาก เธอถึงได้รู้สึกโกรธมาก ราวกับถูกคนหยิบของทั้งหมดของตนเองไปก็ไม่ปาน!
จนถึงรุ่งเช้าของวันที่สอง ไป๋ยี่เฟยถึงได้ฟื้นขึ้นมา แต่ไป๋หู่และสวีลั่งยังไม่ฟื้น
ไป๋ยี่เฟยที่ฟื้นขึ้นมาสมองยังคงมึนงง มีชั่วพริบตาหนึ่งที่ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ผ่อนคลายอยู่พักใหญ่ๆ ถึงได้รู้ว่าตอนนี้อยู่ในKTV
คิดย้อนกลับไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในก่อนหน้านี้ ไม่เห็นเย่อ้าย ก็นึกว่าหลังจากที่ตนเองหมดสติ เย่อ้ายก็ไปจากที่นี่ด้วยตนเองแล้ว จึงไม่ได้ใส่ใจอะไร
จนถึงเก้าโมงกว่า ไป๋หู่และสวีลั่งก็ฟื้นขึ้นตามกันมา
ไป๋หู่เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย “ประมาทแล้ว”
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกปวดหัว “คราวนี้จับไม่ได้ คราวหน้าคิดอยากจะจับได้ก็ยากแล้ว ไม่แน่แม้แต่คนอยู่ที่ไหนก็ยังไม่รู้!”
ทั้งสามคนออกจากKTV ไป๋ยี่เฟยคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นเอ่ยขึ้นกับสวีลั่งว่า “ไม่อย่างนั้นแกกลับไปกับฉันเถอะ!”
สวีลั่งมองไปที่ไป๋ยี่เฟยแวบหนึ่ง “ผมคือฆาตกรที่ต้องการจะฆ่าคุณ”
ไป๋ยี่เฟยหยุดชะงักไปชั่วขณะ รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดแล้ว จึงเอ่ยขึ้นว่า “ความหมายของฉันคือ สถานการณ์นั้นเมื่อวานพวกแกต่างก็ถูกยาพิษ ตอนนี้ฟื้นขึ้นมาแล้ว แต่ร่างกายคงจะยังไม่ได้ฟื้นคืนโดยสมบูรณ์แบบ ฉันอยากให้แกไปพักผ่อนที่นั่นสักหน่อย รอร่างกายแกหายดีแล้วค่อยว่ากัน”
“คุณแน่ใจ?”
สวีลั่งเป็นถึงคนที่ต้องการจะฆ่าไป๋ยี่เฟย แต่คิดไม่ถึงว่าไป๋ยี่เฟยจะพาเขากลับไปอย่างใจกล้าขนาดนี้
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้าเบาๆ
ที่จริงแล้วไป๋ยี่เฟยสามารถรู้สึกได้ว่า สายตาของสวีลั่งที่มองเขาในตอนนี้ ไม่ได้มีจิตสังหารแบบในตอนแรกแล้ว
และไป๋หู่ ตั้งแต่ต้นจนจบต่างก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักประโยค
สุดท้าย ทั้งสามคนก็กลับไปยังคฤหาสน์หลันโปกั่งด้วยกัน
ไป๋ยี่เฟยจัดหาห้องรับรองแขกห้องหนึ่งให้กับสวีลั่ง “แกพักผ่อนเถอะ อยากจะไปตอนไหนก็ไปได้”
สวีลั่งตอบรับหนึ่งคำ เอ่ยปากขึ้นอย่างลังเล “ที่จริงแล้วเมื่อครู่นี้ตอนที่อยู่ห้องส่วนตัว คุณฆ่าผมได้”
มุมริมฝีปากของไป๋ยี่เฟยกระตุกเล็กน้อย “ฆ่าคนผิดกฎหมาย”
สวีลั่งหัวเราะออกทางจมูกอย่างประชดประชันให้กับคำพูดนี้ “นั่นเป็นเพียงแค่คำพูดที่พูดกับคนธรรมดา”
ใช่ บนโลกใบนี้ ขอเพียงแค่คุณมีเงินมีอำนาจ ต่อให้เป็นการฆ่าคน ก็สามารถใช้ชีวิตอย่างอิสระได้เช่นเดียวกัน
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้โต้แย้ง
สวีลั่งเอ่ยขึ้นอีกว่า “ผมเดาว่า คนที่วางยาเป็นคนๆเดียวกันที่จ้างมา”
ไป๋ยี่เฟยหยุดชะงักไปชั่วขณะ “ความหมายของแกก็คือนอกจากเขาจะจ้างแกแล้ว ยังจ้างคนที่วางยานั่น?”
“น่าจะใช่” สวีลั่งเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ
ไป๋ยี่เฟยนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง อยู่ๆก็เงยหน้าพร้อมกับเอ่ยขึ้นมาอย่างกะทันหัน “บอกฉันได้ไหมว่าใครที่ต้องการจะฆ่าฉัน?”
“ไม่ได้” ท่าทีของสวีลั่งเหมือนกันกับเมื่อก่อน “ผมคือฆาตกรมืออาชีพ”
“เพียงแต่ผมสามารถเตือนคุณอย่างหนึ่ง คุณสามารถตามสิ่งนี้ไปตรวจสอบได้”
…
ตอนบ่าย ไป๋ยี่เฟยไปยังโหวจวี๋กรุ๊ป
เพิ่งจะนั่งลง หลงหลิงหลิงก็มารายงาน “ท่านประธานคะ บริษัทของหลี่ซื่อกรุ๊ปกำลังดำเนินการกดขี่อุตสาหกรรมในเครือของโหวจวี๋กรุ๊ป”
“หลี่ซื่อกรุ๊ป?” ไป๋ยี่เฟยข้องใจ “แน่ใจว่าเป็นหลี่ซื่อกรุ๊ป?”
หลงหลิงหลิงพยักหน้า “อีกทั้งฉันตรวจสอบพบว่า หลี่ซื่อกรุ๊ปดูเหมือนจะเริ่มโปรเจกต์ใหม่แล้ว”
ในเวลานี้เอง โทรศัพท์มือถือของไป๋ยี่เฟยก็ดังขึ้น
ในโทรศัพท์ หลี่เสว่เอ่ยถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม “คุณอยู่ที่ไหนคะ? ฉันกลับมาแล้ว”
“ผมจะไปเดี๋ยวนี้!” ไป๋ยี่เฟยสีหน้าตื่นเต้น พูดพร้อมกับลุกขึ้น เมินใส่หลงหลิงหลิงที่อยู่ด้านข้าง เดินออกจากห้องทำงานไปในทันที
หลงหลิงหลิงมองดูแผ่นหลังของไป๋ยี่เฟย ในใจรู้สึกขมขื่นขึ้นมาระลอกหนึ่ง
ไป๋ยี่เฟยวางสายโทรศัพท์ลง ขับรถไปยังคฤหาสน์หลันโปกั่ง
ถึงคฤหาสน์ ไป๋ยี่เฟยค่อนข้างที่จะเป็นกังวล ไม่รู้ว่าสวีลั่งไปหรือยัง หากหลี่เสว่พบเข้า จะต้องหวาดกลัวมากอย่างแน่นอน อารมณ์ถูกกระตุ้นขึ้นมาอีกครั้ง ไม่ใช่ว่าจะต้องสลบไปอีกหรอกหรอ?
หลังจากที่เข้าประตู ไป๋ยี่เฟยเห็นหลี่เสว่กำลังยืนอยู่ในห้องรับแขก บนร่างกายสวมใส่ชุดเดรสลายดอกไม้เล็กๆสีขาว ประกอบกับใบหน้าที่แต่เดิมก็สะอาดบริสุทธิ์นั้น ยิ่งเพิ่มออร่าที่ราวกับหิมะของเธอได้เด่นชัดมากยิ่งขึ้น
“เสว่เอ๋อ!”
หลี่เสว่ได้ยินเสียงหันหน้ากลับมา ยิ้มขึ้นเล็กน้อย “คุณกลับมาแล้ว? รีบเข้ามาค่ะ”
ไป๋ยี่เฟยเดินเข้าไปอย่างควบคุมตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ ยังมองเห็นเน็กไทสีเงินเส้นหนึ่งที่ในมือของหลี่เสว่ถือเอาไว้อยู่
“มาลองดู ซื้อมาจากเมืองหลวงทางนั้นค่ะ”