บทที่ 285
นายโหดเหี้ยมกลับไม่ได้ใส่ใจอะไร ส่วนไป๋ยี่เฟย รู้สึกพูดอะไรไม่ออกอยู่ไม่น้อย ความคิดของคนในตอนนี้ทำไมถึงไม่ใสบริสุทธิ์เอาซะเลยนะ?
ทั้งสองคนกลับไปยังที่นั่ง ไป๋ยี่เฟยให้ที่นั่งของตัวเองกับนายโหดเหี้ยม ก่อนจะพูดกับอธิบายกับหลี่เสว่“เจอเพื่อนเก่าน่ะ เลยมาพูดคุยกันสักหน่อย”
หลี่เสว่พยักหน้า จ้องมองนายโหดเหี้ยมด้วยความอยากรู้อยากเห็น
คนคนนี้อายุสามสิบกว่าๆ แถมยังมีหนวดตอที่คางด้วย แววตาเหี้ยมโหด ให้ความรู้สึกไม่ใช่คนดีสักเท่าไร
หลี่เสว่ขดตัวไปพิงหน้าต่าง
ไป๋ยี่เฟยสังเกตเห็นแล้ว จึงตบๆลงที่ไหล่ของเขา“นี่คุณ อย่าทำท่าทางโหดร้ายแบบนี้สิ ภรรยาของผมตกใจหมดแล้ว”
นายโหดเหี้ยมเงยหน้ามามองไป๋ยี่เฟยด้วยแววตาที่ประหลาดใจ ในแววตาแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาประหลาดใจที่ไป๋ยี่เฟยมีภรรยาแบบหลี่เสว่
ไป๋ยี่เฟยเลือกทำเป็นไม่เห็น หยิบมือถือที่เพิ่งซื้อมาใหม่โทรไปหาเฉินห้าว
“ฉันกลับมาแล้ว หารถบรรทุกที่ไม่เด่นสะดุดตามารับฉัน”
“ทราบครับ หัวหน้า”
พอวางสายลง ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้ว เกิดอะไรขึ้น?
เฉินห้าวเรียกเขาว่าหัวหน้าอีกแล้ว แถมยังจริงจังขนาดนี้ด้วย หรือว่าเกิดเรื่องอะไร?
น่าจะไม่หรอกมั้ง เฉินห้าวรู้งานที่สุดแล้ว ถ้าเกิดเรื่องอะไร เขาจะบอกทันทีเลย
ที่เขากลับไปในครั้งนี้ไม่สามารถเปิดเผยได้สักพัก ถ้าเกิดเปิดเผยล่ะก็ พวกคนที่คอยจ้องจะเล่นงานพวกนั้นจะต้องวางแผนลงมือแน่นอน โดยเฉพาะราชาแห่งหลิงหนานอะไรนั่น เนื่องจากยังไม่เข้าใจถึงเบื้องลึกของอีกฝั่ง จึงไม่สามารถเปิดเผยตัวเองได้
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง รถไฟก็มาถึงสถานี
ไป๋ยี่เฟยกับหลี่เสว่พานายโหดเหี้ยมลงจากรถไฟ
ในเวลานี้เอง ซูต้าหลิวก็ลงมาจากรถไฟด้วย พอเห็นไป๋ยี่เฟยก็สบถ หึ ออกมาหนึ่งที
เมื่อตะกี้ตอนที่อยู่บนรถไฟ เขาถูกไอ้หมอนี่ตบหน้าไปฉาดใหญ่ ในใจรู้สึกโกรธแค้นไป๋ยี่เฟยมาก ยิ่งพอมองหลี่เสว่ที่อยู่ข้างๆเขา ก็ยิ่งไม่เต็มใจ หญิงสาวที่สวยขนาดนี้ ทำไมถึงคิดได้แค่นี้นะ คิดไม่ถึงว่าจะไปแต่งงานกับไป๋ยี่เฟย?
มองหลี่เสว่หนึ่งทีอย่างไม่เต็มใจ แล้วก็เดินจากออกไปพร้อมกับกลุ่มคน
พวกไป๋ยี่เฟยกับหลี่เสว่ก็เดินออกไปเช่นกัน
พอออกมา ไป๋ยี่เฟยเห็นรถหรูที่จอดอยู่ริมถนนอยู่หนึ่งขบวน คันที่อยู่ตรงกลางสุดคันนั้นคือเบนท์ลีย์ที่รุ่นเพิ่มความยาว ทั้งสองข้างของรถเบนท์ลีย์ มีหลงหลิงหลิงกับจางหรงยืนอยู่ เดินตรงไปยังถนนตามทางของพวกเขา เป็นประธานของโหวจวี๋
พอเห็นภาพนี้ ไป๋ยี่เฟยก็สีหน้าดำมืด
เขาจำได้ว่าเขาสั่งให้เฉินห้าวขับรถบรรทุกมารับเขา เนื่องจากไม่มีใครรู้เรื่องที่เขาไปที่เมืองเมืองหลวง ดังนั้นกลับไปก็ควรจะปิดบังสักหน่อย
ใครจะไปรู้ว่าไอ้หมอนี่เล่นซะยิ่งใหญ่ขนาดนี้?
ในขณะนี้เอง มือถือของไป๋ยี่เฟยก็ดังขึ้น เป็นสายของไป๋หู่
“อย่าออกมา เป็นแผนการกลอุบาย”
ไป๋ยี่เฟยตอบกลับไป“ฉันออกมาเรียบร้อยแล้ว”
ไป๋หู่“……ระหว่างทางพวกเราเจอปัญหานิดหน่อย”
ไป๋หู่กับสวีลั่งขับรถกลับมา ช้ากว่าพวกเขา บวกกับเจอปัญหาอยู่นิดหน่อย พวกเขาก็เลยเพิ่งจะมาถึงสถานีรถไฟ หลังจากที่เห็นการเล่นใหญ่ขนาดนี้แล้ว ก็รู้สึกว่าแปลกๆ จึงโทรศัพท์ไปหาไป๋ยี่เฟย
แต่ผลที่ได้ ก็ยังสายเกินไปอยู่ดี
ทางฝั่งนั้น หลงหลิงหลิงกับจางหรงเห็นไป๋ยี่เฟยกับหลี่เสว่เรียบร้อยแล้ว
ทั้งสองคนเดินเข้ามาอย่างรวดเร็วพร้อมกับยิ้มๆเล็กน้อย
“ท่านประธาน”
ไป๋ยี่เฟย อื้อ ตอบกลับไปด้วยสีหน้านิ่งขรึม ทำได้แค่จูงหลี่เสว่ไปเท่านั้น
ตอนนี้เป็นแบบนี้ไปแล้ว เขาทำได้แค่เดินตามไปอย่างไม่แสดงสีหน้าอะไร จากนั้นก็ค่อยไปหาปัญหาอีกที
นายโหดเหี้ยมพอเห็นแบบนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ชัดเจนว่ารู้สึกประหลาดใจกับสถานะของไป๋ยี่เฟย
ทั้งสามคนเดินถึงที่รถเบนท์ลีย์ด้วยกัน จางหรงรีบเปิดรถออกอย่างประจบประแจง ให้ไป๋ยี่เฟยเข้าไปข้างใน
ไป๋ยี่เฟยให้หลี่เสว่เข้าไปก่อน จากนั้นตัวเองกับนายโหดเหี้ยมจึงเข้าไปนั่ง
จางหรงปิดประตูรถ กำลังจะเรียกประธานที่เหลือขึ้นมาบนรถ ก็เห็นซูต้าหลิวที่ออกมาจากสถานีรถไฟ
ซูต้าหลิวก็เห็นจางหรงเช่นกัน
“ตาจางมารับฉันสินะ!”ซูต้าหลิวรู้สึกดีใจไม่น้อย พอเห็นรถหรูมากมายขนาดนี้ ตาก็เยิ้ม“ตาจาง เกรงใจกันเกินไปแล้วจริงๆ!มาต้อนรับฉันด้วยขบวนใหญ่ขนาดนี้เชียว!”
จางหรงยิ้มๆอย่างไม่เป็นธรรมชาติ“ตาซูมาถึงแล้วเหรอ”
ซูต้าหลิวหัวเราะเหอะๆพร้อมกับพยักหน้า“เป็นเพื่อนสมัยเรียนกันทั้งนั้น ดูนายสิ เล่นซะฉันรู้สึกเกรงใจจะแย่แล้ว!เอาเถอะ น้ำใจของนายฉันรับไว้แล้วกัน ไปกันเถอะ พวกเรากลับไปดื่มกันสักแก้วแล้วกัน!”
พูดพราง ซูต้าหลิวควงไหล่ของจางหรงจะขึ้นรถ
จางหรงรั้งซูต้าหลิวเอาไว้“ตาซูหรือว่านายไปนั่งคันด้านหน้าดีไหม?”
“หา?” ซูต้าหลิวอึ้งชะงักไป“รถคันนี้ไม่ได้มารับฉันหรอกเหรอ?”
จางหรงอยากจะพยักหน้า แต่ถึงยังไงก็เป็นเพื่อนสมัยเรียนกัน ถ้าพูดขนาดนี้ล่ะก็ จะเป็นการไม่ไว้หน้าเกินไป ทำได้แค่หัวเราะแห้งๆสองที
ซูต้าหลิวไม่ได้สังเกตเขา พอเห็นเขาหัวเราะ ก็พูดขึ้น“ได้ ฉันรู้ว่านายเกรงใจ ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ!”
พูดจบ ก็ไม่สนใจจางหรง เปิดประตูรถขึ้นไปทันที
หลงหลิงหลิงที่อยู่อีกด้านก็ห้ามไว้ไม่ทัน ซูต้าหลิวขึ้นไปบนรถเรียบร้อยแล้ว
สีหน้าของจางหรงชะงักไป ก่อนจะขึ้นรถตามไป
บนรถ ไป๋ยี่เฟยกับหลี่เสว่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่ง ส่วนนายโหดเหี้ยมนั่งตามลำพังอยู่ที่มุมมุมหนึ่ง
หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยขึ้นมาบนรถแล้วก็กำลังครุ่นคิดถึงเรื่องของเฉินห้าว ตะกี้ที่เขาเห็นหลงหลิงหลิง ก็พบว่าหลงหลิงหลิงทำเพียงแค่พยักหน้า ไม่มีปฏิสัมพันธ์อะไรกับเขาอีก
มันจะต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ๆ!
ในขณะนี้เอง ซูต้าหลิวขึ้นมาบนรถ
ทุกๆคนล้วนสบตากัน ต่างพากันอึ้งตะลึงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
ตาซู
หลังจากที่ซูต้าหลิวนั่งลงดีๆแล้วก็มองสำรวจไป๋ยี่เฟย“นี่แกขึ้นรถมาได้ยังไง?”
“รถคันนี้เป็นรถที่แกขึ้นมาได้ยังงั้นเหรอ? แล้วก็แกอีก แกเป็นใครอีกล่ะ?”
ซูต้าหลิวไม่ได้พูดถึงหลี่เสว่ ได้นั่งรถคันเดียวกับหลี่เสว่ มันดีสุดๆแล้ว
ไป๋ยี่เฟยมองเขา พร้อมกับพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ“ผมก็อยากถามคุณคำถามนี้เหมือนกัน”
ซูต้าหลิวสบถ ชิ ออกมาหนึ่งที พูดขึ้นมาอย่างภูมิอกภูมิใจ“ฉันบอกแกแล้วนี่ ว่าประธานของโหวจวี๋มารับฉันด้วยตัวเอง แล้วพวกแกมีสถานะอะไร? ขึ้นมาบนนี้ได้ยังไง?”
ตอนนี้เขายังคงตระหนักไม่ถึง ถ้าประเด็นไม่ได้อยู่ที่สถานะ พวกไป๋ยี่เฟยฝ่าแนวป้องกันของหลงหลิงหลิงและพวกประธานมาได้ยังไง? ถึงมานั่งบนรถได้
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกอึ้งตะลึงไม่น้อย รถคันนี้ไม่ได้มารับเขาหรอกเหรอ?
บังเอิญ จางหรงขึ้นมาพอดี
จางหรงยิ้มอย่างอมทุกข์“นี่คือเพื่อนสมัยเรียนของผมครับ ซูต้าหลิว”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้าอย่างเข้าใจ ที่แท้ก็เป็นเพื่อนสมัยเรียนนั่นเอง ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่า เจอกันโดยบังเอิญเท่านั้นสินะ
หลังจากจางหรงขึ้นมาแล้ว ประธานคนอื่นก็ทยอยขึ้นตามมานั่งทีละคนๆ
ซูต้าหลิวอาศัยโอกาสนี้พูดกับจางหรง“ตาจางคนนี้ใครเหรอ? ถึงได้กล้าเรียกชื่อนายตรงๆแบบนั้น? แถมยังขึ้นรถนี้อีก ก็เป็นคนของโหวจวี๋ของพวกนายเหรอ?”
จางหรงมองไป๋ยี่เฟย ไป๋ยี่เฟยดูเหมือนไม่ได้คิดที่จะเปิดเผยตัวตนของตัวเอง ก็เลยปกปิดซูต้าหลิวไปอย่างรู้งาน ตอบอย่างยิ้มๆ“เป็นคนของโหวจวี๋อยู่แล้วน่ะสิ”
แต่แค่ว่าเป็นประธานของโหวจวี๋ก็เท่านั้นเอง
ซูต้าหลิวอึ้งตะลึง“เป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง?”
ไอ้คนประเภทที่ทั้งตัวใส่เสื้อผ้าริมถนนเนี่ยนะ ไม่คิดว่าจะเป็นคนของโหวจวี๋กับเขาด้วย?
“ตาจางโหวจวี๋บริษัทใหญ่ขนาดนี้ มันก็มีกฎและข้อบังคับอยู่เหมือนกันนะ ไม่ใช่ใครก็สามารถนั่งรถหรูๆขนาดนี้ได้ นายว่าไม่ใช่หรือไง?”
จางหรงได้ยินแบบนั้นก็รีบมองไปยังไป๋ยี่เฟย ในใจแทบอยากจะถีบซูต้าหลิวออกไปจากรถให้รู้แล้วรู้รอด เพื่อนสมัยเรียนอะไรกันวะเนี่ย ทำไมถึงได้หักหลังเพื่อนกันขนาดนี้?
พวกประธานคนอื่นๆก็ได้ยินคำพูดนี้เช่นกัน ต่างคนต่างมีสีหน้าแปลกประหลาดอยู่ระหว่างซูต้าหลิวและไป๋ยี่เฟย
ส่วนนายโหดเหี้ยมที่นั่งอยู่อีกฝั่ง ก็นั่งกอดอกมองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเงียบๆ
จู่ๆไป๋ยี่เฟยก็ยิ้มพูดออกมาอย่างเย้ยหยัน“คำพูดนี้พูดได้ถูก”