บทที่269
ณ หมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งที่อยู่นอกเมืองเทียนเป่ย มีชายคนหนึ่งที่ใส่เสื้อฮู้ด สวมหมวกใส่หน้ากากกำลังเดินอยู่ในซอยเล็กๆ ที่ดูห่างไกลออกไป
ที่หน้าหมู่บ้าน เพื่อความสะดวกสบายของสมาชิกในหมู่บ้าน ก็ได้มีซุปเปอร์มาร์เก็ตเล็กๆ เปิดอยู่ และมีร้านอาหารเปิดอยู่อีกร้านหนึ่งด้วย ร้านนี้เป็นร้านขายบะหมี่กับเมนูอาหารทั่วๆ ไป
ชายในเสื้อฮู้ดได้เดินมาถึงที่หน้าตลาด เขาซื้อบุหรี่ที่ราคาถูกที่สุดเป็นอันดับแรก แล้วซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหนึ่งถ้วย ขอน้ำร้อนจากป้าในร้าน จากนั้นก็ยกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถ้วยนั้นไปนั่งอยู่ข้างทาง
ในตอนนั้นเอง ก็ได้มีเด็กสาวคนหนึ่งที่แต่งตัวสบายๆ โดยสะพายกระเป๋าไว้ข้างหลังเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าหมู่บ้าน พอเห็นว่าตรงนี้มีซูเปอร์ตั้งอยู่ เธอก็ได้เดินเข้าไปซื้อน้ำมาขวดหนึ่ง หลังออกมาจากร้านเธอก็ได้โทรหาใครบางคน
“ฮัลโหล ฉันมาถึงที่หน้าหมู่บ้านแล้ว คุณมารับฉันได้เลย!”
พูดจบเธอก็วางสายเลย
เด็กสาวสังเกตเห็นชายคนนั้นที่กำลังนั่งกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่ แต่เธอก็แค่มองผ่านๆ เท่านั้น ในหมู่บ้านเล็กๆ คนแบบนี้มีเยอะแยะไป
แต่เพียงไม่นาน ก็ได้มีคนสองคนเดินมาจากที่ไกลๆ คนหนึ่งเป็นผู้หญิงที่แต่งตัวค่อนข้างวาบหวิว กับคนแก่อีกคนที่แต่งตัวซกมกเหมือนกับขอทาน
ทั้งคู่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของชายที่สวมเสื้อฮู้ด
ชายในเสื้อฮู้ดเงยหน้าขึ้นมามองทั้งคู่อย่างไม่ชอบใจนัก
ผู้หญิงเซ็กซี่คนนั้นได้ยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย จากนั้นก็พูดออกมาพร้อมกับส่ายหน้าไปว่า “หึหึ ชายที่เคยเป็นถึงคุณชายใหญ่ของหลิ่วซื่อกรุ๊ป ตอนนี้ต้องมานั่งกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่ข้างทาง มันช่างเป็นเรื่องที่จินตนาการไม่ออกเลยจริงๆ”
ชายในเสื้อฮู้ดก็คือหลิ่วอู๋ฉงที่ถูกบริษัททั้งห้าตามฆ่าอยู่นั่นเอง เพื่อไม่ให้ถูกตามฆ่า เขาจึงจำเป็นต้องหนีมาอาศัยอยู่ในพื้นที่ ที่ห่างไกลแบบนี้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่คิดที่จะหนีออกจากเมืองเทียนเป่ยหรอกนะแต่เป็นเพราะนักฆ่าพวกนั้นอยู่ทั่วไปหมด หาโอกาสไปสนามบินยังไม่ได้เลย
พอหลิ่วอู๋ฉงเห็นว่าสองคนนี้รู้จักเขา ดวงตาของเขาก็เบิ่งกว้าง เขาโยนบะหมี่ในมือออกแล้วเตรียมที่จะวิ่งหนีในทันที
หลังจากที่ถูกตามฆ่ามานาน เขาก็เข้าใจว่าสองคนนี้เป็นนักฆ่าที่จะมาฆ่าเขาในทันที ถึงแม้ว่าชายแก่คนนั้นจะดูไม่เหมือนเลยก็ตาม
พอผู้หญิงเห็นแบบนั้น เธอก็รีบดึงตัวหลิ่วอู๋ฉงกลับมาทันที “อย่าตกใจไป เราไม่ใช่นักฆ่าสักหน่อย!”
หลิ่วอู๋ฉงชะงักไป “ไม่ใช่คนที่มาฆ่าผมเหรอ? แล้วพวกคุณมาทำอะไร?”
หญิงสาวพยักหน้า แล้วพูดไปยิ้มไปว่า “พวกเรามาช่วยคุณ”
หลิ่วอู๋ฉงทำหน้ามึนงง
ในตอนนั้นเอง ชายชราที่เหมือนขอทานคนนั้นก็ได้จ้องมาที่หลิ่วอู๋ฉงด้วยดวงตาอันขุ่นมัวที่เป็นประกาย แล้วเสียงที่แหบซ่านก็ดังขึ้น “พ่อหนุ่ม เธออยากให้ไป๋ยี่เฟยตายรึเปล่า?”
“อะไรนะ?” หลิ่วอู๋ฉงอึ้งไป
เขาไม่เคยรู้จักสองคนนี้เลย และฟังจากสิ่งที่พูดเหมือนสองคนนี้จะอยากช่วยเขาจัดการกับไป๋ยี่เฟยด้วย มันเพราะอะไรกัน?
“พวกเรากับไป๋ยี่เฟยมีความแค้นต่อกัน โบราณว่าไว้ ศัตรูของศัตรูก็คือมิตร จริงไหม?” หญิงสาวยิ้มอย่างมีเลศนัย
เหมือนหลิ่วอู๋ฉงจะเข้าใจแล้ว ไป๋ยี่เฟยไปมีเรื่องกับคนอื่นอีกแล้ว สองคนนี้ถึงได้มาหาเขา
“พวกคุณสามารถช่วยผมฆ่าไป๋ยี่เฟยได้จริงๆ เหรอ?” หลิ่วอู๋ฉงถามด้วยความไม่มั่นใจ ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อ แต่สองคนนี้มัน สาวน้อยสุดเซ็กซี่กับชายแก่ที่เหมือนขอทาน บอกว่าจะไปฆ่าไป๋ยี่เฟย ใครได้ยินก็เชื่อไม่ลงหรอก
ชายชราส่งเสียงชิ แล้วมองหน้าหลิ่วอู๋ฉงด้วยความดูถูก “อ่อนหัด!”
แต่หญิงสาวกลับพูดไปยิ้มไปว่า “ฉันชื่อหงซิน ส่วนท่านนี้เป็นอาจารย์ของฉัน หูเทียนจิ่น ราชาแห่งหลิงหนาน อาจารย์ท่านเป็นผู้เชี่ยวด้านพิษ มันร้ายกาจกว่าที่คุณมีมากเลย”
พอหลิ่วอู๋ฉงได้ยินแบบนั้นเขาก็อึ้งไปในทันที พวกเขารู้เรื่องของเขาด้วยอย่างนั้นเหรอ
“อย่าตื่นตกใจไป ถ้าเราไม่ตรวจสอบเรื่องนี้มาก่อน แล้วเราจะหาคุณเจอได้ยังไงจริงไหม?” หงซินพูดขึ้น
พอหลิ่วอู๋ฉงได้ฟังอย่างนั้นก็รู้สึกว่ามันก็จริง ก่อนที่เขาจะพยักหน้าตอบ เขาก็เห็นชายชราคนนั้นหยิบขวดเล็กใบหนึ่งออกมา ในนั้นมีแมลงตัวจิ๋วอยู่ตัวหนึ่ง
“เพื่อการันตีความสำเร็จในการร่วมมือกันของเรา ฉันคิดว่าเธอจำเป็นต้องกินเด็กคนนี้ลงไป” หูเทียนจิ่นหรี่ตา แล้วยิ้มออกมาจนเห็นฟันเหลืองๆ ของเขา
เมื่อหลิ่วอู๋ฉงได้เห็นฟันเหลืองๆ นั่น เขาก็ขมวดคิ้วโดยอัตโนมัติ “นี่……มันคือตัวอะไร?”
หงซินอธิบาย “เป็นสิ่งที่จะทำให้คุณเชื่อฟังคำสั่ง”
พูดจบ สีหน้าของหลิ่วอู๋ฉงก็ดูสับสนวุ่นวาย
จริงอยู่ที่เขาอยากจะแก้แค้นไป๋ยี่เฟย แต่สิ่งที่สองคนนี้ต้องการคือการควบคุมเขา บังคับให้เขาทำตามคำสั่ง มันไม่ได้ต่างอะไรกับการที่เขาเคยทำกับคนพวกนั้นเลย
ในตอนนี้ ได้มีคำหนึ่งที่เหมาะกับสถานการณ์แบบนี้มาก : ทำยังไงก็ได้อย่างนั้น!
หงซินเอ่ยขึ้นเบาๆ “คุณไม่ต้องห่วง มันไม่ได้เป็นอันตรายอะไรหรอก แค่คุณยอมทำตามที่สั่งมันก็ไม่เป็นไรแล้ว”
“ที่สำคัญ คุณไม่อยากฆ่าไป๋ยี่เฟยแล้วเหรอ?”
สำหรับหลิ่วอู๋ฉงแล้วมันเป็นสิ่งที่สามารถดึงดูดเขาได้มากเลย
ไป๋ยี่เฟยทำให้หลิ่วซื่อกรุ๊ปต้องล่มสลาย ทำให้คนในครอบครัวของเขาต้องติดคุก แถมยังทำให้เขาต้องถูกตามฆ่าจนต้องใช้ชีวิตแบบหนูตัวหนึ่ง แม้แต่ในฝันเขาก็ยังอยากฆ่าไป๋ยี่เฟยอยู่เลย
ในตอนที่เขากำลังลังเลอยู่นั้นเอง ในที่ไกลๆ ก็ได้มีคนชุดดำหลายคนปรากฏตัวออกมา
หลังจากที่หลิ่วอู๋ฉงมองเห็นพวกเขาอย่างชัดเจน เขาก็ร้อนรนขึ้นมาทันที เขารีบวิ่งหนีโดยที่ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
หงซินกับหูเทียนจิ่นก็สังเกตเห็นเหมือนกัน แต่พวกเขาก็ไม่ได้ขยับไปไหน ยังคงสงบอยู่พอหลิ่วอู๋ฉงวิ่งไปสักพักก็ได้หันกลับมามองว่าคนพวกนั้นวิ่งตามมาหรือเปล่า แต่เขาก็ต้องชะงักไป
เขาเห็นหงซินได้ยืนขวางคนชุดดำพวกนั้นเอาไว้
จากนั้นก็มีชายชุดดำคนหนึ่งที่ทนไม่ไหวตะโกนด่าออกมา “แม่งเอ๊ย! อย่ามาขวาง!”
หงซินหันหลังให้หลิ่วอู๋ฉง หลิวอู๋ฉงไม่รู้ว่าเธอได้พูดอะไรหรือเปล่า ระหว่างนั้นเธอก็ได้โบกมือเบาๆ พอมือของเธอวิ่งผ่านไป
ชายชุดดำคนนั้นก็ได้ล้มลงไปนอนกับพื้นและไม่ขยับเขยื้อนอีกเลย ดูเหมือนเขาจะสลบไปแล้ว
เมื่อเห็นพรรคพวกของตัวเองสลบไป แววตาของชายชุดดำก็ได้เปลี่ยนไป จากนั้นก็หยิบมีดสั้นในกระเป๋าออกมา แล้วโจมตีใส่หญิงสาวทันที
หลิ่วอู๋ฉงยังไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอผู้หญิงคนนั้นโบกมืออีกครั้ง ชายชุดดำที่อยู่ตรงหน้าก็ล้มลงทันที
“นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?” หลิ่วอู๋ฉงเอาแต่กลืนน้ำลาย
หงซินปัดมือเบาๆ “ไม่ได้เรื่อง”
หูเทียนจิ่นไม่ได้สนใจคนพวกนั้นเลยด้วยซ้ำ
แต่สาวน้อยที่กำลังยืนให้คนมารับอย่างหลิวเสียนั้นกลับตกใจจนตัวแข็งทื่อ
เมื่อหลิ่วอู๋ฉงเห็นว่าปลอดภัยแล้ว เขาก็ได้เดินกลับมา “นี่พวกเขา……”
หงซินพูดออกมาอย่างสบายๆ ว่า “ตายแล้ว”
“อะไรนะ?” หลิ่วอู๋ฉงนึกว่าตัวเองได้ยินผิดไป เขาคิดว่าแค่สลบ แต่นี่พวกเขาตายแล้วอย่างนั้นเหรอ?
หงซินขำออกมา “ก็บอกแล้วไงว่าเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพิษ พอคนพวกนี้เข้ามาใกล้ แล้ววางยาพวกเขา แค่นี้พวกเขาก็ตายแล้ว”
หลิ่วอู๋ฉงเข้าใจแล้ว
หงซินยังพูดต่ออีกว่า “ว่ายังไง? ตัดสินใจได้รึยัง?”
หลิ่วอู๋ฉงจ้องหน้าหงซิน จากนั้นก็หันไปมองหูเทียนจิ่น สุดท้ายเขาก็กัดฟันแล้วพยักหน้า
พอเห็นแบบนั้นหูเทียนจิ่นก็ได้ยื่นขวดใบนั้นให้หลิ่วอู๋ฉงไป และยังเอาที่ห้อยหยกให้เขาไปอีกชิ้นหนึ่งอีกด้วย
“นับจากวันนี้ เธอจะกลายเป็นคนของฉัน หลังจากที่กินมันเข้าไป ก็เอาหยกอันนี้ไปมอบให้ไป๋ยี่เฟย แล้วบอกเขาว่าฉันมาแล้ว”
หลิ่วอู๋ฉงอึ้งไปพักหนึ่ง “ให้ผมไปหาไป๋ยี่เฟยอย่างนั้นเหรอ?”