บทที่ 289
ในตอนนี้เองหลิ่วอู๋ฉงเพิ่งจะมีปฏิกิริยาตอบกลับมา“คุณกำลังบอกว่าคุณเป็นท่านประธานโหวจวี๋?”
ซูต้าหลิวสีหน้ามั่นอกมั่นใจ“ฉันเองนี่แหละ!”
สีหน้าของหลิ่วอู๋ฉงเปลี่ยนไป ร้องตะโกนออกมาอย่างช่วยไม่ได้“หลงหลิงหลิง!”
หลงหลิงหลิงได้ยินก็เดินเข้ามา“คะท่านประธาน คุณชายหลิ่ว”
หลิ่วอู๋ฉงชี้ไปที่ซูต้าหลิวพร้อมกับถามขึ้น“เขาเป็นท่านประธานของโหวจวี๋?”
หลงหลิงหลิงพยักหน้า
ด้วยเหตุนี้เอง หลิ่วอู๋ฉงโกรธจนกลั้นไม่ไหว“เวรเอ้ย!”
ซูต้าหลิวได้ยินคำคำนี้ก็รู้สึกไม่สบอารมณ์“คุณเป็นอะไร? ถึงได้สบถคำหยาบคายแบบนี้ออกมา?”
“ไอ้โง่!”หลิ่วอู๋ฉงด่าออกมาอีกคำ ก่อนจะหันตัวกำลังจะเดินจากไป
หลงหลิงหลิงเห็นแบบนี้ก็รีบตามไปพูดอธิบายทันที“คนที่อยู่เบื้องบนสั่งมาน่ะค่ะ”
ฝีเท้าของหลิ่วอู๋ฉงหยุดลง“แสดงว่า คนที่อยู่เบื้องบนก็รู้เรื่องที่ไป๋ยี่เฟยสมองโง่ลงน่ะสิ?”
หลงหลิงหลิงก้มหน้า มองสีหน้าของเธอไม่ชัด ได้ยินแค่เสียงที่เธอตอบกลับมา“ใช่”
“เหอะ!ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าที่เขาไปเมืองหลวงก็เพราะว่าเรื่องนี้? ที่ไปรับที่สถานีรถไฟก็คือท่านประธานใหม่คนนี้สินะ?”
หลงหลิงหลิงยังคงพยักหน้า
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี”
พูดจบ หลิ่วอู๋ฉงก็เดินไปอย่างสบายใจ
ในขณะนี้เอง ซูต้าหลิวเดินออกมา“ผู้ช่วยหลง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
หลงหลิงหลิงหันกลับไปตอบ“รายละเอียดฉันก็ยังไม่ทราบแน่ชัดค่ะ อาจเป็นเพราะเขามีเรื่องสำคัญอะไรล่ะมั้งคะ?”
ซูต้าหลิวได้ยินแบบนั้นก็ตอบ อ๋อ กลับมาหนึ่งคำ สายตาที่สมเพชนั่นมาจับจ้องที่เรือนร่างของหลงหลิงหลิง“ผู้ช่วยหลง มาสิ มาที่ห้องทำงานกับผม พวกเราไปพูดคุยกันสักหน่อย”
หลงหลิงหลิงร่างกายชะงักลง หาทางออกได้ทันเวลาพอดี“ท่านประธานคะ คืนนี้มีทานอาหารเย็น ที่คลับไห่เทียน ท่านประธานจะไปไหมคะ?”
ซูต้าหลิวตอบ หือ กลับมา“คลับไห่เทียน?”
ซูต้าหลิวรู้จักคลับไห่เทียน นั่นมันเป็นคลับบันเทิงระดับสูง คนธรรมดาทั่วไปเข้าไปไม่ได้ แต่ในคืนนี้เขากลับเข้าไปได้!
“ไป ไปอยู่แล้ว!”
……
ณ บ้านวิลล่าหลันโปกั่ง
ไป๋ยี่เฟยโทรศัพท์ไปหาไป๋หู่“สกัดกั้นมันไว้”
หลิ่วอู๋ฉงเอาแต่ซ่อนเร้นมาโดยตลอด นอกจากที่มาครั้งที่แล้วแล้ว ก็ไม่ได้โผล่หน้ามาอีกเลย ครั้งนี้อุส่าโผล่ออกมาขนาดนี้ นี่เป็นโอกาสอันดีแล้ว
แต่ระหว่างทาง ไป๋หู่กับสวีลั่งต่างก็พบกับปัญหา
รถของพวกเขาหยุดลง
ไป๋หู่กับสวีลั่งลงจากรถ มีผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ตรงหน้าของพวกเขา ผู้หญิงที่อายุประมาณสามสิบกว่าๆ แต่งตัวมีเสน่ห์เย้ายวน รูปร่างดี แต่งหน้าแต่งตา
“โอ้ โชคดีจังเลยนะเนี่ย!”หงซินพูดยิ้มๆ“จุ๊ๆ พวกนายมาอยู่กับนายท่านของฉันดีกว่าไหม? นายท่านของฉันดีกว่าไป๋ยี่เฟยเยอะเลยนะ ว่าไง? ต้องคิดพิจารณาไหม?”
พูดจบ ไป๋หู่ก็พูดขึ้นอย่างไร้สีหน้าอารมณ์“ไม่จำเป็น”
หงซินสบถ ชิ ออกมาหนึ่งที“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว ฉันก็คงต้อง……”
พูดยังไม่ทันจบ สวีลั่งก็ลงมือก่อน พร้อมกับพูดขึ้นในขณะเดียวกัน“พูดพล่ามเยอะแยะจริงๆ!”
สวีลั่งพุ่งไปข้างหน้า หยิบมีดกริชของตัวเองออกมา ง้างมือฟันไปที่หงซิน
หงซินร่างกายยืดหยุ่น พอเห็นสวีลั่งเข้ามา ก็โค้งเอวไปข้างหลัง หลบการโจมตีของสวีลั่ง
ในขณะที่สวีลั่งโจมตีพลาด ก็กวาดขาใส่ แต่หงซินตอบสนองอย่างไว กระโดดขึ้น กวาดขาไม่โดน จากนั้นหงซินก็โจมตีกลับ ยื่นสองมือของตัวเองออกมา ข่วนออกไป
ใช่แล้ว ข่วน
เพราะว่าที่มือของเธอมีพิษชนิดร้ายแรงอยู่ ถ้าไปโดนผิวหนัง สวีลั่งก็จะตายทันที
แน่นอนว่าสวีลั่งก็เห็นมือของหงซิน ตอนที่ลงมือก็ระวังเป็นพิเศษ เพราะแบบนี้เอง สวีลั่งกลับไม่กล้าลงไม้ลงมือ ต่อสู้กันกับหงซินยากที่จะปลีกตัวออกมา
ในขณะนี้เอง ด้านหลังของไป๋หู่ก็มีคนกระโดดเข้ามาหนึ่งคน เป็นผู้ชายที่สวมชุดซามูไร ในมือถือดาบซามูไร
ชายคนนี้เป็นผู้ชายที่วางแผนที่จะไปจับตัวโจวฉวี่เอ๋อไปเมื่อตอนนั้น มือดาบอันดับหนึ่งหลิงหนาน
ครั้งที่แล้วเขาไม่ได้คาดการณ์ไว้ว่าฉินหัวจะเก่งขนาดนี้ ครั้งนี้ เขาไม่เชื่อว่าคนที่ดูปกติธรรมดาหยิ่มๆที่อยู่ตรงหน้านี้จะเป็นคนที่ฝีมือเก่งกาจ!
ไป๋หู่รู้สึกได้ถึงอันตรายที่จู่ๆก็โผล่มาข้างหลังอย่างรวดเร็ว จึงชกหมัดออกไป
มือดาบเห็นแบบนี้ก็ไม่ได้มองอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย“ชวิ๊ง”ชักดาบซามูไรของตัวเองออกมา ฟันไปยังข้อมือของไป๋หู่
ท่าทางการโจมตีของไป๋หู่เปลี่ยนไปเล็กน้อย ชกเข้าไปตรงๆ
มือดาบอันดับหนึ่งหลิงหนานที่นึกว่าจะฟันมือของอีกฝั่งได้ แต่ไม่ได้มองหมัดของไป๋หู่ให้ชัดเจน ตอนที่ดาบของตัวเองยังอยู่ห่างจากข้อมือของไป๋หู่อีกตั้งหลายเซนติเมตร หมัดของไป๋หู่ก็มากระทบเข้าที่ร่างกายของตัวเองเรียบร้อยแล้ว
“อึก!”
มือดาบกระเด็นลอยออกไปทันที
“ตุบ!”
มือดาบตกลงบนพื้น ก่อนจะกระอักเลือด
“ให้ตายสิ!เมืองเทียนเป่ยมีคนระดับสูงมากขนาดนี้เลยเหรอ?”
นี่เป็นครั้งที่สองที่ถูกคนต่อยจนกระเด็น ถ้าพูดออกไปล่ะก็ จะต้องไม่มีหน้าไปเจอใครแน่นอน!
มือดาบค่อยๆพยุงตัวขึ้นมาอย่างไม่ยอมจำนน หยิบดาบซามูไร คิดที่จะต่อสู้กับไป๋หู่ต่อ
ส่วนไป๋หู่ก็เอาแต่คิดถึงทางฝั่งของไป๋ยี่เฟย ไม่ได้มีกะจิตกะใจเท่าไร พอเห็นอีกฝั่งเข้ามา ก็ชกไปอีกหนึ่งที
มือดาบลอยกระเด็นตกลงบนพื้นอีกครั้ง
……
ไป๋ยี่เฟยขับรถมาถึงโหวจวี๋กรุ๊ป เห็นหลงหลิงหลิง
หลงหลิงหลิงก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน ตอนที่ไปรับเขาที่สถานีรถไฟเมื่อตอนนั้น เธอดูเหมือนจะไม่ได้เจอหน้าเขาแบบจังๆเลย
ไม่บอกว่าตัวเองมีเสน่ห์มากขนาดไหน การที่เป็นท่านประธาน หลงหลิงหลิงก็เชื่อฟังเขามาตั้งแต่ไหนแต่ไร แถมมีอะไรก็จะมาหาเขาเสมอ บางครั้งถึงขนาดที่พูดปรึกษากับเขา
แต่ครั้งนี้ ทั้งสองคนดูเหมือนกับคนแปลกหน้า ถึงขนาดที่ดูไม่เหมือนความสัมพันธ์ของเจ้านายลูกน้องทั่วๆไปเลยด้วยซ้ำ
ณ ห้องทำงานของท่านประธาน ไป๋ยี่เฟยมองหลงหลิงหลิงที่อยู่ตรงหน้า พร้อมกับพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ“ช่วงนี้โหวจวี๋เป็นยังไงบ้าง?”
หลงหลิงหลิงก้มหน้า แววตาเต็มไปด้วยความดิ้นรน“โหวจวี๋ตอนนี้ดีมาก”
ไป๋ยี่เฟยหมดคำพูด โหวจวี๋ตอนนี้ดีมาก?
เหอะ ต่อให้ไปสุ่มใครสักคนมาพูดก็ไม่มีทางพูดประโยคนี้ออกมาหรอก
แม้ว่าปัญหาจู้ติ่งจะจัดการแก้ไขไปแล้ว แต่เย่อ้ายก็ยังไปหาแนวร่วมกับผู้ประกอบการอื่นๆมาหาเรื่องโหวจวี๋ อีกไม่นานก็จะลงมือแล้ว มันจะดีมากได้ยังไง?
หลังจากนิ่งเงียบไปอยู่นาน ไป๋ยี่เฟยก็พูดขึ้น“ถ้าอย่างนั้นคุณรู้ไหมว่าวันนี้หลิ่วอู๋ฉงมาทำอะไรที่บริษัท?”
หลงหลิงหลิงเม้มปากไม่พูดอะไร
ไป๋ยี่เฟยเห็นแบบนี้ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา“หลิงหลิง มีเรื่องอะไรคุณบอกผมมา ผมจัดการเอง คุณ……”
“ไม่มี”ไป๋ยี่เฟยยังไม่ทันพูดจบหลงหลิงหลิงก็ชิงพูดปฏิเสธกลับไปก่อน