บทที่ 144
หลิ่วจาวเฟิงมองดูหลิ่วเซียวเหยา ส่ายศีรษะอย่างนิ่งเฉย “พี่สอง พี่คิดมากไปแล้ว”
“ต่อให้พี่ใหญ่กลับมาแล้ว พี่ก็ออกไปไม่ได้”
“เพราะอะไร?” ถึงตอนนี้ หลิ่วเซียวเหยาก็ยังไม่พบความผิดปกติของหลิ่วจาวเฟิง
ใบหน้าของหลิ่วจาวเฟิงเต็มไปด้วยความมืดมน “เพราะว่าผมไม่มีทางให้พี่ได้ออกไป”
“พี่สอง ผมไม่ปฏิเสธ พี่ฉลาดมากจริงๆ แต่ว่า…พี่โคตรคิดว่าตัวเองถูกต้องอยู่ตลอดเวลาเลย”
“แกหมายความว่ายังไง?”
หลิ่วจาวเฟิงหัวเราะขึ้นอย่างเย้ยหยัน “พี่สอง หรือว่าพี่ไม่เคยคิดว่าทำไมหวังโหลวถึงรู้ล่วงหน้าว่าพี่จะตรวจสอบเขา แล้วเตรียมข้อมูลปลอมขึ้นมาเลยหรอ?”
“คือแก!” หลิ่วเซียวเหยาถูกพูดเช่นนี้ ก็เข้าใจอะไรขึ้นมาในทันที
หลิ่วจาวเฟิงพยักหน้าหัวเราะพร้อมกับเอ่ย “พี่สองก็ไม่ใช่ว่าโง่มาก แต่ว่านั่นแล้วจะยังไง? ไม่ได้อยู่ในคุกเหมือนกันหรอกหรอ?”
หลิ่วเซียวเหยาจ้องเขม็งไปที่หลิ่วจาวเฟิง “นี่แกทำอะไรอยู่? แกรู้ไหมเพราะว่าแก คนของหลิ่วซื่อกรุ๊ปทั้งหมดต้องมาอยู่ในคุก คิดไม่ถึงว่าแกยังจะหัวเราะออกมาได้!”
“ใช่ เมื่อก่อนฉันมีความทะเยอทะยาน อยากจะฮุบหลิ่วซื่อเอาไว้คนเดียว แต่แกอยากจะได้หลิ่วซื่อ แกมาสู้กับฉัน ช่วงชิงกับฉันได้ ทำไมจะต้องลากทั้งหลิ่วซื่อเข้าไปจนหมด? แบบนี้ยังมีความหมายอะไรอีก?”
หลิ่วจาวเฟิงพยักหน้า “ไม่มีความหมายอะไรจริงๆ”
“งั้นทำไมแกยังจะทำแบบนี้อีก?” หลิ่วเซียวเหยาคิดไม่ตก
หลิ่วจาวเฟิงหัวเราะขึ้น “เพราะว่า ในสายตาของผม หลิ่วซื่อกรุ๊ปไม่ใช่อะไรเลย”
“แกมันบ้าจริงๆ!”
หลิ่วซื่อทั้งบริษัท คิดไม่ถึงว่าหลิ่วจาวเฟิงบอกว่าจะทำลายก็ทำลาย ยังไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อยอีก ไม่ใช่บ้าแล้วคืออะไร?
หลิ่วจาวเฟิงมองดูสีหน้าของหลิ่วเซียวเหยา จากนั้นหัวเราะขึ้นอย่างความหมายลึกซึ้ง และก็เป็นการหัวเราะขึ้นอย่างน่ากลัวมากเช่นเดียวกัน
“พี่อยู่ที่นี่ต่อไปเถอะ ไม่ต้องคิดฟุ้งซ่านจะออกมาแล้ว เพราะว่าพี่ใหญ่ทางนั้น ผมจะช่วยเขาเอง ฮ่าๆ…”
หลิ่วเซียวเหยาคิดอยากจะพูดอะไรต่ออีก แต่หลิ่วจาวเฟิงก็ได้เดินจากไปแล้ว
และที่หลิ่วจาวเฟิงพูดว่าช่วยเขา แน่นอนว่าไม่ใช่ช่วยเขาจริงๆ แต่เป็นช่วยเพิ่มความวุ่นวาย เขาไม่มีทางที่จะให้หลิ่วจาวเฟิงออกมาได้
…
ก่อนเที่ยงวันที่สอง ไป๋ยี่เฟยได้รับโทรศัพท์แปลกหน้าสายหนึ่ง
“คนหาเจอแล้ว ตอนนี้อยู่ที่ร้านกาแฟจิ่วหยาง。”
“ฉันไปเดี๋ยวนี้”
ไป๋ยี่เฟยพุ่งออกไปอย่างตื่นเต้น
ในที่สุดก็หาคนที่วางยานั่นเจอแล้ว ไป๋ยี่เฟยตื่นเต้นมาก ดังนั้นจึงไม่ได้บอกกับไป๋หู่ อีกทั้งไป๋หู่ในเวลานี้กำลังเฝ้าอยู่ที่ด้านนอกคฤหาสน์ รักษาความปลอดภัยของหลี่เสว่ ความปลอดภัยของหลี่เสว่สำคัญกว่าอะไรทั้งสิ้น
ถึงที่ร้านกาแฟจิ่วหยาง ไป๋ยี่เฟยชะงักไปชั่วขณะ คนวางยานั่นดูเหมือนเป็นสไตล์ที่เอนเอียงไปทางสำมะเลเทเมาอยู่ในสังคม จะปรากฏตัวอยู่ในร้านกาแฟแบบนี้หรอ?
มักจะรู้สึกว่าเข้ากันไม่ได้
ไป๋ยี่เฟยก็เลยโทรศัพท์กลับไปที่เบอร์แปลกหน้านั้นก่อน กลับพบว่าฝ่ายตรงข้ามได้ปิดเครื่องไปแล้ว
ในใจของไป๋ยี่เฟยรู้สึกสงสัยขึ้นมาระลอกหนึ่ง ทว่าโอกาสหายาก ดังนั้นเขายังคงจะเข้าไป เพียงแต่ก่อนที่จะเข้าไปนั้น ได้โทรศัพท์ไปหาฉินหัวก่อน ซึ่งก็เพื่อเป็นการป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน
คนที่อยู่ในร้านกาแฟไม่มาก ถึงอย่างไรก็เป็นตอนเช้า น้อยมากที่จะมีคนมาร้านกาแฟ
แวบเดียวก็สามารถมองเห็นผู้คนทั้งหมดได้
และก็เพราะเป็นเช่นนี้จริงๆ ไป๋ยี่เฟยนิ่งอึ้งอยู่กับที่
ที่นี่ไม่ได้มีคนวางยานั่นเลย
ในทางตรงกันข้ามบริเวณริมหน้าต่างที่อยู่ไม่ไกลนัก กลับพบหลิ่วจาวเฟิงที่กำลังนั่งอยู่!
นอกจากนี้ ด้านข้างของหลิ่วจาวเฟิงยังมีผู้ชายคนหนึ่งที่หน้าตาเหมือนกับหลิ่วจาวเฟิงสามสิบเปอร์เซ็นต์
สีหน้าของไป๋ยี่เฟยหนักอึ้งเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าที่หลิ่วจาวเฟิงกับผู้ชายคนนั้นอยู่ที่นี่คือความบังเอิญ หรือว่าเพราะอะไร สรุปก็คือ มองเห็นหลิ่วจาวเฟิง เขาก็อารมณ์ไม่ดีแล้ว
กวาดตามองอีกรอบหนึ่ง หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าไม่มีคนวางยา ไป๋ยี่เฟยก็คิดที่จะจากไป
หลิ่วจาวเฟิงที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างเห็นไป๋ยี่เฟย ก็ลุกขึ้นเรียกเอาไว้ในทันที
“ไป๋ยี่เฟย!”
ไป๋ยี่เฟยแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน ฝีก้าวไม่ยอมหยุด
หลิ่วจาวเฟิงก็เลยเดินเร็วเข้าไปเลย “ไป๋ยี่เฟย”
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้ว เหลือบมองหลิ่วจาวเฟิงที่ขวางทางไปอยู่ตรงหน้า “มีธุระ?”
หลิ่วจาวเฟิงหัวเราะขึ้น “ไม่มีธุระก็ไม่สามารถนั่งลงพูดคุยกัน?”
“ขอโทษที ฉันยุ่งมาก” พูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็ยกเท้าขึ้นจะเดินต่อไป
หลิ่วจาวเฟิงรั้งเอาไว้อีกครั้ง “ไป๋ยี่เฟย แกจะไปแบบนี้จริงๆ?”
“ไม่งั้นล่ะ?”
หลิ่วจาวเฟิงประชิดเข้ามาอย่างกะทันหัน เอ่ยขึ้นเบาๆว่า “แกว่าหากเสว่เอ๋อรู้ว่าแกกำลังหลอกเธอ เธอจะมีปฏิกิริยาตอบสนองยังไง?”
ไป๋ยี่เฟยหยุดชะงักลง ตอบกลับ “ฉันหลอกอะไรเธอ?”
“นี่ก็ต้องถามตัวแกเองแล้ว” หลิ่วจาวเฟิงไม่ได้พูดอย่างชัดเจน
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย หากบอกว่าเป็นเพียงเรื่องที่ปิดบังหลี่เสว่ว่าเขาคือประธานบริษัทของโหวจวี๋กรุ๊ปเรื่องนี้ก็ไม่ถึงกับขนาดจะทำให้เสว่เอ๋อโกรธมากได้ ส่วนเรื่องอื่น ไป๋ยี่เฟยคิดไม่ออกจริงๆ
ไม่ถูก!
อยู่ๆไป๋ยี่เฟยก็คิดถึงรูปภาพเหล่านั้นที่เย่อ้ายถ่ายให้กับเขาขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน หากถูกหลี่เสว่รู้เข้า ก็ถือว่าปิดบังเธอแล้ว แต่หลิ่วจาวเฟิงรู้ได้ยังไงกัน?
หรือว่าเขาจะเพียงแค่พูดลอยๆ?
“หลิ่วซื่อตอนนี้ไม่มีแล้ว แกคนเดียวอยู่ข้างนอกกลับอิสระมาก ทำไมไม่เห็นแกเคลื่อนไหว ช่วยครอบครัวของแกออกจากคุก?” ไป๋ยี่เฟยเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
มุมปากของหลิ่วจาวเฟิงกระตุกขึ้น “เรื่องนี้ไม่ต้องให้แกมาเปลืองแรงสนใจ”
ไป๋ยี่เฟยยักไหล่ “ฉันก็ไม่อยากเปลืองแรงเหมือนกัน อีกอย่าง ฉันคิดว่าระหว่างเราไม่มีอะไรน่าคุยกัน ฉะนั้นไม่ต้องมารั้งฉันอีก”
หลิ่วจาวเฟิงไม่ได้พูดอะไร และก็ไม่ได้รั้งไป๋ยี่เฟยเอาไว้จริงๆ
แต่ไป๋ยี่เฟยก็ยังถูกคนรั้งเอาไว้อยู่ คราวนี้คือผู้ชายคนนั้นที่อยู่ด้านข้างของไป๋ยี่เฟย เขาได้เดินเข้ามาแล้ว
“ไป๋ยี่เฟย!” เสียงของคนๆนั้นค่อนข้างที่จะขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
ไป๋ยี่เฟยสงสัย เขาไม่รู้จักคนๆนี้ คนๆนี้มีความเป็นศัตรูต่อเขามากขนาดนี้คือเพราะอะไรกัน?
“ไป๋ยี่เฟย!อย่ามาแสร้งเป็นไม่รู้!แกทำลายหลิ่วซื่อของพวกเรา นอกจากฉันกับน้องสาม ทุกคนเข้าไปหมดแล้ว แกคิดว่าฉันจะปล่อยแกไป?”
ใช่แล้ว คนที่มาก็คือคุณชายใหญ่ของหลิ่วซื่อหลิ่วอู๋ฉง。
ก่อนหน้านี้ไป๋ยี่เฟยให้หลงหลิงหลิงไปตรวจสอบข้อมูลของหลิ่วซื่อ ดังนั้นเดาออกว่าฝ่ายตรงข้ามคงจะเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลหลิ่ว
คาดว่าเป็นเพราะหลิ่วซื่อไม่อยู่แล้ว ดังนั้นเขากลับมาเพื่อล้างแค้น?
“อ๋อ แกคิดจะเอายังไง?” ไป๋ยี่เฟยไม่กังวลเลยแม้แต่น้อย
สถานะของโหวจวี๋ที่เมืองเทียนเป่ยเป็นสิ่งที่ไม่อาจจะสั่นคลอนได้ หลิ่วอู๋ฉงต้องการแก้แค้นเขา ก็ต้องดูว่ามีความสามารถนั้นหรือเปล่า!
หลิ่วอู๋ฉงมืดมนไปทั้งใบหน้า “เอายังไง? หึ!พูดความจริงประโยคนึง ฉันอยากจะฆ่าแก”
“แต่แกวางใจ ฉันจะไม่ฆ่าแกหรอก เพราะว่าฉันก็จะทำให้แกรู้ รสชาติที่โหวจวี๋ถูกล้มไปทั้งบริษัท และก็ทำให้แกรู้
รสชาติของการอยู่ในคุกเช่นเดียวกัน!”