บทที่ 147
จากนั้นกรรมการก็ต่างแถลงความคิดเห็นขึ้นมา
“ท่านประธานครับ มีธุรกิจทั้งหมดหกแหล่งที่ดำเนินการต่อต้านกับเรา ในนั้นรวมไปถึงเยว่หยากรุ๊ป วั่นซิงกรุ๊ป และซานเฉินกรุ๊ป……”
“ท่านประธานครับ บริษัทพวกนี้ถ้าแยกจากกันแล้วล้วนไม่ใช่คู่แข่งของโหวจวี๋กรุ๊ป แต่พอพวกเขารวมตัวกันมาแล้ว พวกเรา……”
จางหรงโกรธขรึมมาก”ท่านประธานครับ ซานเฉินกรุ๊ปและเยว่หยากรุ๊ปเป็นคู่แข่งกันมาตลอด แต่ตอนนี้พวกเขากลับรวมตัวกันมา ฉันว่าในนี้มันมีปัญหาแน่นอน!”
“ใช่ครับ ท่านประธาน บริษัทหกแหล่งนี้ต้องเกิดอะไรขึ้นแน่นอน ไม่นั้นทำไมรวมตัวกันมาต่อต้านเราล่ะ”
“แล้ววั่นซิงกรุ๊ปยังเป็นบริษัทที่โหวจวี๋กรุ๊ปเราสนับสนุนมันขึ้นมา แต่ตอนนี้กลับเข้าร่วมมาต่อต้านเราด้วย ลืมบุญคุณไปอย่างสิ้นเชิงเลย!”
“……”
ทุกคนต่างตำหนิวั่นซิงกรุ๊ป
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้วขึ้นมา
ตอนนั้นที่วั่นซิงกรุ๊ปได้ถูกโหวจวี๋กรุ๊ปสนับสนุนขึ้นมานั้น ไป๋ยี่เฟยยังไม่อยู่ในโหวจวี๋กรุ๊ป ดังนั้นเขาไม่รู้สถานการณ์ที่ละเอียด แต่ตอนนี้เขารู้แล้ว
“จางหรง คุณไปหาประวัติส่วนตัวของประธานธุรกิจหกแหล่งนี้มาให้ฉัน”
“ครับ”จางหรงรับปากเสร็จก็ไปตรวจสอบแล้ว
“หลิงหลิง คุณไปเตรียมตัวเลย พวกเราจะไปวั่นซิงกรุ๊ปเดี่ยวนี้”ไป๋ยี่เฟยสั่งต่อ จากนั้นมองไปดูกรรมการคนอื่นๆ และพูดว่า”พยายามเอาให้อยู่ เรื่องนี้ฉันจะจัดการให้เสร็จภายในสองวันนี้”
กรรมการคนอื่นๆมองหน้าเข้าหากัน
“วิกฤตครั้งนี้มันรุนแรงมากนะ สองวันจะจัดการได้เหรอ?”
“ฉันก็อยากรู้ว่า ปัญหาแบบนี้สองวันจะจัดการได้ยังไงล่ะ?”
“ท่านประธานอาจมีแผนในใจแล้ว”
“……”
กรรมการพวกนี้ไม่รู้ แต่ไป๋ยี่เฟยรู้สาเหตุที่บริษัทเหล่านี้ร่วมกันต่อต้านโหวจวี๋กรุ๊ป เป็นเพราะหลิ่วอู๋ฉงนั่นเอง
แต่เขารู้สึกแปลกใจมาก ตกลงหลิ่วอู๋ฉงได้ใช้วิธีอะไรให้บริษัทหลายแหล่งนี้มาร่วมกันต่อต้านโหวจวี๋กรุ๊ปล่ะ
บนรถ ไป๋ยี่เฟยได้ถือเอกสารที่จางหรงเพิ่งส่งมา สิ่งที่เขาดูลำดับแรกก็คือวั่นซิงกรุ๊ป
ประธานของวั่นซิงกรุ๊ปชื่อเดิมชื่อว่าวั่นซิน อายุสี่สิบแปดปี ได้แต่งงานแล้ว มีลูกสาวคนหนึ่ง เดิมทีไม่ใช่คนในเมืองเทียนเป่ย เป็นคนของจังหวัดเหอเป่ย วั่นซินได้มาที่เมืองเทียนเป่ยตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว จากนั้นได้ทำธุรกิจเอง
สามปีก่อน วั่นซิงกรุ๊ปประสบวิกฤตทางการเงิน เป็นโหวจวี๋กรุ๊ปที่บริจาคเงินห้าร้อยล้านให้วั่นซิงกรุ๊ป จึงให้วั่นซิงกรุ๊ปผ่านวิกฤตนี้ไปได้
แต่หลังจากสามปีผ่านไป วั่นซิงกรุ๊ปกลับได้ร่วมมือกับบริษัทอื่นๆมาต่อต้านโหวจวี๋กรุ๊ป ไม่ว่าใครก็จะด่าเขาว่าเป็นหมาป่าที่ลืมบุญคุณ
ไป๋ยี่เฟยอยากจะรู้ว่าหลิ่วอู๋ฉงได้ร่วมมือกับธุรกิจหกแหล่งนี้ในขณะเดียวกันได้ยังไง นั้นวิธีที่ดีที่สุดก็คือไปถามวั่นซิงกรุ๊ป เพราะยังไงก็มีความสัมพันธ์ชั้นนี้อยู่ แต่เสียดายที่ผลสุดท้ายไม่ตามใจคน
ทั้งสองคนมาถึงอาคารวั่นซิงกรุ๊ป มาถึงเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ พูดกับพนักงานหญิงในเคาน์เตอร์ว่า”สวัสดีครับ ฉันชื่อไป๋ยี่เฟย จะหาประธานขึ้นพวกคุณครับ รบกวนช่วยแจ้งให้หน่วยครับ”
พนักงานหญิงในเคาน์เตอร์ยังคงยิ้มอยู่”ขออภัยด้วยค่ะ ประธานไปธุระที่ต่างเมืองค่ะ”
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้ว”คุณแน่ใจเหรอ?”
“ใช่ค่ะ เลขาหลี่ของประธานบอกกับฉันโดยตรงค่ะ”
ไป๋ยี่เฟยเงียบขรึมสักครู่หนึ่ง แล้วถามต่อ”แล้วประธานของพวกคุณจะกลับมาเมื่อไหร่?”
“สิ่งที่ฉันไม่รู้ค่ะ”พนักงานหญิงในเคาน์เตอร์ตอบด้วยรอยยิ้ม
พอดีในเวลานี้ ชายวัยกลางคนที่ใส่ชุดสูทสีดำและใส่แว่นเดินมา”เกิดอะไรขึ้น?”
คนที่มานั้นเป็นเลขาหลี่นั่นเอง เมื่อรู้สาเหตุที่ไป๋ยี่เฟยจะมาหาแล้ว เขาใช้มือปรับระดับกรอบแว่นตา และพูดว่า”ประธานยังต้องใช้เวลาอีกอาทิตย์หนึ่งถึงจะกลับมา พวกคุณกลับไปเถอะ!”
หลงหลิงหลิงเห็นเช่นนี้กำลังจะถามไป๋ยี่เฟยว่าจะกลับหรือยัง ไป๋ยี่เฟยเลยหัวเราะเยาะออกมา”โอเค ในเมื่อประธานไม่อยู่ นั้นรบกวนคุณช่วยไปบอกกับเขาว่า โอกาสมีแค่ครั้งเดียว ฉันให้เขาไปแล้ว ทีหลังฉันจะไม่ให้โอกาสเขาอีก”
พอพูดเสร็จ ไป๋ยี่เฟยเลยพาหลงหลิงหลิงจากไป
เลขาหลี่ตะลึงอยู่กับที่ คำพูดนี้หมายว่าว่ายังไง?แม่ง แกหยิ่งขนาดนี้ แกนึกว่าแกเป็นใครวะ?
แต่วั่นซินที่อยู่ในห้องทำงานได้มองเห็นฉากนี้จากกล้องวงจร จู่ๆก็ว้าวุ่นใจขึ้นมา
เขาไม่ได้ไปธุระต่างเมือง แต่เนื่องจากเหตุผลบางอย่าง ไม่สามารถไปพบกับไป๋ยี่เฟย
แต่คำพูดของไป๋ยี่เฟยในเมื่อกี้นี้ทำให้เขากังวลมาก เลยรีบโทรไปให้เลขาหลี่
“ท่านประธานครับ?”
“รีบ รีบไปตามคนให้กลับมา!ถ้าตามกลับมาไม่ได้ แกก็ไม่ต้องทำต่อแล้ว!”
เลขาหลี่อดไม่ได้ที่จะด่าคำว่า”ไอ้เหี้ย”ในใจ หลังจากวางสายแล้วก็รีบวิ่งไปทางประตู……
“คุณผู้ชายครับ รอก่อน รอก่อน……”
ไป๋ยี่เฟยกับหลงหลิงหลิงได้เดินออกจากตึกแล้ว แม้ว่าได้ยินเสียงที่มาจากด้านหลัง แต่ไป๋ยี่เฟยก็ไม่ได้หันหัวกลับเลย
แต่หลงหลิงหลิงได้มองไปตาหนึ่ง และพูดว่า”ท่านประธานคะ เลขาหลี่วิ่งตามขึ้นมาแล้ว”
ไป๋ยี่เฟยเดินไปข้างหน้าต่อ”ไม่ต้องสนใจเขา”