บทที่164
“เสี่ยวอิงเหรอ?”
เสียงที่หงุดหงิดของ หลิวเสี่ยวอิงดังอยู่ในโทรศัพท์ “นี่เธอไปลาออกไม่ใช่เหรอ? ทำไมนานอย่างนี้? นี่บริษัทของเธอแค่ลาออกยังต้องใช้เวลามากขนาดนี้เลยเหรอ? ไม่มีประสิทธิภาพเลยสักนิด!”
“คือฉัน……ไม่ลาออกแล้ว ท่านประธานยังคงไม่เปลี่ยนแปลง”
หลงหลิงเล่าไปอย่างพอสังเขป
หลิวเสี่ยวอิงอุทานออกมาด้วยความตกใจ “โอ้ว ท่านประธานคนนี้นี่ช่างร้ายกาจจริงๆ! นี่มันอัจฉริยะชัดๆ”
พอหลงหลิงหลิงได้ยินหลิวเสี่ยวอิงชมไป๋ยี่เฟย เธอก็รู้สึกชื่นใจมาก ราวกับว่าตัวเองกำลังถูกกล่าวชมอยู่เลย พอดีใจ เธอก็เล่าเรื่องตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอกับไป๋ยี่เฟยจนถึงตอนนี้ให้ หลิวเสี่ยวอิงฟัง
หลังจากที่หลิวเสี่ยวอิงฟังจบ ก็ออกความเห็นว่า “เขาเป็นคนที่ไม่ธรรมดาจริงๆ ถ้ามีโอกาสคงต้องทำความรู้จักกับเขาหน่อยแล้ว”
พอหลงหลิงหลิงพูดจบ หลิวเสี่ยวอิงก็ได้ถอนหายใจออกมา “เฮ้อ! เห็นทีฉันคงต้องไปหางานทำคนเดียวแล้วสินะ ช่างเป็นเด็กสาวที่น่าสงสารอะไรอย่างนี้!”
“ฮาๆ……” หลงหลิงหลิงขำออกมา “เธอเก่งออกขนาดนั้น ยังจะกลัวหางานไม่ได้อีกเหรอ? ฉันว่านะ อย่างเธอแค่ลองเดินเข้าไปสมัครในโรงพยาบาลไหนก็ตาม เขาคงรีบรับเธอเข้าทำงานเลยหล่ะ”
“ชิ นี่มันประเทศจีนนะ มันไม่เหมือนกับต่างประเทศหรอก ช่างเถอะ ไม่คุยแล้ว เดี๋ยวฉันไปปริ้นใบประวัติก่อน”
หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น หลี่ฝานก็ได้ตื่นขึ้นมาแล้ว
เขาลืมตาขึ้นอย่างกะทันหัน มองไปรอบๆ แล้วพยายามนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เอามือยันพื้นแล้วลุกขึ้น จากนั้นก็มองเห็นไป๋ยี่เฟยที่นั่งอยู่ไม่ไกล
หลี่ฝานตกตะลึง นี่เขาเพิ่งสลบไปอย่างนั้นเหรอ?
แล้วทำไมพอตื่นขึ้นมาแล้วเขายังอยู่ที่โหวจวี๋ล่ะ?
ทำไมพวกเขาถึงไม่พาเขาไปด้วย?
ทำไมในห้องถึงเหลือแค่เขากับไป๋ยี่เฟยเท่านั้น?
แล้วเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นกัน?
“ไป๋ยี่เฟย!” หลี่ฝานกำลังร้อนรน แต่ก็ทำเป็นตะคอกออกมาเสียงดัง
ไป๋ยี่เฟยมองมาที่หลี่ฝานด้วยสายตาที่เรียบเฉย จากนั้นก็เอนหลังไปพิงกับเก้าอี้ แล้วพูดออกมาด้วยเสียงเรียบๆ “คุณรู้ไหมว่าทำไมผมถึงเหลือคุณไว้แค่คนเดียว?”
“นี่คุณต้องการอะไรกันแน่? ผมบอกไว้เลยนะ การกักขังหน่วงเหนี่ยวมันผิดกฎหมายนะ!”
ไป๋ยี่เฟยยิ้มเยาะเย้ย “ผมไม่โง่เหมือนคุณหรอกครับ ทำไมผมต้องออกหน้าเองด้วย หมูยังฉลาดกว่าคุณเลย!”
“ไป๋ยี่เฟย! นี่คุณด่าว่าผมเป็นหมูอย่างนั้นเหรอ?” หลี่ฝานถลึงตาใส่เขา “แล้วคุณคิดว่าตัวเองจะดีไปกว่าผมสักเท่าไหร่เชียว? คุณมันก็แค่อาศัยว่าตัวเองเป็นประธานบริษัทของโหวจวี๋ก็เท่านั้นแหละ ถ้าคุณไม่ใช่ประธานละก็ คุณเองมันก็ไร้ค่าเหมือนกันนั่นแหละ!”
“ฮึ คุณพูดเองนิว่าถ้า แต่น่าเสียดายที่มันไม่มีคำว่าถ้า” ไป๋ยี่เฟยตอบกลับมาอย่างเฉยชา
หลี่ฝานสะอึก หายใจติดขัด
ไป๋ยี่เฟยพูดต่อ “ถ้าคุณอยากจะออกจากโหวจวี๋ละก็ คุณก็จงทำตามที่ผมสั่งสิ”
“อะไรนะ?” หลี่ฝานอึ้งไป
ไป๋ยี่เฟยลุกขึ้นยืน “หลังจากก้าวออกจากประตูของห้องประชุมนี้ไป คุณจงกลิ้งตัวออกไป”
“และจำไว้ ผมสั่งให้กลิ้งไม่ใช่เดิน”
“ไป๋ยี่เฟย มันจะมากไปแล้วนะ!”
ไป๋ยี่เฟยตบโต๊ะอย่างแรงด้วยความโมโห “ที่ผมทำมากเกินไปอย่างนั้นเหรอ? คุณแม่งทำให้หลี่เสว่หมดสติไปถึงสามรอบ ผมยังไม่ได้คิดบัญชีกับคุณเลย แล้วนี่คุณยังเดินเข้ามาเอารูปมาแบล็คเมล์ บอกให้ยกบริษัทให้คุณ ใครกันแน่ที่ทำเกินไปครับ?”
“สมมติว่าวันนี้เป็นไปตามที่คุณคิด คุณได้ขึ้นเป็นประธานบริษัทของโหวจวี๋ แล้วคิดว่าคุณจะยอมปล่อยผมไปง่ายๆ อย่างนั้นเหรอ?”
หลี่ฝานตกตะลึงกับความเกรี้ยวกราดที่ไป๋ยี่เฟยแสดงออกมา สิ่งที่เขาพูดมาก็ทำให้หลี่ฝานไม่สามารถตอบโต้ได้
แต่ หลี่ฝานก็ยังปากดี “การที่หลี่เสว่หมดสติไปมันเกี่ยวอะไรกับผม? เธอร่างกายอ่อนแอเองต่างหาก จะมาโทษผมได้ไง?”
ไป๋ยี่เฟยขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับหลี่ฝานแล้ว “คุณมาทางเลือกแค่ทางเดียวเท่านั้น นั่นก็คือ กลิ้งออกไปจากตรงนี้ซะ”
หลี่ฝานคิดในใจว่า ที่นี่มีแค่ไป๋ยี่เฟยอยู่แค่คนเดียว แล้วเขายังจะทำอะไรตัวเองได้?
“ผมไม่ทำ ผมจะเดินออกไป แล้วคุณจะทำอะไรผมได้?” หลี่ฝานทำเสียงฮึดฮัด หันหลังเตรียมที่จะเดินออกจากห้องประชุม
แต่งที่หน้าประตูห้องประชุม เขาก็ได้พบเข้ากับไป๋หู่ที่สูงร้อยเก้าสิบกว่ากับร่างกายที่กำยำของเขา
หลี่ฝานตกใจจนก้าวถอยหลังไปหลายก้าว
“ผม……ผมขอเตือนคุณไว้เลยนะ……ว่าทางที่ดีอย่าเล่นไม่ซื่อ……ไม่อย่างนั้น……ผมจะแจ้งตำรวจนะ!”
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้สนใจในสิ่งที่เขาพูด “เชิญไปแจ้งเลยครับ ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าการที่คุณไปปล่อยข่าวปลอมจนทำให้ผมสูญเสียชื่อเสียงกับการที่ผมสั่งให้คุณกลิ้งออกจากบริษัทให้มันจะสมควรโดนจับกว่ากัน?”
“ไอ้หน้าด้าน!” หลี่ฝานโกรธจนเผลอใช้คำด่าที่สิ้นคิดออกมา
จู่ๆ ไป๋ยี่เฟยก็รู้สึกน่าเบื่อขึ้นมา “ผมไม่อยากเสียเวลาแล้ว ผมจะให้เวลาคุณแค่สามวิ ถ้าคุณยังไม่ยอมกลิ้งออกไปอีกละก็ผมจะให้เขากระทบจนคุณยอมกลิ้งออกไป”
พอได้ยินอย่างนั้นหลี่ฝานก็มองไปยังไป๋หู่ที่ยืนตระหง่านอยู่ข้างๆ แล้วความกลัวในใจก็ได้บังเกิด กลิ้งก็กลิ้ง!
จากนั้นไป๋ยี่เฟยกับไป๋หู่ก็มองดูหลี่ฝานที่นั่งอยู่ตรงพื้น แล้วค่อยๆ กลิ้งตัวออกจากห้องประชุมไป
“คอยดูเขาไว้ ถ้าเขากล้ายืนขึ้นมา ก็ตบเขาลงไป แต่ถ้าเขากล้ายืนขึ้นแม้แต่วิเดียว ก็เตะเขาออกจากบริษัทได้เลย”
หลี่ฝานที่ยืนอยู่ข้างหน้าได้ยินสิ่งที่ไป๋ยี่เฟยสั่งไป๋หู่อย่างชัดเจน เขาเริ่มตัวสั่น ตอนแรกยังคิดว่าอาจจะแอบยืนในลิฟต์ได้แปบหนึ่ง แต่ไป๋ยี่เฟยก็อุดรอยรั่วเหล่านั้นเอาไว้หมดแล้ว
หลังจากนั้นสองนาที ภายในห้องโถงใหญ่ก็ได้มีการแสดงที่น่าดูให้ชม
ชายร่างท้วมใหญ่คนหนึ่งกำลังกลิ้งอยู่บนพื้นอย่างกับลูกบอลลูกใหญ่
ข้างหลังก็มีไป๋หู่ที่ร่างกายสูงใหญ่เดินตามมาติดๆ
ผู้คนที่พบเห็นยังตั้งใจแหวกทางให้อีกต่างหาก
“เขาคือใครเหรอ?”
“ดูเหมือนจะเป็นคนจากกิจการผลไม้หลี่ซื่อกรุ๊ปนะ”
“ข่าวล่าสุดที่ได้ยินมานะ รู้สึกว่าข่าวของท่านประธานจะเป็นข่าวปลอมนะ แล้วหลี่ฝานคนนี้ก็เอาข่าวนั้นมาข่มขู่เขา แล้วให้ท่านประธานยกโหวจวี๋ให้เขาไป”
“ห๋า?”
“ฉันก็ฟังมาอีกต่อหนึ่ง แต่เนื้อหาก็ประมาณนี้แหละ สรุปคือเขาต้องการที่จะเข้ามาเป็นประธานบริษัทของเรา แต่เขาก็ถูกท่านประธานสวนกลับอย่างสวยงาม เขายังคงเป็นประธานบริษัทของเรา แถมยังยึดกิจการผลไม้หลี่ซื่อกรุ๊ปมาไว้ในครอบครองอีก”
“ว้าว! ท่านประธานนี่สุดยอดเลย!”
“ใช่มั้ย? ทั้งหนุ่มทั้งสง่า เขานี่คือชายในฝันของสาวทั้งปวงเลยนะ!”
“……”
หลี่ฝานที่ได้ยินเสียงซุบซิบเหล่านั้น หน้าก็แดงขึ้นมาทันที แต่ก็จำใจต้องฝืนทนไว้ แล้วกลิ้งต่อไป
จนออกจากประตูของโหวจวี๋ไป หลี่ฝานจึงอนุญาตให้ยืนขึ้นได้
หลี่ฝานไม่กล้าอยู่ต่อแม้แต่วินาทีเดียว แล้วรีบเดินจากไปเลย
ภายในห้องทำงาน ไป๋ยี่เฟยก็ได้โทรหา เฉินห้าว “ตามหลี่ฝานไป”
ในเวลาเดียวกัน ไอ้หัวล้านหลิวก็แอบเคลื่อนไหวเหมือนกัน
มันคือการป้องกันการผิดพลาด ถ้าหากเฉินห้าวเกิดคลาดเคลื่อนกับหลี่ฝานไป ก็ยังมีไอ้หัวล้านหลิวสำรองไว้อีกคน
หลังจากนั้นชั่วโมงกว่า หลี่ฝานก็มาถึงที่บ้านของเย่อ้าย หลังจากเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้เย่อ้ายฟังแล้ว เขายังพูดต่อด้วยความโมโห “ไป๋ยี่เฟย ไอ้ชาติหมา กะล่อนปลิ้นปล้อน มันไม่ใช่คน! แม่ง มันยังสั่งให้ผมกลิ้งออกมาจากบริษัทอีกทำให้ผมต้องอับอายขายหน้าอีก!”
“พี่อ้ายครับ พี่ต้องช่วยผมนะ ช่วยผมแย่งกิจการผลไม้หลี่ซื่อกรุ๊ปกลับมา ไม่อย่างนั้นตระกูลต้องล่มสลายแน่ครับ!” สุดท้าย หลี่ฝานก็ต้องขอร้องให้เธอช่วย
แต่หลังจากที่เย่อ้ายฟังจบ เธอก็ยกมือขึ้นมาตบลงที่หน้าของหลี่ฝานอย่างแรง
“เพรี้ยะ!”
“แก ไอ้หน้าโง่!”
“เรื่องดีไม่มี มีแต่เรื่องล้มเหลว!”
“ตอนที่ฉันเอารูปให้แก ก็เพื่อให้แกเอาไปให้ไป๋ยี่เฟยคนเดียวเท่านั้น แล้วบังคับให้เขายกโหวจวี๋ให้กับแก แล้วแกทำอะไร? ทำดีเลยหนิ ป่าวประกาศไปทั่ว จนเรื่องใหญ่ไปหมด”
“ฉันยังหลงคิดไปว่าการใช้หลี่เสว่เป็นโทเค็น แกจะสามารถทำสำเร็จได้ซะอีก แต่แกกลับทำงานออกมาอย่างนี้เนี่ยนะ?”
“ฉันนี้ตาบอดไปจริงๆ ที่ใช้คนอย่างแกมาเป็นเบี้ย!”