บทที่ 386
เฉินห้าวยังคงแสดงสีหน้าแบบนั้น “ในตอนสุดท้าย ควรได้กล่าวคําอําลาแล้วจริงจริง! บางทีคนที่อยู่ข้างกายแกอาจต้องลาจากโลกนี้ไป โดยไม่ได้กล่าวคำอำลาเลยก็เป็นได้? ”
“อะไรนะ?”
เย่ฮวนตกใจทันที และรู้สึกตึงเครียดเป็นอย่างมาก พวกเขา ประเมินตัวไป๋ยี่เฟยต่ำไป
“จางเถ่หลิน!” เย่ฮวนส่งเสียงเรียก “รีบกลับไปเร็วเข้า ”
จางเถ่หลินชะงักไปครู่หนึ่ง และไม่ได้นึกถึงเรื่องนั้นเลย “เป็นอะไรไป? ”
“พวกเราหลงกลพวกมันแล้ว!” เย่ฮวนพูดด้วยน้ำเสียงเข้ม “ไป๋ยี่เฟยไปหาคุณชายของนายแล้ว ”
จางเถ่หลินยังไม่ได้ขยับตัว “ไม่ใช่ เราหลงกลพวกมันตั้งแต่เมื่อกี้แล้วล่ะ? แล้วตอนนี้ล่ะ? ใช้กลลวงเดิมอีกแล้วงั้นเหรอ?”
เย่ฮวนกัดฟันพูด “จนถึงตอนนี้ไป๋ยี่เฟยยังไม่ได้กลับมาเลย นี่มันสองชั่วโมงกว่าแล้ว และเขาคงไปถึงคฤหาสน์ตระกูลฉุงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว! แม้นายจะไปตอนนี้ มันก็คงสายไปแล้ว ”
สีหน้าของจางเถ่หลินแข็งทื่อลงทันทีเมื่อลองปะติดปะต่อคําพูดของเฉินห้าวเมื่อครู่แล้ว เขาก็ตกใจตื่นทันที และหันหลังวิ่งออกไป
เย่ฮวนส่ายหน้า เมื่อครู่เขาก็บอกไปแล้ว ว่ามันคงไม่ทันกาลแล้ว ถึงแม้จางเถ่หลินจะไปตอนนี้มันก็ไร้ประโยชน์ แต่…
เขาจําได้ว่าข้างกายฉุงโยวเวยยังมีหลี่ป้าอยู่ อีกทั้งยังเป็นยอดฝีมืออีกด้วย ส่วนไป๋ยี่เฟยก็ไปตัวคนเดียว และยังไม่มีกำลังต่อสู้อะไรอีก ถึงแม้จะไป ก็ไม่สามารถรับมือเขาได้หรอก
จางเถ่หลินวิ่งออกไป และในขณะเดียวกันนั้นเขาก็โทรหาหลี่ป้า ไปด้วย แต่ เขาก็ยังโทรไม่ติดเหมือนเช่นเคย
จางเถ่หลินตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก หลังจากโบกรถได้แล้วคนหนึ่ง เขาก็รีบขึ้นรถไป “เขตคฤหาสน์ทางใต้”
จางเถ่หลินนั่งอยู่ในรถ และเขาจะยังไม่ยอมแพ้ง่ายง่าย เขาโทรหาหลี่ป้าอย่างไม่ขาดสาย หลังจากโทรเสร็จ เขาก็เปลี่ยนโทรไปหาฉุงโยวเวยแทน เขาทำแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่สุดท้ายก็ยังไม่มีใครรับสายเหมือนเช่นเคย
จากนั้น เขาก็นึกออกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาออกมาเขาก็ได้พบกับชายชุดดําคนหนึ่งเขา ซึ่งเขาก็ไม่เคยรู้จักคนนั้นเลย แต่เขากลับบอกว่านายน้อยปลอดภัย อย่าหลงกับดัก ซึ่งทันทีที่นึกขึ้นได้ เขาก็คิดได้ว่าสําเนียงของคนนั้นไม่ใช่สำเนียงของเมืองเทียนเป่ย!
ในความเป็นจริงแล้ว คนคนนั้นจงใจรบกวนความคิดของเขา ทําให้เขาคิดว่าเขาหลงกับดัก ดังนั้นเขาจึงกลับไป แต่ความจริงแล้ว การที่เขากลับไปต่างหากล่ะที่เป็นกับดักของจริง
“บ้าเอ๊ย!”
จางเถ่หลินโยนโทรศัพท์ลงไปยังที่นั่งอย่างหงุดหงิด
……
ณ ห้องพิเศษ ที่ไนต์คลับ
เย่ฮวนไม่ได้รู้สึกตื่นตระหนกอย่างเมื่อครู่แล้ว เขาสงบสติอารมณ์ลง แล้วเหลือบตามองเฉินห้าว “ฉันรู้ว่าจางเถ่หลินไปตอนนี้มันคงสายไปแล้ว แต่ ไป๋ยี่เฟยก็ไม่รู้ด้วยว่า ข้างกายฉุงโยวเวยยังมีคนคอยปกป้องอยู่ ”
เฉินห้าวส่งเสียงโอ้ และแสดงสีหน้าอย่างไม่คิดสงสัยอะไรเลยสักนิด
เย่ฮวนสำลัก เมื่อเห็นว่าพวกเขามีท่าทีสงบนิ่งขนาดนี้ จึงพูดขึ้นว่า “ข้างกายฉุงโยวเวย มีหลี่ป้าคอยติดตามอยู่ เขาเป็นยอดฝีมือคนหนึ่งของตระกูลฉุง ที่ถูกส่งตัวมาเพื่อปกป้องฉุงโยวเวยโดยเฉพาะ ”
“ไป๋ยี่เฟยไปตัวคนเดียว และไม่มีกําลังต่อสู้อะไรเลย เกรงว่า เขาคงเป็นคนที่ตายเร็วกว่าทุกคน!”
“งั้นเหรอ”
ยังคงส่งเสียงตอบรับอย่างเฉยชา ส่วนไป๋หู่และคนอื่นอื่นไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบกลับ
เย่ฮวนรู้สึกหดหู่มาก “พวกนายไม่กังวลเลยเหรอ? ไป๋ยี่เฟยรนหาที่ตายจริงจริง! โอ้ไม่สิ ณ จุดจุดนี้ กลัวว่าเขาคงตายเป็นที่เรียบร้อยแล้วมั้ง!”
เฉินห้าวส่ายหัว “ผมเชื่อว่าพี่ชายผมสามารถรับมือได้”
“แกเชื่อแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร?” เย่ฮวนหัวเราะเยาะ “ความจริงมันอยู่ตรงหน้าแกแล้วนิ ”
ในเวลานั้นเอง ไป๋หู่หมุนตัวไปมองรอบรอบ และเอ่ยปากพูดขึ้นว่า “ผมเคยฝึกเขามาก่อน”
เย่ฮวนชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะออกมา “แกฝึกมาแล้วไง? ฝึกมาแค่ไม่กี่เดือนจะสู้กับคนที่ฝึกมานานหลายปีงั้นเหรอ? พูดเรื่องตลกอะไรของแกอยู่? ”
“หากพูดตามหลักทฤษฎีแล้วก็อาจใช่ แต่เขาไม่เหมือนอย่างนั้น เขามีพรสวรรค์ และมีความอดทนมุมานะมาก” ไป๋หู่ตอบกลับ
“แค่นี้เหรอ?” เย่ฮวนยิ้มเยาะ “พวกแกไร้เดียงสาเกินไปหรือเปล่า? ”
“ใช่ เขามีพรสวรรค์ และมีความอดทนมุงมานะมาก ถึงแม้สิ่งเหล่านี้จะสามารถชดเชยข้อบกพร่องบางอย่างได้จริง แต่พวกแกอย่าลืมว่า ของบางสิ่ง มีเพียงเวลาเท่านั้นถึงจะฝึกฝนได้ ไม่ใช่เพราะว่ามีพรสวรรค์และความอดทนมุงมานะก็จะสามารถจะชดเชยได้!”
คําพูดของเย่ฮวนทําให้ทุกคนต่างก็มองมาที่เขา
“อะไร?” ฉันพูดไม่ถูกงั้นเหรอ? ” เย่ฮวนส่งเสียงหัวเราะ
สวีลั่งนั่งตัวตรง “แกพูดถูก แต่มันมักจะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเสมอ”
เย่ฮวนไม่ได้สนใจอะไร “เมื่ออยู่ต่อหน้าความแข็งแกร่งที่แน่นอน เหตุการณ์ไม่คาดฝันพวกนี้ไม่อาจโจมตีได้ ”
สวีลั่งไม่ได้พูดอะไร และก็ไม่ได้หักล้างเย่ฮวนด้วยเช่นกัน
เย่ฮวนเห็นดังนั้นแล้วก็พูดอย่างภาคภูมิใจว่า “ดูสิ พวกแกก็ยังไม่มีจุดยืนเป็นของตัวเองเลย? เมื่อครู่ยังพูดว่าเชื่อเขา แล้วตอนนี้ล่ะ? ความเชื่อของพวกแกล่ะ? ”
“ฮึ่ม ฉันว่า พวกแกส่วนใหญ่ต่างก็เป็นห่วงเขาเหมือนกัน? แต่ถึงกังวลไปมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร ผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว คาดว่าตอนนี้เขาคงตายไปแล้วมั้ง? ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เย่ฮวนก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาทันที วันนี้โดนไป๋ยี่เฟยเล่นตลกมาทั้งวันแล้ว และยังอุตส่าห์อยู่ที่นี่ตั้งนาน แต่โดยรวมแล้ว มันก็ไม่ใช่เรื่องขาดทุนอะไรมากมาย
ใช้เวลาอันน้อยนิดของตัวเองเพื่อแลกกับการตายของไป๋ยี่เฟยช่างเป็นอะไรที่คุ้มค่าจริงจริง
จุดเสียเพียงอย่างเดียวคือไม่รู้เบาะแสของเย่อ้ายเลย แต่ไม่เป็นไรไม่ต้องรีบร้อนหรอก คนพวกนั้นที่อยู่ในห้องพิเศษ ถ้าไม่มีไป๋ยี่เฟย แล้วพวกเขาจะต่อสู้อะไรได้บ้างล่ะ?
เมื่อถึงเวลานั้นก็คงต้องบอกถึงเบาะแสของเย่อ้ายอยู่ดี
ในขณะที่เขากําลังคิดอย่างภาคภูมิใจอยู่นั้น สวีลั่งก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา เมื่อเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกเสียขวัญเล็กน้อย และพูดอย่างเฉยชาว่า “ฉันก็เคยสอนทักษะการลอบสังหารให้เขาด้วยเหมือนกัน”
เย่ฮวนอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะเยาะออกมา “แล้วไง? หลี่ป้าก็เคยเผชิญกับการลอบสังหารอยู่ไม่น้อย และแค่ในช่วงเวลาสั้นสั้นนี้ไป๋ยี่เฟยจะได้อะไรบ้าง? เกรงว่าเขายังไม่ทันได้ใช้ ก็ถูกหลี่ป้าจัดการได้สะก่อน ”
สวีลั่งส่ายหัว “ไม่ เขาทําไม่ได้หรอก ”
เย่ฮวนขมวดคิ้ว และรู้สึกไม่สบายใจ ทําไมคนพวกนี้ถึงได้เชื่อมั่นในตัวไป๋ยี่เฟยขนาดนี้? หรือบางทีไป๋ยี่เฟยอาจมีพรสวรรค์ขนาดนั้นก็เป็นได้? หรือ เขาอาจมีอาวุธลับอะไรหรือเปล่า?
“พวกแกเตรียมอะไรให้ไป๋ยี่เฟยงั้นเหรอ?” ถึงอย่างไรเย่ฮวนก็ไม่เชื่อว่าไป๋ยี่เฟยจะรอดจากเงือกมือของหลี่ป้าได้
ในขณะนั้นเอง หลิวเสี่ยวอิงวางก็วางไพ่โป๊กเกอร์ในมือของหล่อนลง และพูดอย่างช้าช้าว่า “ในความเป็นจริง พวกแกคิด ซับซ้อนเกินไป ลองคิดง่ายง่ายดูบ้างนะ”
“หมายความว่าไง” เย่ฮวนถาม
หลิวเสี่ยวอิงยักไหล่ และไม่ได้อยากจะพูดอะไรมาก
เมื่อเห็นดังนั้นเย่ฮวนก็กัดฟันด้วยความเคียดแค้น สิ่งนี้ก็ทำให้คนเกิดความสนใจ แต่พอพูดไปได้ครึ่งทางก็หยุดพูดสะแล้ว แย่จริงจริง!
เขาไม่เชื่ออีกต่อไป ผ่านไปสักพัก จะต้องมีคนแจ้งข่าวกับเขาอย่างแน่นอน และเมื่อถึงเวลาก็จะรู้เช่นเดียวกัน
แต่ก่อนที่เขาจะคิดอะไรมากไปกว่านี้ เฉินห้าวก็ลุกขึ้นยืน “ประธานเย่ คาดว่าคืนนี้พี่ชายผมคงไม่กลับมาแล้ว แต่พี่ชายผมก็บอกแล้วว่า การเจรจาของเราจะต้องดําเนินต่อไป ”
“ดําเนินต่อไปงั้นเหรอ?” เขาไม่อยู่แล้วจะดำเนินการต่อไปยังไงกัน? “เย่ฮวนขมวดคิ้วถาม
เฉินห้าวยิ้มและพูดว่า “พวกเราทั้งหลายก็เหมือนกัน!” พี่ชายบอกว่าต้องการให้คุณช่วยสักเรื่องหนึ่ง”
“เหอะ ไป๋ยี่เฟยไม่ใช่ว่าสมองมีปัญหาไปแล้วงั้นเหรอ? อยากให้ผมช่วยงั้นเหรอ?” เย่ฮวนถึงกับพูดไม่ออก เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไป๋ยี่เฟยคิดจะทําอะไร
แต่เฉินห้าวยังคงยิ้ม “ใช่ พี่ชายบอกว่า แกจะต้องช่วยอย่างแน่นอน.”