บทที่ 203
ซุนเหว่ยไม่สะทกสะท้าน“คุณหลิ่ว ในเมื่อคุณพูดแบบนี้แล้ว ถ้าอย่างผมก็ขอแจ้งให้คุณทราบอย่างชัดเจนเลยก็แล้วกัน การร่วมงานกันระหว่างพวกเราสิ้นสุดลงนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ผมยังมีธุระอีก ขอตัวก่อนล่ะครับ”
ซุนเหว่ยจากไปท่ามกลางสายตาประหลาดใจของผู้คน
หลิ่วอู๋ฉงอึ้งตะลึง
ไป๋ยี่เฟยยกคิ้ว“คุณหลิ่ว นี่มันไม่เหมือนกับที่คุณพูดเลยนี่นา!”
ไม่รอให้หลิ่วอู๋ฉงเปิดปาก ไป๋ยี่เฟยพูดต่อ“หลิ่วอู๋ฉง ทั้งหมดมันถูกกำหนดจุดจบไว้แล้ว คุณแอบคิดวางแผนตั้งแต่แรก ควบคุมพวกเรากลุ่มนี้ไว้อยู่ในกำมือ แต่นั่นเป็นเพียงแค่การควบคุมที่คุณคิดไปเอง”
“ผมยอมรับความเป็นมืออาชีพของคุณ แต่นี่ไม่ได้แสดงว่า คนทุกคนจะจะยอมก้มหัวให้กับคุณเพราะความเป็นมืออาชีพของคุณ คุณไม่ใช่คนที่เก่งที่สุดในที่แห่งนี้”
“คนที่ถูกคุณวางแผนจัดการควบคุมพวกนี้ ถ้าวันหนึ่งพวกเขาได้เป็นอิสระ ก็มีแต่จะโกรธแค้นคุณเท่านั้น ลองคิดดูสักหน่อยสิ ว่ามีใครบ้างที่เต็มใจถูกคนอื่นควบคุม?”
“ก่อนที่คุณจะทำเรื่องพวกนี้ ก็ควรจะคิดได้ว่าตัวเองจะต้องเผชิญหน้ากับจุดจบแบบนี้”
“ตอนนี้ คุณควรจะเป็นห่วงบ้างนะว่า ต่อไป คุณจะทำยังไง?”
“นั่นมันหกเดือนเต็มๆเลยนะ!”
พูดถึงตรงนี้ หลิ่วอู๋ฉงในที่สุดก็ดึงสติกลับมา ซุนเหว่ยไม่ให้เงินเขา บริษัททั้งห้าเงินทุนก็ถูกระงับ เขาจะเอาเงินสองพันล้านที่ไหนไปจ่าย?
ไม่มีเงินจ่าย ถ้าว่ากันตามกฎหมายแล้ว เขาก็ต้องถูกกักขังหกเดือน
โฮสต์ถูกหลิ่วอู๋ฉงหลอกซะจนน่าสมเพช สถานการณ์ในตอนนี้ เขาต้องกู้หน้าคืนมาสักหน่อย ดังนั้นจึงพูดขึ้นอย่างจริงจัง“ใช่ ว่ากันตามกฎหมายแล้ว ถ้าเกิดคุณจ่ายของที่ประมูลมาไม่ไหว พวกเราก็จะต้องแจ้งไปทางของตำรวจ”
หลิ่วอู๋ฉงตกจากสวรรค์ดิ่งลงสู่นรกทันที ต่างกันเยอะเกินไป ทำให้เขาไม่รู้จะตอบสนองกลับมายังไง
โฮสต์พูดจบ ก็อึ้งตะลึงไปอยู่นานสองนานถึงจะพูดขึ้นมาหนึ่งประโยค“เอ่อ ผ่อนจ่ายได้ไหม?”
“ถุ้ย!” โฮสต์เริ่มโมโหแล้ว ก่อนหน้านี้ก็ถูกหลิ่วอู๋ฉงหลอก ตอนนี้ยังจะมาพูดกับเขาว่าผ่อนจ่ายอีก“คุณเห็นพวกผมเป็นกองการกุศลหรือไง? การประมูลมันต้องเงินมาของไปตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แล้วคุณดันไม่มีเงินจ่ายเนี่ยนะ บ้าสิ้นดี!”
“สรุปแล้วคุณมีเงินหรือไม่มีกันแน่? มีเงินก็รีบๆจ่าย ไม่มีเงินก็อย่ามาว่าผมแล้วกันถ้าผมจะเรียกตำรวจ”
หลิ่วอู๋ฉงสีหน้าอัดอั้นกลายเป็นตับหมู“นี่คุณ……”
เขาแทบอยากจะออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด จึงลืมไปสนิทแล้วว่าตนเองไม่มีเงินจ่าย ก้าวขาจะเดิน
โฮสต์เห็นแบบนี้จึงรีบเข้าไปข้างหน้า ยื่นมือออกมารั้งหลิ่วอู๋ฉงเอาไว้“คุณหลิ่ว คุณคิดจะหนีไป?”
“แสดงว่าคุณไม่มีเงินแล้ว?”พูดจบโฮสต์ก็หยิบมือถือขึ้นมา เตรียมจะแจ้งความกับตำรวจ
“รอเดี๋ยว”ไป๋ยี่เฟยพูดห้ามไว้
โฮสต์เห็นแบบนี้ก็รีบพูดยิ้มๆอย่างประจบประแจงทันที“ท่านประธานไป๋ ท่านจะพูดสั่งอะไรเหรอครับ?”
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้สนใจโฮสต์ แต่ว่ามองหลิ่วอู๋ฉง“หลิ่วอู๋ฉง ผมจะปล่อยให้คุณไป คุณว่าไง?”
“คุณคิดจะทำอะไร?”หลิ่วอู๋ฉงมองไป๋ยี่เฟยอยางระมัดระวังตัว บอกเขาไปตรงๆ ไป๋ยี่เฟยไม่มีทางปล่อยเขาไปง่ายๆแบบนี้แน่นอน
ไป๋ยี่เฟยพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ“ผมไม่ได้คิดจะทำอะไร? ผมแค่อยากจะให้โอกาสคุณสักครั้งก็เท่านั้น คุณจะเอาไม่เอา?”
เอาไม่เอา?
หลิ่วอู๋ฉงมองต่ำลง
เอาอยู่แล้ว!
ถ้าไป๋ยี่เฟยไม่ให้โอกาสนี้กับเขา เขาก็จะถูกตำรวจพาตัวไปทันที จากนั้นก็ถูกกักขังหกเดือน เขาก็จะไม่เหลืออะไรอีก!
ไม่ว่าไป๋ยี่เฟยมีเป้าหมายอะไร เขาก็ต้องคว้าโอกาสนี้ไวให้ได้ ขอเขาหนีออกไปได้ หลังจากนั้นก็จะค่อยๆจัดการเก็บไป๋ยี่เฟยอย่างช้าๆ
“เอาอยู่แล้ว แต่ว่า ผมคิดว่าคุณจะเสียใจที่ให้โอกาสนี้กับผม”
ไป๋ยี่เฟยสบถหึออกมา“ไม่ ผมไม่เสียใจ ที่เสียใจน่ะคือคุณต่างหากล่ะ”
หลิ่วอู๋ฉงใสซื่อเกินไป
นึกว่าที่เขาปล่อยเขาไปเพราะว่าใจดีมีเมตตาอย่างนั้นเหรอ? เป็นไปได้ยังไง?
ถูกกักขังหกเดือนสำหรับหลิ่วอู๋ฉงแล้ว เบามาก
แต่ถ้าเขาได้ออกไป คนที่เคยถูกเขาควบคุมพวกนั้น จะต้องไม่ปล่อยเขาไปแน่นอน!
ถึงตอนนั้นเขาก็จะรู้ ว่าถูกกักขังหกเดือนมันมีความสุขกว่าขนาดไหน
โฮสต์เห็นแบบนี้ ก็ไม่อยากพูดอะไรมากมาย ถึงยังไงโหวจวี๋ก็จะปล่อยหลิ่วอู๋ฉงไปอยู่ดี ต้องไว้หน้าเขาสักหน่อย
หลังจากที่หลิ่วอู๋ฉงได้ยินคำพูดของไป๋ยี่เฟยก็อึ้งตะลึงไปสักพัก คิดสิ่งที่เกี่ยวโยงกันไม่ออก สุดท้ายก็สบถหึออกมา“รอดูแล้วกัน!”
พูดจบ หลิ่วอู๋ฉงก็ก้าวขาเดินออกไปจากห้องโถงของงานประมูลทันที
โฮสต์ได้ยินแบบนั้น ก็หันไปมองไป๋ยี่เฟย“ท่านประธานไป๋ นี่มัน……”
แม้ว่าต้องไว้หน้าก็จริง แต่เรื่องราวมันก็ต้องคลี่คลายด้วยเหมือนกัน หลิ่วอู๋ฉงไปแล้วที่ดินชานเมืองใต้จะจัดการยังไง?
ไป๋ยี่เฟยได้ยินแบบนั้นก็พูดขึ้นอย่างนิ่งๆ“มีสองวิธี ขายที่ดินนี้ให้กับบรรดาคนที่เสนอราคาก่อนหน้าหลิ่วอู๋ฉง ไม่ก็ เปิดประมูลที่ดินนี้ใหม่อีกรอบ”
โฮสต์ได้ยินแบบนั้นก็หยุดชะงักไป รู้สึกว่ามีเหตุมีผล ดังนั้นจึงหยิบไมค์ขึ้นมาพูดกับทุกคน“ในมือเป็นแบบนี้ ที่ดินชานเมืองใต้นี้ พวกเรามาเริ่มประมูลอีกรอบกันเถอะครับ”
พูดจบ โฮสต์ก็เดินขึ้นไปบนเวที เตรียมเริ่มการประมูลอีกครั้ง
แต่ไป๋ยี่เฟย ในเวลานี้ ไม่ได้อยากจะไปประมูลที่ดินขนาดนั้นแล้ว จึงไม่ได้เข้าร่วมการเสนอราคาในขณะที่คนอื่นกำลังเสนอราคากันอยู่
จางหรงไม่เข้าใจ“ท่านประธาน พวกเราไม่เอาแล้วเหรอ?”
ไป๋ยี่เฟยอื้อมาหนึ่งคำ
จางหรงพูดถามขึ้นอีก“แล้วเรื่องของหลิ่วอู๋ฉง ที่ปล่อยเขาไปแบบนี้ เมตตาเกินไปไหมครับ?”
ไป๋ยี่เฟยชำเลืองตามองจางหรงอย่างนิ่งๆ“นายคิดว่าฉันมีเมตตาไหมล่ะ?”
“หลังจากเขาออกไปแล้ว จะมีคนไปจัดการกับเขาเอง”
ทำไมต้องมาลำบากตัวเองด้วยล่ะ สกปรกมือตัวเองเปล่าๆ
จางหรงไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร แต่ก็ไม่กล้าถามเยอะ
ไม่นานที่ดินชานเมืองใต้ก็ถูกคนประมูลไปได้ เป็นเย่อ้ายประมูลไปได้ในราคาพันล้าน
ไป๋ยี่เฟยไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไร หลังจากการประมูลสิ้นสุดแล้ว ก็เตรียมจะจากไป แต่ เขาเห็นวั่นซินที่กำลังจะกลับไปอย่างเงียบๆ
ในตอนนี้ทุกคนก็กำลังเดินออกไปข้างนอก คนค่อนข้างเยอะ
วั่นซินกะที่จะอาศัยช่วงที่คนเยอะไม่ทันได้สังเกต แอบหนีไปอย่างเงียบๆ แบบนี้ก็จะได้ไม่ต้องไปเจอเข้ากับไป๋ยี่เฟยแล้ว
ไปยี่เฟยกลับไม่ให้โอกาสนี้กับเขา
“ประธานวั่น รีบขนาดนี้เชียว?”
เสียงเสียงนี้ดังมาก วั่นซินก็ได้ยินเป็นปกติอยู่แล้ว คนรอบข้างก็ได้ยินเหมือนกัน ก็เลยพากันหยุดเดิน หันมามอง
วั่นซินใจเต้นตึกตัก เขาหันมาทันที สีหน้ายิ้มแย้ม“ประธานไป๋ ผมไม่ได้รีบ ไม่ได้รีบสักนิดเลยนะครับ”
ไป๋ยี่เฟยเดินมาอยู่ข้างหน้าวั่นซิน“วั่นซิน จริงๆแล้วผมรู้สถานการณ์ของคุณ ผมก็รู้ด้วยว่าทำไมคุณถึงทำแบบนี้ พวกของเซียวเถิงกับคุณเผชิญกับสถานการณ์เดียวกัน ผมก็ไม่ใช่คนที่เจ้าคิดเจ้าแค้นอะไร ดังนั้นผมไม่ด่าโทษพวกเขา”
วั่นซินได้ยินประโยคนี้ จู่ๆก็ถอนหายใจออกมา พวกเซียวเถิงสองสามคนนั้นก็เหมือนกันกับเขา ถูกหลิ่วอู๋ฉงใช้ยาในการควบคุมเหมือนกันหมด ดังนั้นจึงพูดอย่างยิ้มๆ“ท่านปะธานไป๋เป็นคนรู้เหตุรู้ผล ผมรู้สึกละอายใจเป็นอย่างมาก…… ”