บทที่ 213
หญิงสาวหันหน้ามา รีบเปลี่ยนเป็นใบหน้ายิ้มแย้ม สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างเร็วจนทำให้รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย“คุณนี่ก็มีเหตุผลนี่ แค่ดูก็รู้แล้วว่าเป็นคนดี”
พูดจบ ก็ไม่รอให้ไป๋ยี่เฟยเปิดปาก พูดขึ้นต่อ“ฉันก็ไม่ทำให้คุณลำบากใจแล้วกัน คุณให้มาเท่านี้ก็พอแล้ว”
หญิงสาวยกสองนิ้วขึ้นมา
ไป๋ยี่เฟยกับหลิวเสี่ยวอิงอ้าปากค้าง สองที่พวกเขาคิดถึงก็คือ สองแสน ถึงยังไงสถานภาพของไป๋ยี่เฟยก็อยู่ระดับนั้น บวกเข้ากับรถที่พวกเขาขับก็พอจะดูออก ดังนั้นทั้งสองคนจึงนึกว่าสองแสน
“คุณโลภเกินไปไหม”หลิวเสี่ยวอิงเท้าสะเอว“ทำไมคุณไม่ไปวิ่งราวเลยล่ะ?”
ไป๋ยี่เฟยก็ขมวดคิ้วเช่นเดียวกัน“ถึงแม้ว่าพวกเราจะชนคุณ แต่คุณก็ไม่ได้อาการหนักหนาอะไร นี่มันเยอะเกินไปแล้ว”
“นี่ยังเยอะอีกเหรอ?”หญิงสาวถลึงตาโต แม้ว่าจะแต่งตัวธรรมดา มากินข้าวที่ตลาดกลางคืนก็เห็นได้ชัดแล้วว่าไม่ได้รวย แต่รถคันนี้ไม่ใช่รถแบรนด์ธรรมดาๆทั่วไปไม่ใช่เหรอไง?
หรือว่าเอาเงินไปซื้อจนหมด ก็เลยไม่เหลือเงินแล้ว ถึงได้แต่งตัวธรรมดา มากินข้าวที่ตลาดกลางคืน?
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้ แต่ ถึงยังไง เงินแค่สองพันก็ต้องมีติดตัวบ้างไม่ใช่หรือไง?
“ไม่ใช่สิ พวกคุณขับรถแบบนี้ เงินแค่นี้จะไม่มีเลยเหรอ? แล้วยังทำมาบอกว่าจะชดใช้ให้อีก?”หญิงสาวยังคงดื้อดึงเอาให้ถึงที่สุด
“ไม่ได้!อยากให้พวกเราชดใช้ใช่ไหม? ไป พวกเราจะไปส่งคุณที่โรงพยาบาลตอนนี้เลย ไปดูเลยว่าต้องจ่ายเท่าไร!”
หญิงสาวได้ยินหลิวเสี่ยวอิงบอกจะไปโรงพยาบาล ก็ไม่กล้าแล้ว เพราะว่าความจริง เธอเป็นมิจฉาชีพ เมื่อตะกี้ตอนที่รถเบรก เธอก็แค่เข้ามาชนรถเท่านั้น จากนั้นตัวเองก็นั่งลงไปบนพื้น
“ไปโรงพยาบาลอะไรกันล่ะ ฉันว่าพวกคุณไม่อยากชดใช้เงินมากกว่า!”หญิงสาวพูดเสียงดัง“ดูจากสภาพแล้ว ขับตั้งBMW แต่เงินเล็กๆน้อยๆแค่นี้กลับไม่ยอมเสีย ขี้งก!”
หลิวเสี่ยวอิงยิ้มๆ“ว่าแต่คุณเถอะ อยากได้เงินชดใช้มากขนาดนั้น จงใจเป็นมิจฉาชีพมาเรียกร้องค่าเสียหายหรือเปล่า? ฉันบอกให้ไปโรงพยาบาล คุณก็เปลี่ยนเรื่อง ไม่กล้าไปมากกว่ามั้ง? ฉันว่าคุณไม่ได้เป็นอะไรแม้นิดเดียวเลยน่ะสิ!”
พูดจบ ผู้คนต่างก็พากันพูดซุบซิบ
“พูดเหมือนจะมีเหตุผลนะ!”
“ใช่น่ะสิ ตะกี้มันปุบปับเกินไป เลยไม่ทันได้ดูอย่างชัดเจน ผู้หญิงคนนี้ก็ลงไปอยู่ที่พื้นแล้ว”
“คงจะไม่ใช่มาหลอกเอาเงินค่าเสียหายหรอกใช่ไหม?”
“……”
หญิงสาวได้ยินแบบนั้นสีหน้าก็เริ่มเสีย สายตาหันไป รีบเปลี่ยนเป็นท่าทางถูกเอาเปรียบทันที“ฉันไม่ใช่คนโง่นะ ถึงจะพุ่งเข้าไปชนรถแบบนั้น ถ้าฉันถูกชนเข้าอย่างจัง จนตาย แล้วพ่อแม่ฉันจะทำยังไง? น้องชายของฉันจะทำยังไง?”
“ฉันยังต้องเลี้ยงดูพวกเขา ฉันไม่มีทางวิ่งเข้าไปชนรถหรอก!ทำไมพวกคุณถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?”
พูดพลาง หญิงสาวก็ร้องไห้ออกมา
ไป๋ยี่เฟยเห็นแบบนี้ก็รู้สึกปวดหัว
หลิวเสี่ยวอิงสบถหึออกมา เธอมั่นใจแล้วว่าคนคนนี้เป็นมิจฉาชีพ ก็เลยไม่ได้รู้สึกสะเทือนใจอะไรกับคำพูดของเธอ
แต่คนที่กำลังมุงดูอยู่กลับไม่ใช่น่ะสิ
“ที่แท้แม่สาวน้อยคนนี้ก็น่าสงสารอะไรเช่นนี้!”
“เห้อ ทำบาปแล้ว!”
“พวกคุณรีบชดใช้ให้เลยนะ!”
ไป๋ยี่เฟยหมดหนทาง ทำได้แค่พูดขึ้น“สองแสนมันเยอะเกินไปจริงๆ ผมว่าพวกเราไปตรวจที่โรงพยาบาลสักรอบก่อนไหม แล้วเดี๋ยวผมค่อยชดใช้ให้คุณเอง”
“อะไรนะ?”หญิงสาวอึ้งตะลึง
สองแสน?
คนที่อยู่รอบๆก็อึ้งตะลึงเช่นกัน
ที่หญิงสาวคนนี้บอกคือสองแสนงั้นเหรอ? ไม่ใช่สองพัน หรือว่าสองหมื่นงั้นเหรอ?
หลิวเสี่ยวอิงสบถหึออกมา“จะมาทำตกอกตกใจอะไร? ตอนที่โลภเมื่อตะกี้ยังไม่เห็นคุณทำท่าตกใจขนาดนี้เลยนี่?”
“คุณแค่ถูกรถชนเบาๆ แล้วมาบอกจะเอาสองแสน ฉันไม่รู้ว่าคุณกล้าพูดออกมาได้ยังไง!คิดว่าพวกเราโง่อย่างนั้นเหรอ?”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า“จริง สองแสนมันเยอะเกินไป”
สองแสนมันสามารถทำการผ่าตัดใหญ่ได้ตั้งหนึ่งครั้งเลย
ในที่สุดหญิงสาวก็มีปฏิกิริยาตอบกลับมา รู้สึกดีใจสุดๆ คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะนึกว่าสองแสน ก็ไม่แปลกที่เป็นแบบนั้น แต่อีกด้านหนึ่งก็ทำให้รู้ว่าพวกเขาจะต้องเป็นคนรวยแน่นอน!
ถ้าไม่ใช่คนรวย คนธรรมทั่วไปจะคิดถึงเงินสองแสนเหรอ?
แต่ใบหน้าของเธอก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร“ที่ฉันบอกคือเงินสองหมื่น บาดเจ็บเล็กๆน้อยๆแบบนี้ไม่ได้คุ้มกับเงินสองแสนหรอก”
“หรือว่าคุณอยากได้สองล้าน?”หลิวเสี่ยวอิงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น“ฉันจะบอกให้นะ ไม่มีวันซะหรอก!”
หญิงสาวกลืนน้ำลาย สองล้าน เธออยากได้จริงๆ แต่สถานการณ์ในตอนนี้ คงจะเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นมีแค่ไหนเอาแค่นั้น
“ที่ฉันบอกน่ะคือสองหมื่น”สาวน้อยพูดตอบกลับ“ฉันไม่ใช่มิจฉาชีพด้วย จะเอาเงินเยอะขนาดนั้นไปทำไม”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินว่าสองหมื่น ก็ไม่ได้เยอะอะไร จึงพูดตอบกลับไปอย่างนิ่งๆ“คุณรอเดี๋ยวนะ”
เขาจำได้ว่าในรถมีเงินสดสำรองอยู่ ราวๆหนึ่งแสน หยิบออกมาสองหมื่น
คนรอบข้างเห็นแบบนี้ตาก็เริ่มร้อน ชนแค่เบาๆ ก็ได้เงินชดใช้ตั้งสองหมื่นเลยเหรอ?
ถ้าตอนนี้ไปชนด้วยบ้างสักหน่อยจะทันอีกไหม?
ไป๋ยี่เฟยเอาเงินใส่ลงในถุงสีดำให้เรียบร้อย ทิ้งลงไปข้างหน้าของหญิงสาว“สองหมื่น เอาไปสิ ไปโรงพยาบาลซะ”
หญิงสาวมองถุง พอสายตาเห็นท่านเหมาบนธนบัตรข้างในถุง ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้น
“ขอบคุณ คุณเป็นคนดีจริงๆ”หญิงสาวหยิบถุงเงิน ลุกขึ้นมา แล้ววิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว สักพักก็หายเข้าไปในกลุ่มคน
คนรอบข้างเห็นแบบนี้ก็ทยอยกันสงสัย ขาก็ยังดีอยู่ไม่ใช่เหรอ? ถูกชนจริงๆใช่ไหม?
“ไป๋ยี่เฟย ฉันว่าพวกเราถูกหลอกแล้วล่ะ”
ไป๋ยี่เฟยมองหลิวเสี่ยวอิงพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆ“ช่างเถอะ คนเขาวิ่งไปแล้ว แถมไม่ใช่เงินเยอะแยะอะไรด้วย”
หลิวเสี่ยวอิงแบะปาก“เงินไม่เยอะ? นั่นมันสองหมื่นเชียวนะ!แต่ว่ามันก็ใช่สินะ สำหรับคุณแล้วมันไม่เยอะจริงๆ เหอะ คนรวยไม่มีวันเข้าใจคนที่ลำบากหรอก!”
“หรือผมจะให้คุณสักสองหมื่นดีไหม?”
หลิวเสี่ยวอิงกลอกตามองบนใส่ไป๋ยี่เฟย“คุณประหยัดเอาไว้เถอะ ฉันไม่ได้เป็นมิจฉาชีพสักหน่อย!”
แต่พอนึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตะกี้นี้ หลิวเสี่ยวอิงก็รู้สึกอัดอั้นจริงๆ ชื่อเสียงตลอดทั้งชีวิตของเธอถูกทำลายลงแบบนี้อย่างนั้นเหรอ!
ที่ทั้งสองไม่รู้ก็คือ ท่ามกลางกลุ่มคนมีคนกำลังจ้องมองพวกเขาอยู่
ตลาดกลางคืนมีทั้งคนดีคนเลวผสมปนเปกันไปหมด คนแบบไหนก็มีทั้งนั้น ดังนั้นพวกเงินทองอะไรพวกนี้ อย่าให้โผล่ออกมาล่อแหลมเกินไป
ไป๋ยี่เฟยดันให้เงินกับหญิงสาวคนนั้นไปแล้ว ทุกคนก็เห็นกันหมด พวกคนที่มีแผนการอยู่มันก็จะจดจำไว้ขึ้นใจแน่นอน
หญิงสาวก็เข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี ดังนั้นจึงเอาเงินแล้ววิ่งไปทันที เพื่อหลีกเลี่ยงถูกคนไล่ตาม
ตรอกซอยที่มืดๆ หญิงสาววิ่งกอดถุงในมือตรงไปข้างหน้าอย่างสุดแรง วิ่งเข้าไปในเงามืดแห่งหนึ่ง แต่ก็หยุดลงทันที ถอยออกมาทีละก้าวๆ
หันตัว กะที่จะวิ่งต่อ แต่กลับพบว่า ทั้งสองฝั่งถูกคนขวางเอาไว้หมดแล้ว
“เอ่อ พี่ชาย พวกคุณต้องการอะไร? เงิน? ฉันให้พวกคุณก็ได้นะ?”
หญิงสาวตัวคนเดียว รับมือผู้ชายตัวใหญ่มากมายขนาดนี้ไม่ไหว
คนที่เป็นหัวหน้าถุ้ยออกมาหนึ่งที“ส่งเงินมาซะดีๆ”
“ให้คุณ ให้คุณหมดเลย”หญิงสาวพยักหน้า โค้งตัว ท่าทางประจบประแจงสุดๆ
ลูกน้องหนึ่งคนเดินเข้ามาข้างหน้า แย่งถุงในมือของหญิงสาวไป“ลูกพี่”
“ถือไว้ก่อน”ลูกพี่พยักหน้า“จับมันมัดไว้เดี๋ยวนี้”
หญิงสาวนึกว่าให้เงินไปแล้วก็จะไม่เป็นอะไรแล้ว แต่ผลที่ได้คนนี้กลับจับเธอมัด เธอจึงโมโหขึ้นมา“ทำแบบนี้ได้ยังไง? ฉันให้เงินแกไปหมดแล้ว!ฉันไม่มีเงินแล้ว!”
“มัดมันไว้!”ลูกพี่ไม่สนอะไรทั้งนั้น