บทที่ 282
โชคดี ที่ไป๋ยี่เฟยก็ไม่ได้หวังว่าหลี่เสว่จะรับเขาได้เร็วขนาดนี้ อย่างน้อยผ่านเหตุการณ์แบบในครั้งนี้ไปแล้ว หลี่เสว่ก็เปลี่ยนมุมมองที่มีต่อไป๋ยี่เฟยไปไม่น้อย
เรื่องที่เข้าโรงพยาบาล ไป๋ยี่เฟยให้หลี่เสว่ไม่ต้องบอกพวกของหลิวจื่อหยุน โกหกพวกเขา บอกว่ามีธุระชั่วคราว ก็เลยกลับเมืองเทียนเป่ยไปแล้ว
หลิวจื่อหยุนทำได้แค่พูดบ่นๆมาสองสามประโยค แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แล้วก็ไม่ได้รู้สึกสงสัยอะไรเหมือนกัน
หลี่เสว่อยู่ดูแลไป๋ยี่เฟยอยู่ที่โรงพยาบาลแล้วสามวัน
สามวันมานี้ ไป๋ยี่เฟยรู้สึกเหมือนกับชีวิตของตัวเองราวกับอยู่ในโถน้ำผึ้ง ทุกๆวันหวานหยด แม้ว่าหลี่เสว่ยังรู้สึกอึดอัดและไม่เป็นธรรมชาติอยู่ไม่น้อย แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้ทำเหมือนกับเขาเป็นคนแปลกหน้าขนาดนั้นแล้ว แถมยังดูแลเขาอยู่ตลอดเวลา ดีจนไม่รู้ว่าจะดียังไงแล้ว
แต่ว่าในวันที่สาม ไป๋ยี่เฟยได้รับสายจากไป๋หู่
“เกิดเรื่องขึ้นแล้วครับ”
ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอิ่มเอิบเนื่องจากถูกหลี่เสว่ดูแลเทคแคร์ตลอดสามวันมานี้ จู่ๆก็นิ่งขรึมลงทันที
หลังจากนั้น ไป๋หู่ก็พูดขึ้นมาง่ายๆ หลงหลิงหลิง เฉินห้าวและโจวฉวี่เอ๋อ ทั้งสามคนพบเจอกับอันตรายมาโดยตลอด
หลงหลิงหลิงและเฉินห้าวโทรศัพท์หาไป๋ยี่เฟยมาสักพัก แต่มือถือของไป๋ยี่เฟยกลับโทรไม่ติดเลย
ไป๋ยี่เฟยฟังถึงตรงนี้ ในใจก็เต้นขึ้นมา สามวันก่อนตอนที่ต่อสู้กับกลุ่มคนพวกนั้น ก็ทำมือถือตก ไม่รู้ว่าไปตกอยู่ที่ไหน ส่วนมือถือของหลี่เสว่ เนื่องจากตอนนั้นเธอจะโทรแจ้งความ ระหว่างที่กำลังยื้อแย่งกันอยู่นั้น มือถือก็ตกลงเช่นกัน
หลี่เสว่ก็เลยซื้อมือถือในวันนั้นเลย เพราะว่าต้องโทรไปรายงานความปลอดภัยกับหลิวจื่อหยุน แต่ไป๋ยี่เฟยไม่มีเรื่องอะไร ก็เลยลืมไปเลย
ไป๋ยี่เฟยเปิดลำโพง หลี่เสว่ก็เลยได้ยินคำพูดของไป๋หู่เช่นกัน รอจนไป๋ยี่เฟยวางสายลงแล้ว หลี่เสว่ก็พูดขึ้นอย่างระวัง“จะกลับไปไหม?”
“อื้อ”ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า“รบกวนคุณ……ช่วยจัดการเรื่องออกจากโรงพยาบาลให้ผมด้วยนะ”
……
ไป๋หู่กับสวีลั่งได้ขับรถมารออยู่ที่ประตูทางเข้าของโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว รอหลังจากที่ไป๋ยี่เฟยกับหลี่เสว่ออกมา ไป๋ยี่เฟยก็พูดกับหลี่เสว่“เสว่เอ๋อ บังเอิญโกหกไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็กลับไปด้วยกันเถอะนะ!”
หลี่เสว่รู้สึกลังเลไม่น้อย“ฉันกลับไปดีเหรอ? พ่อแม่……”
“ไม่เป็นไรหรอก พ่อแม่นึกว่าคุณกลับไปกับผมแล้ว แถม คุณอยู่ที่นี่ ผมก็ไม่วางใจด้วย”
ไป๋ยี่เฟยเพิ่งจะมาที่เมืองหลวงได้ไม่นาน ไป๋เซี่ยวก็ให้คนมาสั่งสอนเขาแล้ว มันบอกได้ว่าไป๋เซี่ยวมีหูมีตาอยู่ทุกที่ เขาจะให้หลี่เสว่ตกอยู่ในอันตรายไม่ได้ ดังนั้นจำเป็นต้องพาหลี่เสว่ไปด้วย
หลี่เสว่นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น รู้สึกกลัวไม่น้อย“แล้วพ่อแม่จะมีอันตรายไหม?”
“ไม่หรอก เป้าหมายของพวกมันคือผม”ไป๋ยี่เฟยพูดขึ้น“ส่วนคุณ ก็เป็นจุดอ่อนของผม”
สุดท้ายหลี่เสว่ก็พยักหน้า“ได้ ฉันไปกับคุณ”
……
เพื่อที่จะไม่เป็นที่สนใจ ไป๋ยี่เฟยตัดสินใจให้ไป๋หู่และสวีลั่งขับรถกลับไป ส่วนไป๋ยี่เฟยกับหลี่เสว่ก็ซื้อตั๋วรถไฟ นั่งรถไฟกลับไปเหมือนกับคนธรรมดาทั่วไป
ไป๋หู่กับสวีลั่งไม่ได้คัดค้านอะไร หลังจากไปส่งพวกเขาที่สถานีรถไฟแล้ว ก็รีบขับรถไปทันที
ไป๋ยี่เฟยกับหลี่เสว่ทั้งสองคนซื้อตั๋วแล้ว ก็ขึ้นไปบนรถไฟ
ทั้งสองคนโชคค่อนข้างดี ได้ตั๋วสองใบที่ที่นั่งติดกันพอดี
ไป๋ยี่เฟยให้หลี่เสว่นั่งริมใน ส่วนตัวเองนั่งริมทางเดิน
แต่ที่นั่งริมทางเดินอีกฝั่งหนึ่ง มีมนุษย์ลุงรูปร่างอ้วนนั่งอยู่หนึ่งคน แถมยังหัวล้าน แค่เห็น ก็รู้สึกกระอักกระอ่วนแล้ว
แต่ว่านะ ทั้งเนื้อทั้งตัวสวมของแบรนด์เนม ข้อมือใส่นาฬิกาทอง มืออีกข้างสวมแหวนสีทองอีกหนึ่งวง
ดูเหมือนกับพวกเศรษฐีใหม่ที่ร่ำรวยขึ้นมาอย่างกะทันหันคนหนึ่ง
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้สนใจเขา เพียงแค่ชำเลืองตาไปมองหนึ่งทีอย่างเร่งรีบ แล้วก็ลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ
ส่วนมนุษย์ลุงพอเห็นไป๋ยี่เฟยไปแล้ว ก็ยิ้มอย่างน่าสมเพชขึ้นมา ก่อนจะเข้ามานั่งอยู่ที่นั่งของไป๋ยี่เฟย
หลี่เสว่พอเห็นคนที่อยู่ข้างๆเป็นคนแปลกหน้า ก็รู้สึกกลัวไม่น้อย นั่งชิดเข้าไปข้างในมากขึ้น พร้อมกับจ้องมนุษย์ลุง
มนุษย์ลุงเผยให้เห็นรอยยิ้มน่าสมเพชที่ตนเองคิดว่ามันดูจริงใจสุดๆออกมา“บังเอิญจังเลย!สาวน้อย หนูก็ไปเมืองเทียนเป่ยเหมือนกันสินะ!”
หลี่เสว่ไม่ได้ตอบอะไร แต่ในแววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกกระวนกระวาย แล้วก็รู้สึกอยากรู้ไม่น้อย
มนุษย์ลุงเห็นแบบนี้ก็พูดขึ้น“หนูอย่ากลัวไปเลย ฉันแค่รู้สึกว่าคุ้นหน้าหนูเท่านั้นน่ะ พวกเราเคยเจอกันมาก่อนหน้านี้ไหม?”
หลี่เสว่ส่ายหัว“ฉันไม่รู้”
คำพูดแบบนี้ถ้าเป็นเมื่อก่อนล่ะก็ หลี่เสว่รู้ดี ว่าลุงคนนี้กำลังหาเรื่องคุยกับเธอ แต่ตอนนี้เธอไม่รู้น่ะสิ ไม่รู้จริงๆ ช่วยไม่ได้ก็เธอความจำเสื่อมนี่นา!
ลุงพอได้ยินประโยคนี้ ก็ดีใจขึ้นมาทันที
“ฮ่าๆ……ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็เคยเจอกันมาก่อนแล้ว ฉันชื่อซูต้าหลิว หนูชื่ออะไรเหรอ?”ซูต้าหลิวถามขึ้นอย่างยิ้มๆ
หลี่เสว่กำลังลังเล ว่าจะบอกชื่อตัวเองกับเขาดีไหม
ในขณะนี้เอง หญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างหน้าที่นั่งของหลี่เสว่ทนดูต่อไปไม่ได้ หันมาพูดกับลุง“นี่ลุง วิธีการหาเรื่องชวนคุยของลุงเชยขนาดนี้ ไม่รู้สึกอายบ้างหรือไง?”
หลี่เสว่จ้องมองหญิงสาวข้างหน้าด้วยความอยากรู้อยากเห็น เป็นหญิงสาวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อื้อ พูดยังไงดี แต่งตัวมีเอกลักษณ์ ทรงผมก็มีเอกลักษณ์ สรุปแล้วก็คือ ดูมีเอกลักษณ์นั่นแหละ
ซูต้าหลิวยิ้มเจื่อนๆ หมดหนทาง ทำได้แค่กลับไปนั่งที่นั่งของตัวเอง
เขาเพิ่งจะนั่งลง ไป๋ยี่เฟยก็กลับมา
หลี่เสว่ไม่ได้บอกเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตะกี้กับไป๋ยี่เฟย ส่วนหญิงสาวที่ดูมีเอกลักษณ์คนนั้นก็หันกลับไปแล้ว แล้วก็ไม่รู้ความสัมพันธ์ของไป๋ยี่เฟยและหลี่เสว่ด้วย
ซูต้าหลิวมองไป๋ยี่เฟย แต่งกายแบรนด์ทั่วๆไป ที่มือก็ไม่ได้ใส่ของแบรนด์เนมอะไร ทั้งตัวดูจนน่าสมเพช อื้อ น่าจะเป็นคนที่ถูกรังแกได้สินะ
ดังนั้นซูต้าหลิวจึงเอนตัวมาที่ทางเดิน ใช้มือตบๆลงที่ไป๋ยี่เฟย“พ่อหนุ่มขอสลับที่กันหน่อยสิ”
ไป๋ยี่เฟยทั้งหน้าเต็มไปด้วยคำถาม
แลกที่กับเขา?
ไม่ใช่ที่นั่งริมหน้าต่างสักหน่อย แล้วมันต่างกันยังไง?
ซูต้าหลิวเห็นท่าทางที่ไม่เข้าใจของเขา ก็เลยพูดอธิบายให้เขาฟัง“คนที่อยู่ข้างๆนาย ฉันรู้จัก ฉันขอแลกที่กับนายหน่อย”
หลี่เสว่รู้แค่ว่าไป๋ยี่เฟยกำลังคุยกับคนนั้นอยู่ แต่ไม่ได้สังเกตว่าพวกเขากำลังคุยอะไรกันอยู่ เพราะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ทำให้ซูต้าหลิวไม่กล้าพูดเสียงดัง มีแค่ไป๋ยี่เฟยกับเขาเท่านั้นที่ได้ยิน
ซูต้าหลิวเห็นไป๋ยี่เฟยไม่เข้าทาง ก็กัดฟันพูดขึ้น“ทำไมนายถึงเข้าใจยากแบบนี้นะ ฉันรู้จักกับคนคนนั้น ถ้านายสะดวกก็สลับที่กันหน่อยไม่ได้หรือไง?”
ในขณะนี้เอง ไป๋ยี่เฟยก็ตอบสนองกลับมา เขาเพิ่งจะคิด ว่าเสว่เอ๋อไปรู้จักกับคนคนนี้ตั้งแต่เมื่อไร แค่เห็นสายตาที่กระวนกระวายของเขา ก็รู้ชัดแล้วว่ากำลังจะมาเต๊าะภรรยาของเขา!