บทที่165
“ไม่สิ แม้แต่เบี้ยตัวน้อยยังไม่สมควรเลย!”
“แกมันก็แค่หมู!”
หลี่ฝานถูกเย่อ้ายต่อว่าอย่างหนัก บวกกับความอัปยศที่เพิ่งได้รับมาจากไป๋ยี่เฟย มันก็ทำให้เขาระเบิดออกมาในทันที “แล้วทั้งหมดนี้มันคือความผิดของผมคนเดียวอย่างนั้นเหรอครับ? ก็พี่แม่งไม่ยอมพูดให้มันชัดเจนเอง ผมก็เลยทำตามที่ตัวเองเข้าใจไง!”
“อีกอย่าง ความจริงแล้วไป๋ยี่เฟยไม่ได้มีหุ้นของโหวจวี๋อยู่ในมือด้วยซ้ำ แล้วพี่รู้เรื่องนี้มาก่อนรึเปล่า? ในเมื่อตัวเองก็ไม่รู้ยังจะมีหน้ามาบลาๆบลาๆอยู่ตรงนี้อีก ถ้าพี่เก่งนักทำไม่พี่ไม่ไปทำเองหล่ะจะมาใช้ผมทำไม? แม่งเอ๊ย!”
“ตอนแรกฉันสั่งให้แกทำอะไรแกก็จะทำแค่นั้น อะไรที่ไม่ได้สั่งแกก็จะไม่ทำเด็ดขาด!” เย่อ้ายจ้องเขาด้วยสายตาที่ไม่สบอารมณ์
“ก็พี่ไม่บอกให้มันชัดเจนเองหนิ จะมาโทษผมได้ไง?”
เย่อ้ายพอได้ยินอย่างนั้น เธอก็สูดหายใจเข้าลึกๆ จะมาเถียงกับคนโง่ไม่ได้ มันจะทำให้ตัวเองดูโง่ไปด้วย
“ไสหัวไปซะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าแก”
พอหลี่ฝานได้ยินอย่างนั้น เขาก็ทำเสียงฮึดฮัดแล้วเดินจากไป
เขารู้สึกโกรธจริงๆ จึงไม่ทันคิดอะไรมาก
พอเดินออกจากวิลล่าไป ถึงไม่รู้สึกเสียใจขึ้นมา
กิจการผลไม้หลี่ซื่อกรุ๊ปก็เสียไปแล้ว ตระกูลหลี่ก็ไม่มีแล้ว เขาไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ถ้าไม่มีความช่วยเหลือจากเย่อ้ายอย่าว่าแต่ทวงคืนกิจการผลไม้หลี่ซื่อกรุ๊ปเลย แม้แต่การที่จะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขยังยากเลย
“จบแล้ว……”
หลี่ซื่อจบสิ้นแล้ว
ในขณะที่หลี่ฝานกำลังร้อนรนอยู่นั้นเอง จู่ๆ ก็มีถุงดำใบหนึ่งมาคลุมหัวของเขาไว้ จากนั้นก็ถูกมือข้างหนึ่งอุดปากเอาไว้แล้วดึงเขาเข้าไปในตรอกที่ไม่มีใครเห็น
“อุ๊บๆๆ ……” หลี่ฝานพยายามดิ้นรน
จากนั้นทุกอย่างก็เงียบไป
………
“นายครับ งานที่สั่งเรียบร้อยแล้วครับ” ไอ้หัวล้านหลิวโทรรายงานไป๋ยี่เฟย ในเวลาเดียวกัน เขาก็ส่งรูปของหลี่ฝานอีกหลายใบไปให้ไป๋ยี่เฟย
ภายในรูป เป็นภาพของหลี่ฝานที่นอนอยู่บนพื้น และขาทั้งสองข้างของเขานั้นบิดงออย่างน่ากลัว คนปกติไม่มีทางที่จะอยู่ท่านี้ได้เลย ดังนั้น หลี่ฝานคงจะสูญเสียขาทั้งสองข้างไปแล้วแน่ๆ
ไป๋ยี่เฟยตอบกลับ “อืม ดีมาก อีกสองล้านที่เหลือเดี๋ยวผมโอนให้”
“ครับ นาย” ไอ้หัวล้านหลิวตอบกลับมาอย่างร่าเริง เงินนี่มันช่างหาง่ายจริงๆ!
ไป๋ยี่เฟยถามต่อ “พวกคุณตามหลี่ฝานไปถึงไหน?”
ไอ้หัวล้านหลิวรู้สึกว่าในคำถามนี้เหมือนมีอะไรแฝงอยู่ จึงได้ตอบกลับไปตามตรงว่า “เป็นวิลล่าหลังหนึ่งครับ ไม่ได้อยู่ที่หลันโปกั่ง แต่เป็นวิลล่าในย่านอื่นครับ หลังจากที่เขาเข้าไป ก็ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงเขาก็ออกมาด้วยที่ทางที่โมโหมาก”
วิลล่าเหรอ?
แสดงว่า เย่อ้ายคงพักอยู่ในวิลล่าหลังนั้นสินะ
ระหว่างที่กำลังใช้ความคิดอยู่ หลงหลิงหลิงก็มาเคาะประตูห้องทำงานของเขา
“เข้ามา”
“ท่านประธานคะ ผู้บริหารจางอยากพบคุณค่ะ”
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้ว “ไม่พบ”
หลงหลิงหลิงพยักหน้าแล้วเดินออกไป
เมื่อจางหรงไม่สามารถเข้าพบไป๋ยี่เฟยได้ มันก็ยิ่งทำให้เขากังวลใจมากขึ้น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองไปเท่านั้น
ตอนเที่ยง ไป๋ยี่เฟยก็ตั้งใจจะกลับไปดูหลี่เสว่ที่วิลล่า
แต่หลังจากที่ขับรถออกมาได้สักพัก จู่ๆ ก็มีรถเก๋งคันหนึ่งขับตามเขามา แล้วเขาก็รู้สึกถึงภัยคุกคามขึ้นมาทันที
หลังจากที่ครั้งก่อนที่เขากับสวีลั่งเคยถูกรถไล่ตามมานั้น เขาก็ค่อนข้างระมัดระวังรถที่ขับตามหลังมาโดยตลอด ดังนั้นเขาจึงสังเกตเห็นรถที่ขับตามมาได้อย่างง่ายได้
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้วเบาๆ เขาจงใจขับรถวนไปรอบๆ คนๆ นี้ไม่คิดจะทำอะไรเขา เพียงแค่ต้องการสะกดรอยตามเขาเท่านั้น นั่นจึงทำให้ไป๋ยี่เฟยคิดไม่ออกว่าใครกำลังตามเขาอยู่? และต้องการอะไรกันแน่?
สุดท้าย สุดท้ายไป๋ยี่เฟยก็ตัดสินใจขับรถกลับวิลล่าที่หลันโปกั่งไป
………
ตระกูลหลี่ ตอนนี้วุ่นวายแล้ว
ในช่วงเวลาที่พวกเขาคิดว่าหลี่ซื่อกำลังมีหวัง กลับถูกการกระทำของหลี่ฝานทำให้พวกเขาตกเข้าไปอยู่ในหลุมอีกครั้ง
นายท่านหลี่ หลี่ต้าไห่และผู้อาวุโสคนอื่นๆ ต่างพากันยืนอออยู่ตรงหน้าห้องผู้ป่วยห้องหนึ่ง
“เฮ้อ!”
นายท่านหลี่ถอนหายใจออกมา ชั่วขณะหนึ่ง เขาก็ดูแก่ชราลงอย่างมาก
หลี่ต้าไห่มองไปในห้องผู้ป่วยด้วยความกังวล “นี่เขาไปหาเรื่องใครเข้าเนี่ย? ทำไมถึงโดนหนักขนาดนี้? ส่วนขาคู่นั้น ดูท่าจะใช้การไม่ได้แล้ว……”
พอหลี่เอ้อซานฟังจบก็พูดขึ้นว่า “พี่ใหญ่ ที่เขายังรอดมาได้ก็ถือว่าโชคดีมากแล้วครับ”
“นี่แกพูดอะไรออกมา? สรุปแกอยากให้เขาตายจริงๆ ใช่ไหม?” หลี่ต้าไห่ถลึงตาใส่หลี่เอ้อซาน
หลี่เอ้อซานกลืนน้ำลาย “นี่ผมกำลังปลอบใจพี่อยู่นะ แล้วนี่พูดกับผมอย่างนี้ได้ยังไง?”
พูดจบก็ทำเสียงฮึดฮัด แล้วก็เงียบไป
หลี่จ้าไห่กำลังรู้สึกสิ้นหวัง เขามีลูกชายคนนี้แค่คนเดียว ในตอนแรกเริ่ม เขาก็เป็นหลานชายที่คุณปู่รักใคร่ที่สุด และยังเป็นผู้สืบทอดของตระกูลหลี่อีกด้วย คนเป็นพ่ออย่างเขาก็ต้องได้ใจเป็นธรรมดาอยู่แล้ว
แต่ตอนนี้หล่ะ?
พอหลี่ฝานได้ขึ้นเป็นประธานบริษัทอย่างเต็มตัว เขาก็ไม่ได้ไว้หน้าผู้อาวุโสอย่างพวกตนอีกเลย ความไม่เคารพแบบนี้
แถมวันนี้ยังมาถูกทำร้ายจนขาหักแบบนี้อีก ต่อไปยังจะไปมีอนาคตอะไรให้พูดอีก?
และในตอนนั้นเอง หลี่เสี่ยวก็วิ่งแตกตื่นเข้ามาในโรงพยาบาล “คุณปู่แย่แล้วครับ แย่แล้ว!”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น ปู่ของแกยังดีๆ อยู่นะ!” หลี่ชิวถังคำรามออกมา
พอหลี่เสี่ยวได้ยินอย่างนั้นเขาก็รีบส่ายหัวทันที “ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นครับ”
นายท่านหลี่มองมาที่เขา แล้วถามไปว่า “มีเรื่องอะไร? ค่อยๆ พูด ไม่ต้องรีบ”
หลี่เสี่ยวดูร้อนรนมาก “เมื่อกี้มาคนจากโหวจวี๋มาครับ พวกเขาถือสัญญามาด้วยฉบับหนึ่ง และบอกว่าตั้งแต่นี้เป็นต้นไปกิจการผลไม้หลี่ซื่อกรุ๊ปได้กลายเป็นของโหวจวี๋แล้ว ไม่สิต้องบอกว่าเป็นของไป๋ยี่เฟยถึงจะถูกครับ”
“อะไรนะ?”