ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ – ตอนที่ 201

บทที่201

“ครั้งนี้โหวจวี๋คงจะสู้ไม่ได้จริงๆซะแล้ว!”

“หกบริษัทร่วมมือกันจัดการโหวจวี๋ เกรงว่าโหวจวี๋จะถึงจุดจบแล้วล่ะ!”

“ให้ตายสิ!มันช่างกระตุ้นอะไรขนาดนี้ หกบริษัทร่วมมือกัน!”

“……”

โฮสต์หลังจากที่ได้ยินแบบนี้แล้ว ก็ถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือก“ประธานไป๋คุณก็ได้ยินแล้ว ว่าคุณหลิ่วมีกำลังจ่าย ดังนั้นประธานไป๋อย่าสร้างปัญหาเลย”

โฮสต์ก็ปรับตัวไปตามสถานการณ์เช่นเดียวกัน ตอนนี้โหวจวี๋ถูกหกบริษัทต่อต้านทางธุรกิจ ผลสุดท้ายไม่ต้องคิดก็รู้แล้วว่าจะจบลงยังไง ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องทำตัวดีอะไรมากมายกับโหวจวี๋อีกแล้วเหมือนกัน

ไป๋ยี่เฟยมองไปทางโฮสต์หนึ่งที หัวเราะหึออกมา ก่อนจะพูดอย่างนิ่งๆ“ผมสร้างปัญหา?”

พูดจบ ไป๋ยี่เฟยไม่ได้พูดต่อ จางหรงก็ลุกขึ้นมา“นี่โฮสต์เกิดอะไรขึ้น? ประธานของพวกเราจะไปสร้างปัญหาได้ยังไง? แค่ถามไปประโยคเดียว ก็สร้างปัญหาแล้วอย่างนั้นเหรอ?”

โฮสต์พูดเย้ยหยันอย่างไม่ได้แยแสสนใจอะไร“คุณหลิ่วบอกไปแล้วว่าเขามีกำลังสนับสนุน ประธานของทางโหวจวี๋ก็ยังจะถามข้อสงสัยขึ้นมาอีก นี่มันเท่ากับว่ากำลังสร้างปัญหาอย่างไม่มีสาเหตุไม่ใช่หรือไง?”

“แล้วก็ โหวจวี๋ก่อปัญหาที่ไร้เหตุไร้ผลแบบนี้ แสดงว่าไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตาเลยใช่ไหม คงนึกว่าโหวจวี๋เป็นอันดับหนึ่งของเมืองเทียนเป่ยสินะ ถึงได้มารังแกคนตัวน้อยๆแบบพวกเรา?”

จางหรงสีหน้าเริ่มแดง“นี่คุณ!คุณพูดมั่วซั่วอะไรอยู่!พวกเราไปรังแกคุณตั้งแต่เมื่อไร? เห็นได้ชัดว่าเป็นคุณต่างหากที่เป็นหมาพอมีเจ้านายคุ้มกะลาหัวหน่อยก็มาอวดเบ่งใส่คนอื่น!”

โฮสต์ถูกด่าว่าหมา สีหน้าก็บูดเบี้ยวเช่นเดียวกัน“แล้วมันไม่ใช่หรือไง? โหวจวี๋ถือว่าเป็นร้านใหญ่แล้วจะรังแกลูกค้ายังไงก็ได้ อาศัยอำนาจของตัวเองมากลั่นแกล้งคนที่เขาไม่มีอำนาจ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าคุณหลิ่วลุกขึ้นมาสู้ เกรงว่าพวกคนตัวน้อยๆแบบพวกเราคงจะไม่มีทางได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขแน่ๆ!”

พูดได้ว่าปากของโฮสต์นี่สุดยอดจริงๆ เรื่องเล็กๆน้อยๆ พูดซะกลายเป็นพวกเขาใช้อำนาจกดขี่ข่มเหงคนอื่น พูดให้ตัวเองดูน่าสงสาร น่าสงสารมากๆ

พวกที่หัวอ่อนพอได้ฟังสิ่งที่โฮสต์พูดแล้วก็พากันพยักหน้าเห็นด้วย

“ใช่ๆ โหวจวี๋ยิ่งใหญ่ทรงพลังขนาดนั้น พวกเราก็ไม่กล้าพูดอะไรหรอก!”

“เห้อ!ต้องให้คุณหลิ่วลุกขึ้นมาจริงๆนั่นแหละ!”

“บางครั้งอยากปฏิเสธก็ทำไม่ได้!”

“……”

ไป๋ยี่เฟยพูดขึ้นอย่างช้าๆ“คุณหลิ่วพูดอะไรพวกคุณก็เชื่อเหรอ? เขาก็แค่คุยโม้เกินจริงเท่านั้น พวกคุณไม่คิดหน่อยหรือไง ว่ามันเป็นแบบนี้จริงๆหรือเปล่า ไหนจะร่วมมือกับหกบริษัท ไหนจะรวมเงินกันมากมายขนาดนี้ ไหนจะมาที่นี่อีก?”

“อะไร?”

ผู้คนมองไป๋ยี่เฟยด้วยความประหลาดใจ

โฮสต์เริ่มรู้สึกกดดัน“คุณคิดว่าที่คุณหลิ่วพูดมันเป็นเรื่องโกหกหรือไง?”

“แล้วไม่ใช่เหรอ?”ไป๋ยี่เฟยยกไหล่“ต้องโง่เท่านั้นแหละถึงจะเชื่อคำพูดโง่ๆของเขาได้”

“ไป๋ยี่เฟย!”หลิ่วอู๋ฉงจ้องไป๋ยี่เฟยตาเขม็ง“โหวจวี๋กำลังจะจบเห่ลงแล้ว คุณก็เลยโกรธไม่ไหวสินะ ผมเข้าใจ แต่คุณก็ไม่มีสิทธิ์มาพูดไร้สาระอะไรที่นี่!”

โฮสต์พอเห็นแบบนี้ก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมา“ใช่ๆ อย่านึกว่าคุณเป็นประธานของโหวจวี๋แล้ว ผมจะกลัวคุณนะ คุณคงจะกำลังต่อสู้ดิ้นรนให้ถึงที่สุดแน่ๆ ผมจะบอกอะไรคุณให้นะ เรื่องนี้มันถูกกำหนดไว้แล้ว คุณพูดอะไรมันก็เปล่าประโยชน์แล้วล่ะ!”

ไป๋ยี่เฟยส่ายหัว“กองทุนเงินธุรกิจของหกบริษัทนี้ ดูเหมือนว่าจะถูกอายัดบัญชีไปห้าแห่งแล้วนะ ถ้าอย่างนั้นผมขอถามคุณหลิ่วหน่อย ว่าคุณจะเอาเงินสองพันล้านที่ไหนมาจ่าย?”

พูดจบ ผู้คนต่างก็พากันเอียงหัวรับฟัง ต่างก็รู้สึกตกใจกันไม่น้อย

ถ้าสิ่งที่ไป๋ยี่เฟยพูดเป็นเรื่องจริง แสดงว่าคำถามที่ไป๋ยี่เฟยถามก่อนหน้านี้ ไหนจะข้อสงสัยที่ถกขึ้นมาตอนนี้ จะต้องไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน

“ถ้าเป็นแบบนี้แล้ว ก็ไม่แปลกที่ไป๋ยี่เฟยจะถามคำถามนั้น!”

“ใช่ๆ ไม่มีเงินจ่ายก็จะต้องถูกกักขัง”

“ไม่น่าจะใช่เรื่องจริงหรอก”

โฮสต์สีหน้าเริ่มเปลี่ยน สัมผัสได้ถึงสิ่งไม่ดีที่จะเกิดขึ้น

หลิ่วอู๋ฉงกลับหยุดลง จากนั้นก็พูดอย่างยิ้มๆ“ไป๋ยี่เฟย คิดว่าผมไม่รู้จักคนที่ผมร่วมมือด้วยหรือไง? เงินทุนของพวกเขาถูกอายัดแล้วหรือไม่นั้น ผมรู้ดีกว่าคุณ!”

หลิ่วอู๋ฉงพูดขึ้นอีก“ผมเข้าใจจิตใจในตอนนี้ของคุณนะ แต่ผมบอกได้เลยว่า คุณแพ้ไปเรียบร้อยแล้ว แพ้โดยสิ้นเชิง ดังนั้นอย่ามาดิ้นรนให้สูญเปล่าอีกเลยจะดีกว่านะ”

“ไป๋ยี่เฟย พอได้แล้ว พอได้แล้วจริงๆ ยิ่งคุณเป็นแบบนี้ ก็ยิ่งชัดเจนว่าคุณไม่มีประโยชน์ น่าสมเพช ยิ่งทำให้คนหัวเราะเยาะมากกว่าเดิมอีกนะ!”

“แล้วไม่ใช่หรือไง? มันน่าหัวเราะเยาะตั้งแต่แรกแล้วนี่นา!”

คำพูดนี้วั่นต้าเป่าเป็นคนพูด ในตอนแรกเขายังกังวลอยู่เลยว่าไป๋ยี่เฟยจะมาคิดบัญชีกับเขา ตอนนี้ ไม่ต้องกังวลแม้แต่นิดเดียวแล้ว ไป๋ยี่เฟยแม้แต่จะช่วยตัวเองยังช่วยไม่ได้เลย จะมีกะจิตกะใจที่ไหนมาจัดการคนอื่น?

บวกกับเขาถูกไป๋ยี่เฟยหลอกเงินไปเยอะขนาดนั้น จะต้องกู้หน้ากลับมาให้ได้!

วั่นต้าเป่าพูดขึ้นต่อ“ท่านประธานโหวจวี๋? ช่างกล้าหาญอดทนขนาดนี้เชียว? ถึงได้มาเข้าร่วมงานประมูลอย่างสบายจิตสบายใจแบบนี้ โอ้ไม่สิ ควรจะพูดว่า คุณไม่ควรจะเป็นประธานโหวจวี๋นี่ตั้งแต่แรกอยู่แล้วสินะ!”

พูดจบ พวกหญิงสาวพราวเสน่ห์ต่างก็พากันหัวเราะเยาะกัน“ใช่ๆ ที่โหวจวี๋มีจุดจบแบบในวันนี้ ก็เพราะว่าเขาทำตัวเองทั้งนั้น!”

ในสายตาพวกเขาแล้ว ไป๋ยี่เฟยจะต้องจบเห่อย่างแน่นอน ดังนั้นพวกเขาจึงเหยียบย่ำอย่างไร้ซึ่งความเมตตา

ส่วนวั่นซินที่อยู่ข้างๆ ไม่มีความสัมพันธ์กับใครไม่สนใจใครทั้งสิ้น

นั่งนิ่งๆอย่างเรียบร้อยไม่ได้กันหรือไง?

ใช่ สภาพของโหวจวี๋ในตอนนี้จะจบเห่ลงแล้วจริงๆ แต่คนพวกนี้ไม่รู้เลยสักนิดว่า โหวจวี๋ไม่ใช่เป็นแค่โหวจวี๋ เบื้องลึกเบื้องหลังของเขา เป็นถึงตระกูลไป๋แห่งเมืองหลวง!

นั่นก็คือตัวตนที่คนทุกคนไม่สามารถจะมายุแหย่ได้!

วั่นซินสุดยอดจริงๆ ถ้าไป๋ยี่เฟยไปฟ้องร้องกับคุณหญิงไป๋ หรือไม่ก็คุณหญิงไป๋รู้เรื่องนี้ แล้วคุณหญิงไป๋โมโหขึ้นมา พวกเขาจะต้องรับไม่ไหวแน่นอน

ครั้งนี้ถูกหลิ่วอู๋ฉงใช้ยาระงับควบคุมเอาไว้ เขาก็จำใจต่อต้านโหวจวี๋เหมือนกัน เขาพยายามไม่ให้คนหันมาสนใจกับตนเองอย่างสุดความสามารถแล้ว ทำยังไงตัวเองก็เป็นคนโง่คนหนึ่ง แถมยังหาแฟนที่โง่อีก ทรยศเขาซะไม่เหลือชิ้นดี!

ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่

ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่

ลูกเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงที่ถูกคนอื่นหัวเราะเยาะ ตัวตนที่แท้จริงของเขาคือ……

Comment

Options

not work with dark mode
Reset