บทที่356
เย่ฮวนขมวดคิ้ว “ไป๋ยี่เฟย แกสู้ตระกูลเย่ไม่ได้หรอก แถมตอนนี้ฉันยังร่วมมือกับฉุงโยวเวยแล้วด้วย แกมีแต่ตายกับตายเท่านั้น ดังนั้น ฉันแนะนำให้แกบอกที่อยู่ของเย่อ้ายมาซะ!”
พูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็ยังไม่ตอบอะไร หลินขวางที่อยู่ข้างๆ ได้เดินมาอยู่ข้างไป๋ยี่เฟย “เย่ฮวน คุณมาทำอะไรที่นี่ครับ?”
เย่ฮวนเหลียวมองหลินขวาง “ผมจะมาทำอะไรแล้วคุณยุ่งอะไรด้วย?”
“นี่คุณ!” หลินขวางสูดหายใจเข้าแล้วพูดว่า “คุณต้องเข้าใจก่อนนะว่า ที่นี่มันงานเลี้ยงฉลองวันครบรอบของโหวจวี๋กรุ๊ป ไม่ใช่ที่ๆ พวกคุณจะมาเที่ยวเล่นได้”
ฉุงโยวเวยร้องชิ “เป็นแค่โหวจวี๋ที่เล็กจ้อยแท้ๆ ต่อให้เป็นการประชุมผมก็สามารถเข้าไปเดินเล่นได้!”
สิ้นเสียง เย่ฮวนก็พูดต่อว่า “ที่สำคัญ เราไม่ได้มาเดินเล่นสักหน่อย เรามาที่นี่เพื่อจัดการกับโหวจวี๋โดยเฉพาะเลยล่ะ วันนี้ โหวจวี๋เสร็จฉันแน่!”
หลินขวางมองเขาด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม “พวกคุณร่วมมือกันแล้วเหรอ?”
“มันก็เห็นชัดอยู่แล้วนี่” เย่ฮวนยักไหล่
ฉุงโยวเวยยิ่งได้ใจ “ที่คุณยังร่วมมือกับไป๋ยี่เฟยได้เลย แล้วทำไมผมจะร่วมมือกับตระกูลเย่ไม่ได้ล่ะ?”
ไป๋ยี่เฟยที่ยืนอยู่ข้างๆ ถึงแม้ว่าจะยังทำหน้านิ่งเฉยอยู่ แต่ในใจนั่นกำลังร้อนรนมาก เพราะเขาไม่นึกเลยว่าหลังจากที่ฉุงโหวเวยมาแล้วเย่ฮวนก็จะตามมาด้วยในสถานการณ์แบบนี้ต่อให้ได้รับความช่วยเหลือจากหลินขวางก็ตาม เป็นไปไม่ได้เลยที่จะหลุดพ้นจากที่นี่ได้อย่างสมบูรณ์
จะทำยังไงดี?
ฉุงโยวเวยยิ้มพร้อมกับทำเสียงฮึดฮัด “ไป๋ยี่เฟย ตอนนี้แกคงรู้จักกลัวแล้วสินะ? ยังกล้าโอหังอีกมั้ย?”
เย่ฮวนถามขึ้นมาอีกครั้ง “เย่อ้ายอยู่ที่ไหน?”
“ถ้าแกยอมบอกฉันมาว่าเย่อ้ายอยู่ที่ไหน บางทีฉันอาจปราณีแกบ้างก็ได้ เหลือเศษเงินให้แกนิดหน่อยเพื่อให้แกพอประทังชีวิตไปได้”
ถ้าเป็นคนอื่นที่ถูกยื่นข้อเสนอแบบนี้มาละก็จะต้องยอมรับไปแล้ว ยังไงก็ดีกว่าไม่ได้อะไรเลยอยู่แล้ว แต่ไป๋ยี่เฟยกลับปฏิเสธไป
“ผมไม่รู้”
เย่ฮวนทำหน้าเคร่งขรึม “แกเป็นคนจับเธอไป ไม่มีทางที่แกจะไม่รู้!”
ไป๋ยี่เฟยตอบมาอย่างเรียบๆ “ผมไม่รู้จริงๆ”
“นี่แก!” เย่ฮวนเกือบสบถคำหยาบออกมาแล้ว “ได้ ถ้าเป็นแบบนี้ละก็ ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว”
พอหลินขวางได้ยินอย่างนั้น เขาก็คิดว่านี่อาจจะเป็นประเด็ดสำคัญก็ได้ เขาจึงพูดไปว่า “อ้าว น้องสาวของคุณหายตัวไปเหรอ?”
“มันไม่ใช่เรื่องของคุณ!” เย่ฮวนตอบอย่างไม่สบอารมณ์
หลินขวางทำเสียงจุ๊ๆ “มันจะไม่เกี่ยวได้ยังไงล่ะครับ? ยังไงทุกคนก็รู้จักกันอยู่แล้ว มันก็ควรเป็นห่วงกันบ้างสิ แต่จะว่าไปน้องสาวคุณเก่งออกอย่างนั้นทำไมถึงหายไปได้ล่ะครับ?”
“จริงด้วย คุณควรจะรีบไปตามหาเธอไม่ใช่เหรอครับ? แล้วคุณจะมัวมาถามเราอยู่นี่ทำไม?”
หลินขวางกลบเกลื่อนคำว่า ‘แกจับตัวน้องสาวฉันไป’ ไปเลย
แต่เย่ฮวนเหมือนจะขี้เกียจเถียงกับเขาแล้ว เขาจึงชี้นิ้วไปที่ฉุงโยวเวยแล้วพูดว่า “คุณช่วยไปประกาศการจัดสรรทรัพยากรของเมืองเทียนเป่ยให้ที” ว่าแล้ว ฉุงโยวเวยก็เอาเอกสารขึ้นมาเพื่อที่จะประกาศต่อ แต่พอพูดได้คำเดียวเขาก็นึกขึ้นได้ว่าไมถูกตัดไปแล้ว เสียงของเขาไม่ดังพอที่จะส่งไปถึงคนทั้งงานได้
ฉุงโยวเวยจึงบอกให้เถาเยวที่ยื่นอยู่ข้างๆ ว่า “ไปเปิดไฟให้ผมหน่อย”
เถาเยวพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง พอเธอหันหลังไปก็ถูกไป๋ยี่เฟยดึงตัวไว้ก่อน
ฉุงโยวเวยขมวดคิ้ว “ไป๋ยี่เฟย แกคิดว่าทำแบบนี้แล้วมันจะช่วยอะไรได้เหรอ? ต่อให้ฉันไม่ประกาศพวกนี้ออกไป ยังไงวันนี้โหวจวี๋ก็ต้องจบสิ้นอยู่ดี!”
หลินขวางพูดแทรกขึ้นมา “ฉุงโยวเวย ก็แค่โหวจวี๋ ทำไมต้องเล่นงานเขาให้ได้ด้วย?”
“คุณพูดผิดแล้ว ผมไม่ได้จะเล่นงานเขา ผมแค่ทำตามหน้าที่ของผมเท่านั้น” ฉุงโยวเวยทำเสียงฮึดฮัดและยิ้มออกมาจากนั้นก็มองไปยังเย่ฮวนที่ยืนอยู่ข้างๆ
หลินขวางเข้าใจขึ้นมาทันที ฉุงโยวเวยช่วยเย่ฮวนเทคโอเวอร์โหวจวี๋ ส่วนเย่ฮวนก็ช่วยฉุงโยวเวยให้ขึ้นเป็นประธานสหพันธ์ธุรกิจ
ดูแล้วตอนนี้ ด้วยการร่วมมือกันของเย่ฮวนกับฉุงโยวเวยสามารถกดดันไป๋ยี่เฟยกับหลินขวางได้อยู่หมัดจนไม่เหลือที่ให้ดิ้นเลย
หลินขวางมองมาที่ไป๋ยี่เฟย หมดทางแล้ว เขาทำอะไรไม่ได้แล้ว “ขอโทษด้วยนะครับ ที่ช่วยอะไรคุณไม่ได้เลย”
ไป๋ยี่เฟยส่ายหน้า “เดิมทีเรื่องนี้มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณอยู่แล้ว ไม้จำเป็นต้องขอโทษหรอกครับ ผมต่างหากล่ะที่ต้องขอบคุณ”
“ไม่ต้องพูดแบบนั้นก็ได้” หลินขวางพูดออกมาอย่างไม่มีทางเลือก “ความจริงที่ผมช่วยคุณก็เพราะไป๋เซี่ยวน้องชายของคุณความสัมพันธ์ระหว่างเราถือว่าไม่เลว”
พอไป๋ยี่เฟยได้ยินอย่างนั้นเขาก็อึ้งไป จากนั้นก็จ้องหลินขวางด้วยความสงสัย
หลินขวางกำลังจะอธิบาย แต่เย่ฮวนก็พูดแทรกขึ้นก่อน “ถ้าอยากทำความรู้จักกันค่อยไปว่ากันทีหลัง”
“ฉันจะให้โอกาสแกครั้งสุดท้าย บอกฉันมาว่าเย่อ้ายอยู่ไหน ฉันจะเหลือเศษเงินให้แกนิดหน่อยเพื่อไม่ให้แกต้องอดตาย”
ไป๋ยี่เฟยตอบไปด้วยความรำคาญ “ก็บอกไปแล้วไงว่าผมไม่รู้จริงๆ”
“ถ้าอย่างนั้นเราก็มาเริ่มกันเถอะ!”
พูดจบ ฉุงโยวเวยก็จะเดินไปเปิดไฟด้วยตนเอง แต่เขาก็เห็นหลี่เสว่พุ่งตัวเข้ามา
ไมโครโฟนนั้นมีสาย มันต้องเสียบสายแจ็ค และต้องมีไฟด้วย จึงจำเป็นต้องเสียบสายแจ็คเข้ากับปลั๊กแจ็คก่อนถึงจะใช้ได้
หลี่เสว่อาศัยจังหวะที่ฉุงโยวเวยยังมาไม่ถึงโยนหัวแจ็คไปทางอื่น พร้อมกันนั้นก็โยนปลั๊กแจ็คไปอีกทาง
การกระทำนี้ส่งผลให้หัวแจ็คกับปลั๊กแจ็คอยู่ห่างกันยิ่งกว่าเดิม
บอกตามตรง มันอาจจะไม่มีประโยชน์อะไรมากมาย แค่เดินไกลกว่าเดิมนิดหน่อยก็เท่านั้น
ไป๋ยี่เฟยนึกไม่ถึงเลยว่าหลี่เสว่จะพุ่งมาแบบนี้ แถมยังทำแบบนี้ด้วย มันเป็นการช่วยเหลือเขาอย่างเห็นได้ชัด แต่มันก็ยังไม่มากพอ
“เสว่เอ๋อ”
ไป๋ยี่เฟยเดินไปข้างหน้าของหลี่เสว่ โดยบดบังสายตาของฉุงโยวเวยกับเย่ฮวนเอาไว้
หลี่เสว่จับแขนข้างหนึ่งของไป๋ยี่เฟยไว้ แล้วถามอย่างระมัดระวังว่า “พวกเขาจะรังแกคุณใช่ไหมคะ?”
เธอไม่รู้ว่าโหวจวี๋กรุ๊ปกับคนพวกนี้มีความแค้นอะไรต่อกัน แถมยังไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย เธอรู้แค่ว่า สองคนนี้กำลังรังแกไป๋ยี่เฟยอยู่เท่านั้น
พอไป๋ยี่เฟยได้ยินอย่างนั้นเขาก็ยิ้มออกมา “ไม่เป็นไรครับ ไม่มีใครรังแกผมได้ทั้งนั้นแหละครับ”
หลี่เสว่ไม่เชื่อ ทั้งๆ ที่เมื่อกี้เธอยังเห็นอยู่เลยว่าคนพวกนั้นทำไม่ดีกับเขา และเห็นท่าทางของไป๋ยี่เฟยเหมือนจะจัดการไม่ได้ด้วย เขาดูเครียดมาก
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้พูดอะไรมาก เขาแค่หันมาบอกกับฉุงโยวเวยว่า “การจัดสรรทรัพยากรของเมืองเทียนเป่ยพวกคุณไม่ต้องมายุ่ง ส่วนชะตากรรมของโหวจวี๋กรุ๊ปจะเป็นยังไง พวกคุณไม่ใช่คนกำหนด”
ตอนนี้ความสนใจทั้งหมดของฉุงโยวเวยได้อยู่ที่หลี่เสว่หมดแล้ว
สวย สวยเกินไปแล้ว!
หน้าตาแบบนี้ ออร่าแบบนี้ มันคือความงดงามที่แท้จริงชัดๆ!
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกขยะแขยงกับสายตาของฉุงโยวเวยมาก ยืนขวางหลี่เสว่หนักยิ่งกว่าเดิมอีก
เย่ฮวนเองก็ไม่ต่างกันมา แต่เขาก็ยังสังเกตเห็นอะไรบางอย่างด้วย
นั่นมันแหวนนี่ ที่นิ้วของหลี่เสว่
เย่ฮวนจ้องมันอยู่นาน จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป เขารีบดึงตัวฉุงโยวเวยไป “ดูแหวนบนนิ้วเธอสิ”
ฉุงโยวเวยตั้งสติได้ แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไปเหมือนกัน
“เรื่องจริงรึเปล่าเนี่ย?”