บทที่326
พอหวังไห่เห็นแบบนี้เขาจึงไม่อยากพูดอะไรมาก ได้แต่หัวเราะออกมาสองทีแล้วพูดว่า “เดี๋ยวค่อยคุยกัน เรามากินข้าวกันก่อน”
บอดี้การ์ดผอมแห้งคนนั้นก็กลับมาถึงพอดี และยังมีพนักงานที่ยกอาหารที่ทำเสร็จแล้วมาด้วยหลายคน
ระหว่างทานอาหาร มีแต่หวังไห่ที่พูดอยู่ตลอดเวลา ไป๋ยี่เฟยมีการตอบโต้เล็กน้อย ส่วนเย่อ้ายนั้นตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความมั่นใจที่มีต่อเย่ซื่อกรุ๊ปหรือเปล่า ทำให้เธอไม่เห็นหวังไห่อยู่ในสายตาแบบนี้ แม้แต่เสแสร้งสักหน่อยยังไม่ทำเลย
พอกินเสร็จ เย่อ้ายก็บอกว่าตัวเองมีธุระ จึงกจากไปพร้อมกับชายขี้โรคคนนั้น แล้วตอนนี้ก็เหลือแค่พวกไป๋ยี่เฟยกับหวังไห่เท่านั้น
หวังไห่วางตะเกียบลง “นี่เสี่ยวไป๋ ฉันกำลังปูทางให้เธออยู่นะ!”
“เย่อ้ายได้สงสัยเธอตั้งนานแล้ว การที่เธอมาปรากฏตัวให้เห็นและทำให้เธอไม่ได้เป็นอะไร แบบนี้เย่อ้ายก็จะระมัดระวังมากขึ้น และจะไม่ทำอะไรในเร็วๆ นี้แน่”
“อีกอย่าง เย่อ้ายรู้ดีว่าฉันเป็นคนเชิญเธอมา แบบนี้ก็น่าจะทำให้รู้แล้วว่าความสัมพันธ์ของฉันกับเธอต้องไม่ธรรมดาแล้ว ทำให้หล่อนต้องวิตกมากขึ้น เธอจึงสามารถใช้โอกาสที่เธอกำลังวิตกนี้ชิงลงมือก่อนได้เลย”
พอได้ยินอย่างนั้น ไป๋ยี่เฟยก็เหมือนคิดอะไรได้ “ผู้อาวุโสหวังช่างรอบคอบจริงๆ เลยนะครับ”
“ตอนนี้เราลงเรือลำเดียวกันแล้ว ก่อนที่ฉันจะไปช่วยปูทางให้เธอสักหน่อย มันก็เป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว” หวังไห่หัวเราะชอบใจ
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า “เดี๋ยวผมไปส่งนะครับ!”
“ได้”
เพราะอยู่ใกล้มาก คนทั้งหมดจึงเดินกลับไปที่โรงแรม
พอมาถึงที่โรงแรมหวังไห่ก็ตั้งใจจะให้ไป๋ยี่เฟยกลับไปเลย แต่ไป๋ยี่เฟยก็พูดขึ้นว่า “ผมขอส่งถึงห้องดีกว่าครับ! ผมถึงจะสบายใจ”
พอหวังไห่ได้ยินอย่างนั้นก็หัวเราะชอบใจใหญ่เลย “ไม่เลว เสี่ยวไป๋ ฉันนี่เลือกคนไม่ผิดจริงๆ”
ไป๋ยี่เฟยก็เอาแต่ยิ้ม แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร
พอขึ้นไปถึง หวังไห่ก็ชวนไป๋ยี่เฟยเข้าไปดื่มชา ส่วนไป๋ยี่เฟยก็ไม่ได้ปฏิเสธ
ยังคงเป็นห้องชุดห้องเดิม แต่ครั้งนี้เข้าไปง่ายกว่าครั้งก่อน หญิงสาวยังนั่งอยู่ที่โซฟา เมื่อเห็นหวังไห่กับไป๋ยี่เฟยเข้ามา เธอก็ไม่กล้าพูดอะไร
หวังไห่พาไป๋ยี่เฟยเข้าไปในห้องนอน แล้วชงชาให้ไป๋ยี่เฟย
“หอมมากเลยครับ” ไป๋ยี่เฟยพูดขึ้น “แต่ก็น่าเสียดาย”
หวังไห่จิบชาไปทีหนึ่ง “เสียดายอะไรเหรอ?”
ไป๋ยี่เฟยวางแก้วชาลง “เสียดายที่ต่อไปจะไม่ได้ลิ้มรสชาที่ดีแบบนี้อีกแล้วครับ”
“ใช่ที่ไหน? ต่อไปถ้าเธอเติบโตจนขึ้นเป็นผู้นำของเป่ยไห่แล้ว ก็ไปหาฉันที่ เมืองสิ เดี๋ยวฉันจะชงให้ดื่มอีก” หวังไห่ยิ้มอย่างดีอกดีใจ
“แต่เธอก็เคยรับปากที่จะทำอาหารรสเลิศให้ฉันกินแล้วนะ อย่าผิดคำพูดล่ะ!”
จู่ๆ ไป๋ยี่เฟยก็ยืนขึ้น แล้วเดินไปรอบๆ ห้องนอน “ผู้อาวุโสหวังนี่ช่างรู้จักเสพสุขจริงๆ เลยนะครับ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ผมจึงจะสามารถมีห้องชุดที่หรูหราแบบนี้ได้”
“เธออย่ามาพูดเล่นเลย คนที่เป็นถึงประธานบริษัทของโหวจวี๋กรุ๊ปจะไม่มีปัญหาอยู่ห้องแบบนี้เลยเหรอ?” หวังไห่ลุกขึ้นตาม
ไป๋ยี่เฟยยิ้ม “มันก็จริงครับ แต่ผู้อาวุโสหวังครับ ตอนนี้คุณควรดูมันให้มากๆ นะครับ ก่อนที่คุณจะไม่มีโอกาสอีก”
พูดจบ หวังไห่ก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง “นี่เธอต้องการจะพูดอะไร?”
ไป๋ยี่เฟยเดินมาข้างหน้า มาหยุดอย่างข้างๆ หวังไห่ แล้วกระซิบเบาๆ ว่า “เพราะว่า คนที่ตายไปแล้วก็เท่ากับสิ้นวาสนาไปแล้วยังไงครับ!”
ในเวลาเดียวกัน ไป๋ยี่เฟยก็ได้ใช้มีดสั้นที่ซ่อนไว้ตรงเอวเสียบเข้าที่หัวใจของหวังไห่
“เอื้อ……”
หวังไห่ก้มลงไปอมองอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง พอเห็นมีดเล่มนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมามองไป๋ยี่เฟย “นี่แก……แกกล้า……ฆ่าฉัน……”
จนถึงตอนนี้ หวังไห่ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมไป๋ยี่เฟยต้องฆ่าตัวเองด้วย?
ตอนเช้าเขาได้ข่มขู่ไปบ้างก็จริง แต่ไป๋ยี่เฟยก็รับปากที่จะร่วมมือกันแล้วนี่ เมื่อกี้ก็ดูปกติดี แต่พอเข้ามาในนี้ พูดกันไม่กี่คำ เขาก็โดนฆ่าเสียแล้ว!
นี่มันเกินกว่าจะเข้าใจแล้ว
ที่สำคัญ สถานะของเขาในตอนนี้เป็นถึงประธานของสหพันธ์ธุรกิจเลยนะ เชื่อว่าคงไม่มีใครโง่พอที่จะลงมือฆ่าเขาแบบโจ่งแจ้งแบบนี้หรอก! แต่ไป๋ยี่เฟยก็ทำมันลงไปแล้ว!
แถมยังทำไปแบบไม่ส่งสัญญาณอะไรให้รู้ก่อนเลยด้วย!
ไป๋ยี่เฟยเบาแรงลง แล้วยิ้มออกมาอย่างไม่ชอบใจ “คุณนั่นแหละที่ผมอยากจะฆ่า!”
หวังไห่เบิ่งตาโต “ทำ……ไม?”
ไป๋ยี่เฟยพูดพร้อมกับกำมีดในมือไปด้วย “เพราะคุณมั่นใจเกินไปยังไงล่ะ!”
พูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็ดึงมีดออก ดวงตาขอหวังไห่เบิ่งกว้าง แล้วล้มทั้งยืนลงไป
ไป๋ยี่เฟยเกลียดการถูกข่มขู่ที่สุด แถมยังใช้คนรอบตัวเขา ใช้หลี่เสว่กับน้องสาวมาข่มขู่เขา นี่คือสิ่งที่เขาทนไม่ได้ที่สุด
ที่รับปากไปตอนเช้าเป็นเพราะเขายังคิดไม่ออกว่าจะทำยังไงต่างหาก จนได้เจอกับเย่อ้ายตอนมื้อค่ำ เขาก็ได้ตัดสินใจในทันที ถ้าจะถูกคนอื่นควบคุม สู้ชิงลงมือก่อนเพื่อความได้เปรียบดีกว่า
การกระทำของหวังไห่ในคืนนี้ นอกจากสิ่งที่พูดออกมาแล้ว มันยังเป็นการเตือนแบบอ้อมๆ อีก เตือนว่าถ้าเขาไม่ยอมทำตามคำสั่งละก็มันก็จะร่วมมือกับเย่อ้ายเพื่อมาทำลายโหวจวี๋และคนสำคัญของเขา
ด้วยเหตุนี้มันจึงทำให้ไป๋ยี่เฟยรู้สึกเป็นกังวลมาก เขาไม่อยากให้ใครมาทำร้ายหลี่เสว่กับน้องสาวของเขา ดังนั้นหวังไห่จึงสมควรต้องตาย!
มีดในมือเขาเป็นมีดของสวีลั่ง ตอนอยู่ที่ห้องอาหาร ไป๋ยี่เฟยใช้โอกาสตอนที่ไปเข้าห้องน้ำสบตากับสวีลั่ง หลังจากนั้นสองนาทีสวีลั่งก็ตามมา เขาอาศัยจังหวะนั้นขอยืมมันมาจากสวีลั่งนั่นเอง
ไป๋ยี่เฟยปิดตาให้คนตาย แล้วเดินออกไปพร้อมกับมีดสั้นเล่มนั้น
ตอนที่ออกมา สายตาทุกคู่ก็มองมาที่เขา
ไป๋ยี่เฟยเดินออกมาอย่างใจเย็น เลือดสดๆ ไหลลงมาจากมีดสั้นในมือ ไป๋ยี่เฟยเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรกับมันทั้งนั้น เขาออกมาเพียงลำพังโดยไม่มีหวังไห่ตามออกมาด้วย
แค่มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“นี่แกฆ่าผู้อาวุโสหวังไปแล้วเหรอ!”
หญิงสาวรีบดีดตัวให้ออกห่างจากไป๋ยี่เฟยในทันที เพราะกลัวว่าไป๋ยี่เฟยจะฆ่าตัวเองไปด้วย
ไป๋หู่กับบอดี้การ์ดผอมแห้งคนนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไป๋ยี่เฟยได้ฆ่าหวังไห่ไปแล้ว ส่วนสวีลั่งนั้น เพราะมีดสั้นเป็นของตัวเอง ตอนที่ให้มีดเล่มนี้ไปเขาก็พอจะเดาออกบ้างแล้ว
ไป๋ยี่เฟยเดินไปที่หญิงสาวด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย “ไม่ต้องกลัว ผมไม่รุนแรงกับคุณหรอก”
หญิงสาวถึงกับตาโต สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และส่ายหน้าสุดชีวิต “อย่าฆ่าฉันนะ……อย่าฆ่าฉันนะ……”
ไป๋ยี่เฟยบ่นงึมงำ “ความจริงผมก็ไม่อยากฆ่าผู้หญิงที่สวยขนาดนี้หรอกนะ แต่ใครให้พวกคุณรู้ว่าผมเป็นคนร้ายฆ่าคนล่ะ? เพื่อเก็บเรื่องนี้ให้เป็นความลับ ผมจึงจำเป็นต้องฆ่าพวกคุณให้หมด”
ในตอนนั้นเอง บอดี้การ์ดผมแห้งคนนั้นก็ได้พูดขึ้นมาว่า “แต่คุณสามารถยกเว้นผมได้นะครับ ที่สำคัญ ถ้าคุณไม่ฆ่า ผมก็จะลงมืออยู่แล้ว”
ความสนใจของไป๋ยี่เฟยถูกดึงไป “หมายความว่ายังไง? ใครเป็นคนส่งคุณมา?”
“เย่ซื่อกรุ๊ปเหรอ? หรือฟ่านจูหรู?”
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกเอะใจ จึงหันไปมองของไป๋หู่กับสวัลั่งที่กำลังทำหน้าจริงจัง เขาจึงต้องประเมินบอดี้การ์ดผมแห้งคนนี้ใหม่ ดูท่าชายคนนี้จะไม่ได้อ่อนแอเหมือนรูปลักษณ์ภายนอกเสียแล้ว
หลังครุ่นคิดอยู่นาน ไป๋ยี่เฟยก็ยังต้องฆ่าชายคนนี้ทิ้งอยู่ดี เขาจะทิ้งความเสี่ยงไว้ไม่ได้
ไป๋ยี่เฟยหันไปทางหญิงสาว ยกมีดสั้นขึ้นมา “คุณอยากตายแบบไหนเหรอครับ? ถูกบีบคอหรือถูกแทงดี?”
แล้วบอดี้การ์ดผมแห้งคนนั้นก็ได้พูดขึ้นอีกครั้ง “ผมว่าคุณอย่าฆ่าเธอจะดีกว่านะครับ ผู้หญิงคนนี้ชื่อเถาเยวอายุสี่สิบกว่าแล้ว เธอไม่มีอะไรเลยนอกจากคู่นอนที่มากมาย”
ดูยังไงผู้หญิงคนนี้ก็อายุราวๆ ยี่สิบต้นๆ เท่านั้น แต่เธออายุสี่สิบกว่าแล้วเนี่ยนะ? มันเป็นไปได้ด้วยเหรอ?
อีกอย่าง ที่ว่าคู่นอนเยอะนี่มันหมายความว่ายังไง?
มุมปากของไป๋ยี่เฟยกระตุก “นี่คุณจะบอกว่าเธอมีคู่นอนหลายคน? มีเยอะกว่าหวังไห่อีกเหรอ?”
บอดี้การ์ดผอมแห้งพูดขึ้นว่า “รู้รึเปล่าว่าทำไมหวังไห่ถึงได้รู้ข้อมูลของคุณได้ละเอียดขนาดนั้น? เพราะเบื้องหลังของเขามีกลุ่มคนที่คอยสืบหาเรื่องพวกนี้โดยเฉพาะอยู่ และคู่นอนของเธอก็คือผู้นำของคนกลุ่มนี้เนี่ยแหละครับ”
สิ้นเสียง สีหน้าของไป๋ยี่เฟยก็ดูเคร่งเครียดลงไปมาก
ก็ว่าอยู่ว่าหวังไห่รู้เรื่องที่โรงพยาบาลเอกชนของเขาได้ยังไง รู้ไปจนถึงเส้นทางที่เขาใช้ ที่แท้ก็มีคนคอยสืบหาเรื่องพวกนี้อยู่นี่เอง