บทที่170
ที่หน้าห้องฉุกเฉิน พอไป๋ยี่เฟยมองเห็น หนิววั่งเดินมา เขาก็รีบเดินเข้าไปหาทันที น้ำเสียงของเขาสั่นเครือ “คุณหมอหนิวครับ ได้โปรดช่วยภรรยาของผมด้วย คุณต้องช่วยเธอให้ได้นะครับ!”
ผมจะพยายามอย่างเต็มที่ครับ”
พูดจบ หมอหนิวกับหมออีกหลายคนก็เดินเข้าห้องฉุกเฉินไป
หลิวเสี่ยวอิงยืนมองอยู่หน้าประตู แล้วก็สังเกตเห็นไป๋ยี่เฟย เธอรู้สึกว่าเขาค่อนข้างคุ้นตา แต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยเจอเขาที่ไหนมาก่อน แต่เธอก็ถามไปว่า “คือ……ภรรยาของคุณเป็นอะไรเหรอคะ?”
ไป๋ยี่เฟยเพียงแค่เงยหน้าขึ้นมามอง หลิวเสี่ยวอิง แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร ตอนนี้เขาไม่มีกะจิตกะใจไปตอบคำถามของคนที่ไม่เกี่ยวข้องหรอก จิตใจของเขาจดจ่ออยู่แค่ประตูของห้องฉุกเฉินเท่านั้น คาดหวังว่าเมื่อคุณหมอหนิวเดินออกมาจากห้องนั้นมาแล้วบอกกับเขาว่าเธอปลอดภัยดีเท่านั้น
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง หนิววั่งก็เดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน
ไป๋ยี่เฟยรีบถามออกมาอย่ารีบร้อน “เป็นยังไงบ้างครับ?”
หนิววั่งส่ายหน้าด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก “อยู่ๆ ร่างกายของเธอก็ทรุดลงอย่างรุนแรง และเรายังตรวจพบอีกว่า อวัยวะต่างๆ ของเธออ่อนแอลงอย่างมาก ผมกลัวว่า……”
ไป๋ยี่เฟยเดินทรุดไปข้างหลัง “ไม่ เป็นไปไม่ได้……”
คณบดีกับผู้อำนวยการก็ได้ยินเหมือนกัน คณบดีจึงรีบพูดขึ้นว่า “คุณหมอหนิว นี่มันเกิดอะไรขึ้น? มันเป็นไปไม่ได้ที่จะหมดทางช่วยเหลือใช่ไหม? คุณเป็นถึงหมอที่เก่งที่สุดในเมืองเทียนเป่ยเลยนะ”
หนิววั่งส่ายหน้า “ยาพิษแบบนี้ผมไม่เคยรู้จักมาก่อนเลยด้วยซ้ำ แล้วจะให้รักษายังไงครับ? ที่สำคัญมันได้ผสานเข้าไปในสายเลือดแล้วด้วย อวัยวะต่างๆ ของเธอก็ใกล้ล้มเหลวแล้วด้วย ช่วยไม่ได้แล้ว……”
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกราวกับว่าโลกของตัวเองกำลังจะพังทลายลงมาเลย
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้?
อวัยวะล้มเหลว!
คณบดียืนอึ้งอยู่กับที่ มันร้ายแรงจนถึงขั้นนี่แล้วเหรอเนี่ย!
ผู้อำนวยการเองก็ลำบากใจไม่ต่างกัน “คุณหมอหนิวเป็นหมอที่เก่งที่สุดในเมืองเทียนเป่ยแล้ว ถ้าเขายังช่วยไม่ได้ ก็เท่ากับว่า………”
ไม่มีใครสามารถช่วยได้แล้ว
ไป๋ยี่เฟยหายใจถี่ เขาไม่อยากยอมรับผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นแบบนี้
แต่ว่า ยังไงก็ต้องบอกความจริงให้เขารับทราบ หลี่เสว่ไร้ทางรักษาแล้ว
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกว่าเหมือนหน้าจะมืด หลี่เสว่ไร้ทางรักษา คำตอบนี้มันช่างทำร้ายจิตใจของเขาเหลือเกิน ร่างกายของเขาก็เริ่มจะรับไม่ไหวแล้วเหมือนกัน
คณบดีมองไปที่ไป๋ยี่เฟย ชายคนนี้เป็นถึงประธานบริษัทของโหวจวี๋กรุ๊ปเลยนะ ส่วนคนข้างในก็เป็นภรรยาของเขา คนที่เขาหวงแหนมากที่สุด ถ้าเราช่วยเธอไว้ไม่ได้ โรงพยาบาลของเราจะซวยไหมเนี่ย?
“นี่วันๆ พวกคุณทำอะไรกันบ้าง?”
“คนตั้งมากมายขนาดนี่ แต่กลับไม่มีใครสามารถช่วยเธอได้เลยเหรอ?”
“ยังจะเรียกตัวเองว่าหมออีก สิ่งที่พวกคุณร่ำเรียนมาเอาไปไว้ไหนหมดแล้ว?”
คณบดีเริ่มต่อว่าทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นยกเว้นไป๋ยี่เฟยคนเดียว ราวกับว่าเขาตั้งใจจะแสดงให้ไป๋ยี่เฟยดู อยากให้ไป๋ยี่เฟยรู้ว่าเธอนั้นโมโหและพยายามแค่ไหน!
และในตอนนั้นเอง เสียงที่สดใสของหญิงสาวคนหนึ่งก็ได้ดังขึ้น
“ฉันสามารถลองได้นะคะ”
สิ้นเสียง ทุกคนต่างก็พากันมองไปทางต้นเสียง เด็กสาวคนหนึ่งที่สวมกางเกงยีนกับเสื้อยืดสีขาว และสะพายกระเป๋าเป้ไว้ข้างหลัง
พอคณบดีเห็นว่าคนๆ นั้นคือ หลิวเสี่ยวอิง สีหน้าของเธอก็ยิ่งดูแย่ยิ่งขึ้นไปอีก แล้วตะคอกใส่ หลิวเสี่ยวอิงด้วยความโมโห “นี่คุณยังไม่ไปอีกเหรอ? ที่นี่ไม่ต้อนรับคนอย่างคุณ!”
เนื่องด้วยการสัมภาษณ์ที่จบลงอย่างไม่ดีนัก พวกเขาจึงคิดว่าหลิวเสี่ยวอิงคงกลับไปแล้ว แต่ปรากฏว่านานขนาดนี้แล้วเธอยังไม่ยอมไปอีก
ความจริงหลิวเสี่ยวอิงก็กะว่าจะไปแล้ว แต่ติดอยู่ที่ว่าเธอรู้สึกคุ้นหน้าไป๋ยี่เฟยมาก และอีกอย่างก็คือ สำหรับหมอแล้วคนไข้ทุกคนคือคนในครอบครัว ไม่ว่าใครป่วยพวกเขาก็จะไม่ยอมทอดทิ้ง ด้วยเหตุนี้เธอจึงยังไม่ยอมกลับได้
“ทำไมคะ? กลัวว่าฉันจะสามารถรักษาผู้ป่วยของพวกคุณให้หายรึยังไงคะ?” หลิวเสี่ยวอิงเบะปากถามคณบดี
“เด็กสาวที่ไร้ซึ่งประสบการณ์อย่างคุณเนี่ยนะ?” คณบดีโต้กลับ
หลิวเสี่ยวอิงย้อน “เด็กน้อยแล้วมันจะทำไม? ขอแค่สามารถรักษาคนไข้ได้ เรื่องอายุมันก็ไม่สำคัญแล้ว”
“นี่เธอกำลังเพ้อเจ้ออะไรอยู่? แม้แต่หมอที่เก่งที่สุดในเมืองเทียนเป่ยยังจนปัญญาเลย แล้วจะให้คุณลองดูเนี่ยนะ? ถ้าผู้ป่วยเกิดเป็นอะไรขึ้นมา คุณจะรับผิดชอบไหวเหรอ?” ผู้อำนวยการพูดเสริมขึ้นมา
หลิวเสี่ยวอิงยังย้อนอีก “บอกว่าฉันรักษาไม่ได้ พวกคุณก็ไปรักษาสิคะ!!!”
คณบดีกับผู้อำนวยการพูดไม่ออกแล้ว พวกเขาเก่งสู้หมอหนิวไม่ได้ ก็ต้องรักษาไม่ได้อยู่แล้ว
แต่ว่า “คนที่ไม่มีประสบการณ์อย่างคุณจะมารักษาคนไข้เนี่ยนะ น่าขันสิ้นดี!”
หลิวเสี่ยวอิงมองบน “ฉันไม่อยากเถียงกับพวกคุณแล้ว ทุกวินาทีของคนไข้นั้นมีค่า แต่พวกคุณยังมัวมาเสียเวลาอยู่ตรงนี้อยู่ได้ ฉันว่าพวกคุณคงไม่อยากจะช่วยคนแล้วสินะ!”
“นี่!” คณบดีกับผู้อำนวยการโมโหเป็นอย่างมาก
หลิวเสี่ยวอิงนั้นได้เดินเข้าห้องฉุกเฉินไปตามอำเภอใจแล้ว
พอเห็นอย่างนั้น คณบดีจึงรีบคว้ามือของเธอเอาไว้ “หยุดเดี๋ยวนี้นะ! ห้องฉุกเฉินไม่ใช่ที่ๆ คุณจะเข้าไปได้ตามใจชอบนะ!”
หลิวเสี่ยวอิงไม่ได้สนใจพวกเขาเลยสักนิด แล้วเธอก็เดินเข้ามาถึงข้างเตียงคนไข้ พอเห็นสีหน้าของหลี่เสว่ เธอก็ขมวดคิ้วอย่างแรง “นี่เธอกำลังขาดเลือดอย่างนั้นเหรอ?”
พูดจบ หลิวเสี่ยวอิงก็ได้เอานิ้วสัมผัสลงที่ข้อมือของหลี่เสว่เพื่อตรวจชีพจร
เมื่อทุกคนเห็นอย่างนั้น ต่างก็ตะลึงไปเลย
ตรวจชีพจร?
นี่มันแพทย์แผนจีนนี่
คณบดี ผู้อำนวยการและหมอหนิวต่างก็ไม่แปลกใจ เพราะในใบสมัครก็มีเขียนอยู่
แต่คนอื่นๆ นั่นไม่ใช่ สมัยนี้แล้ว ยังมีเด็กสาวอายุน้อยขนาดนี้รู้จักแพทย์แผนจีนอีกเหรอ?
นี่มันเชื่อถือได้ไหมเนี่ย?
สำหรับแพทย์แผนจีนนั้น ถ้าไม่ฝึกเป็นสิบๆ ปีนี่ไม่มีทางใช้ได้แน่นอน!
พอคณบดีตั้งสติได้ เธอก็เดินเข้าไปดึงแขนของ หลิวเสี่ยวอิงออกมา “ฉันสั่งให้คุณหยุด อย่ามาทำให้คนอื่นเขาต้องเสียเวลาอยู่ตรงนี้นะ”
หลิวเสี่ยวอิงเองก็โกรธแล้ว “ฉันว่าพวกคุณต่างหากล่ะที่ทำให้เสียเวลา คนไข้ก็อยู่ในสภาพแบบนี้แล้ว ถ้าฉันยังไม่ลงมืออีกละก็ รับรองได้เลยว่าเธอจะไม่มีวันฟื้นขึ้นมาได้อีกแน่นอน!”
เมื่อไป๋ยี่เฟยได้ยินคำพูดนี้เข้า เขาก็ได้สติขึ้นมาทันที “คุณพูดว่าอะไรนะ?”
“เมื่อกี้ตอนที่ฉันตรวจชีพจรดู ภรรยาของคุณกำลังขาดเลือด และอวัยวะต่างๆ กำลังจะล้มเหลว ฉันสามารถฝังเข็มเพื่อปลุกเธอให้ตื่นได้ แต่สิ่งที่อยู่ในร่างกายเธอ ฉันยังไม่สามารถกำจัดมันออกไปได้ค่ะ” หลิวเสี่ยวอิงตอบอย่างพอสังเขป
“ได้ เชิญลงมือได้เลยครับ” ไป๋ยี่เฟยประกาศออกมาอย่างเสียงดัง
เมื่อคณบดีเห็นอย่างนั้น สีหน้าก็เริ่มเคร่งเครียด “ท่านประธานไป๋คะ เด็กคนนี้เป็นเพียงแค่นักศึกษาที่เพิ่งจบออกมาไม่นานนะคะ ไม่มีประสบการณ์อะไรเลย คุณจะยอมให้เธอรักษาง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้นะคะ เดี๋ยวถ้า……”
ไป๋ยี่เฟยเงยหน้าขึ้นมา สายตาเย็นชา “ผมอนุญาตให้เธอทำการรักษา”
อย่าว่าแต่เด็กสาวที่เพิ่งจบใหม่เลย ต่อให้เป็นเด็กสิบขวบมาบอกว่าเธอรักษาได้ เขาก็จะไม่มีทางปล่อยโอกาสใดๆ ให้หลุดมือไปเป็นอันขาด
ตอนนี้หลี่เสว่กำลังอยู่ในอันตราย แต่พวกเขายังมีหน้ามาเถียงกันเรื่องไร้สาระแบบนี้อีก จนทำให้เขาอยากจะระเบิดพวกเขาทิ้งให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
เขารู้สึกกลัวมาก กลัวว่าหลี่เสว่จะไม่ตื่นขึ้นมาอีก การจากลาอย่างชั่วนิรันดร ผลลัพธ์อย่างนั้นเขาทำใจยอมรับไม่ไหว
ไป๋ยี่เฟยหันไปมองหลิวเสี่ยวอิง
หลิวเสี่ยวอิงพยักหน้า จากนั้นก็รีบเปิดกระเป๋าของตัวเองออก แล้วหยิบเข็มเงินจำนวนหนึ่งออกมา
ในตอนนั้น ผู้อำนวยการก็ได้พูดแซะขึ้นว่า “ทำเป็นแสดง!”
คณบดีพยักหน้า แล้วสบถออกมา “เดี๋ยวถ้ารักษาไม่ได้นะ จะคอยดูว่าเธอจะทำหน้ายังไง? เด็กๆ สมัยนี้เนี่ย ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเลยจริงๆ!”
กับคำถามที่ไร้สาระของสองคนนี้ หลิวเสี่ยวอิงไม่เคยคิดที่จะตอบ
หลังจากที่หยิบเข็มเงินออกมา เธอก็เริ่มโดยการฆ่าเชื้อก่อน จากนั้นก็ค่อยๆ เสียบพวกมันลงไปบนร่างกายของหลี่เสว่ทีละเล่มด้วยความระมัดระวัง
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างพากันหวาดเสียว