บทที่406
ผู้พิพากษาเปิดแฟ้มและพบว่าด้านในมีรูปถ่ายจำนวนหนึ่ง เป็นภาพที่เถาเยว พบกับไป๋ยี่เฟยเป็นการส่วนตัว อีกทั้งยังมีข้อมูลว่าทั้งวิลล่าที่อยู่อาศัยและรถหรูที่ขับมีแหล่งที่มาจากโหวจวี๋กรุ๊ป และโหวจวี๋กรุ๊ปก็เป็นของไป๋ยี่เฟย
แค่นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้กระจ่างชัดว่าเถาเยว กับไป๋ยี่เฟยนั้นรู้จักกันอีกทั้งยังมีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นด้วย เช่นนั้นคำให้การของเธอจึงถูกตั้งข้อสงสัยว่าเป็นการโกหกและไม่เพียงพอจะใช้เป็นหลักฐาน
คนตระกูลฉุงเห็นแล้วก็เกิดความพึงพอใจในทันที และมองไปที่ฝั่งของไป๋ยี่เฟยอย่างเร้าใจ
แต่ไป๋หู่และคนอื่น ๆ ดูสงบและไม่ถูกยั่วยุจากพวกเขา
ที่นอกศาล คนที่นั่งอยู่ในรถกำลังถือโทรศัพท์มือถือและดูภาพด้านบน ภาพนั้นก็คือภาพการพิจารณาคดีในชั้นศาล
ไป๋ยี่เฟยมีสีหน้าเฉยดูไม่ออกว่าเขามีอารมณ์เช่นไร ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ฉุงเฉ่าเจว๋เดือดดาล ไป๋ยี่เฟยมักจะมีท่าทางเหมือนผู้กำชัยชนะอยู่เสมอหรือไม่ก็มีท่าทางแบบไม่อินังขังขอบแบบนั้น
ก่อนหน้านี้เขามีหลักฐานเพื่อพลิกคดี เขาไม่มีความคิดเห็น แต่ตอนนี้ไม่อาจยืนยันได้แล้วว่าเขาป้องกันตัว เขาก็ยังคงเป็นเช่นนั้น แม่งมันทำให้โมโหจริง ๆ!
หลังจากผู้พิพากษาดูเสร็จแล้ว ก็ส่งข้อมูลจากแฟ้มเอกสารให้คนข้าง ๆ ดู จากนั้นจึงถาม: “จำเลยมีอะไรจะพูดหรือไม่? ถ้าหากว่าไม่มี เราจะรับคำให้การของเถาเยว”
ต่งหยีซวน มองไปที่ไป๋ยี่เฟย เรื่องนี้ไป๋ยี่เฟยไม่ได้บอกเธอ
เมื่อฉุงเฉ่าเจว๋กับทนายหูเห็นต่งหยีซวน มองไปที่ไป๋ยี่เฟย ไป๋ยี่เฟยคงจะไม่ได้คิดถึงจุด ๆ นี้เป็นแน่ ดังนั้นคงจะหมดหนทางแล้ว
เช่นนั้น ไป๋ยี่เฟยไม่อาจจะหาเหตุผลอะไรได้ คำให้การของเถาเยว ไม่ถูกนำมาพิจารณา เรื่องก่อนหน้านี้ก็ไม่อาจนับได้ ก็เท่ากับว่าไม่สามารถยืนยันได้ว่าไป๋ยี่เฟยป้องกันตัว
ไป๋ยี่เฟย ตายแน่!
อย่างไรเสีย ไป๋ยี่เฟยได้แต่พูดขึ้นอย่างเรียบเฉย: “ศาลที่เคารพ ผมเองก็รู้สึกว่าคำพูดของเธอนั้นไม่มีความน่าเชื่อถือ แต่นอกจากนั้นแล้ว ผมยังมีพยานบุคคลอีกหนึ่งท่าน”
“ใคร?” ผู้พิพากษาถาม
ฉุงเฉ่าเจว๋กับทนายหูมีเครื่องหมายคำถามเต็มหน้าไปหมด พวกมันยังเตรียมพยานบุคคลไว้อีกเหรอ?
ตอนนี้เอง ในที่นั่งของฝั่งคนตระกูลฉุงมีชายในชุดดำสวมหมวกแก๊ปยืนขึ้น
“ผมเอง”
“คุณคือ…”
ชายคนนั้นเดินมาด้านหน้าและถอดหมวกแก๊ปออก “ผมคือเย่ฮวน”
ทุกคนประหลาดใจกลับกลายเป็นเย่ฮวนจากตระกูลเย่
ทันทีที่ต่งหยีซวน รู้ว่าเขาคือเย่ฮวนก็รู้สึกไม่ดี ตามที่เธอรู้มา ในวันที่เกิดคดีนั้น ไป๋ยี่เฟยต้องการจะเจรจากับเย่ฮวน ความจริงแล้ว เดิมทีเย่ฮวนไม่ได้เจรจากับไป๋ยี่เฟยและไม่ได้เจอหน้าด้วยซ้ำไป
นอกจากนี้ยังมีความขัดแย้งเล็กน้อยระหว่างเย่ฮวนและไป๋ยี่เฟยด้วย พูดได้ว่าเป็นคู่ปรับกัน ต่อให้ไม่ใช่ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมาเป็นพยานให้กับไป๋ยี่เฟย
ฉุงเฉ่าเจว๋และทนายหูเองก็คิดเช่นนั้น ยังไงเย่ฮวนก็เป็นคนจากหนึ่งในสี่ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ และแสดงออกซึ่งความสัมพันธ์ที่ดีกับฉุงโยวเวย บวกกับมีข้อขัดแย้งกับไป๋ยี่เฟย คำให้การของเย่ฮวนจะต้องเอนไปทางพวกเขาอย่างแน่นอน
เพียงแต่พวกเขาได้มองข้ามไปก็คือหลังจากที่ไป๋ยี่เฟยพูดจบ เย่ฮวนจึงลุกขึ้นไม่ใช่ยืนขึ้นหลังจากทนายหูพูดจบแล้ว
ทนายหูจึงพูดกับผู้พิพากษาด้วยความยินดี: “ศาลที่เคารพ เย่ฮวนเป็นคุณชายตระกูลเย่ มีสถานะเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาทุกคน คำให้การของเขาย่อมมีความน่าเชื่อถือ และคุณชายเย่เองก็รู้ความจริงบางอย่างเกี่ยวกับรูปคดีนี้”
ผู้พิพากษาเองก็รู้ถึงสถานะของเย่ฮวนจึงพูดขึ้น: “เชิญกล่าวคำให้การ”
“ศาลที่เคารพ เรื่องคืออย่างนี้ครับ” เย่ฮวนพูดอย่างเรียบเฉย “เถาเยวเป็นคนรักของฉุงโยวเวยเรื่องนี้ผมรู้ดี ส่วนเรื่องที่เถาเยว ตั้งท้องนั้น ผมไม่เคยได้ยินเขาพูดเลย”
“แต่ว่า ผมจำได้ว่าเวลาพวกเราไปกินข้าวกัน ได้ยินเขาคุยโทรศัพท์ พูดถึงเรื่องโรงพยาบาลอะไรสักอย่าง แล้วก็พูดว่าไม่อนุญาต สุดท้ายก็บอกว่ารีบเอาคนไปทำ เขาโล่งใจ”
พูดจบ ผู้พิพากษาก็มองไปที่ฉุงเฉ่าเจว๋กับทนายหู
ฉุงเฉ่าเจว๋กับทนายหูงงเป็นไก่ตาแตก
เย่ฮวนแม่งพูดอะไรออกไป?
นี่ไม่ใช่การช่วยยืนยันให้ไป๋ยี่เฟยอย่างนั้นเหรอ?
ต่งหยีซวน มองไปที่เย่ฮวนอย่างประหลาดใจและมีความสงสัยอยู่เต็มสองตา เรื่องนี้มันชักจะน่าพิศวงไปนิดแล้ว?
ท่าทางของไป๋ยี่เฟยยังคงเฉย ๆ เหมือนรู้อยู่แล้วและไม่ประหลาดใจสักนิด
ทนายหูปรายตามองฉุงเฉ่าเจว๋ และเริ่มรู้สึกวิตกอยู่ในใจ เขาแทบอยากจะถอนคำพูดที่พูดไปเมื่อครู่ แบบนี้ก็เท่ากับคำให้การของเย่ฮวนก็น่าสงสัยและรับไม่ได้เช่นกัน
ฉุงเฉ่าเจว๋ตบโต๊ะ “เย่ฮวน คุณรู้รึเปล่าว่ากำลังพูดอะไรออกมา?”
ทนายหูเห็นเช่นนั้นจึงพูดขึ้นทันที “คุณชายเย่ ช่วยระวังคำพูดของคุณด้วย ข้อเท็จจริงของพยานหลักฐาน มีความสัมพันธ์ถึงชื่อเสียงและศักดิ์ศรีของตระกูลเย่ ผมคิดว่าคุณชายเย่คงจะไม่อยากคนอื่นหัวเราะเยาะเพราะให้การเท็จหรอกนะครับ?”
เย่ฮวนตอบอย่างไม่แยแส: “ผมรู้ดีว่ากำลังพูดอะไร สิ่งที่ผมพูดคือเรื่องจริงทั้งนั้น ไม่ได้ปลอมแปลงหลักฐาน แน่นอนว่าไม่มีทางส่งผลต่อชื่อเสียงของตระกูลเย่ได้”
ฉุงเฉ่าเจว๋โกรธ “เย่ฮวน ตระกูลของพวกเราสองฝ่ายต่างมีความสัมพันธ์ที่ดีมาตลอด คุณช่วยเป็นพยานให้ฝั่งตรงข้ามถือเป็นการยั่วยุตระกูลฉุงของเรางั้นเหรอ? หรือว่าคุณอยากจะยืนอยู่ฝ่ายตระกูลไป๋?”
“ขอโทษด้วย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตระกูลใด เมื่อครู่ผมได้พูดไปแล้ว ผมเพียงแค่เล่าความจริง” เย่ฮวนตอบอย่างเรียบเฉย
ฉุงเฉ่าเจว๋พูดน้ำเสียงจริงจัง: “ความจริงก็คือคุณพูดทุกอย่างตรงข้ามกับความจริง”
เย่ฮวนส่ายหน้า “ท่านฉุงสาม ผมจะพูดอีกครั้ง สิ่งที่ผมพูดคือความจริงทั้งนั้น เมื่อกี้พวกคุณก็พูดเองว่าปลอมแปลงหลักฐานส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงตระกูลเย่ ถ้าอย่างนั้นผมจะมีเหตุผลอะไรที่จะปลอมแปลงหลักฐานให้การ?”
“แก…” ฉุงเฉ่าเจว๋ไม่สามารถหาเหตุผลมาหักล้างเย่ฮวนได้
เมื่อเห็นว่าทั้งสองดูเหมือนจะทะเลาะกันผู้พิพากษาก็ตีค้อนทันที “เงียบ!”
“คำเตือนครั้งสุดท้าย หากโจทก์ยังไม่ฟังคำเตือน ศาลจะเชิญให้ออกไปด้านนอกชั่วคราว”
เมื่อฉุงเฉ่าเจว๋เห็นถึงความไม่ยุติธรรมจนทนไม่ไหว เขามองไปที่เย่ฮวนและอยากจะเข้าไปตบสักสองที จู่ ๆ แม่งก็ไปช่วยพูดให้ไป๋ยี่เฟย!
ส่วนไป๋ยี่เฟยเห็นฉุงเฉ่าเจว๋เป็นเช่นนั้นก็ได้แต่ยิ้มเล็กน้อย
ทนายหูเห็นดังนั้นจึงพูดขึ้น: “ศาลที่เคารพ คำให้การของคุณชายเย่เป็นเพียงคำให้การเพียงด้านเดียว หากมีเหตุผลบางอย่างอยู่ตรงกลางที่ทำให้เขาโกหกและเราหาคำตอบไม่ได้นั่นก็ไม่ยุติธรรมกับผู้เสียหาย”
“ดังนั้นผมคิดว่านอกจากพยานบุคคลแล้ว ยังจะต้องมีหลักฐานทางกายภาพที่น่าเชื่อถือด้วย”
ผู้พิพากษาคิดครู่หนึ่งและพยักหน้า “ไม่ผิด คำพูดเพียงด้านเดียวไม่เพียงพอที่จะพิสูจน์ความจริงของเรื่องนี้และจำเป็นต้องมีหลักฐานทางกายภาพเพื่อพิสูจน์เรื่องนี้ จำเลย พวกคุณมีหลักฐานหรือไม่?”
พูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็ตอบอย่างเรียบเฉย: “ศาลที่เคารพ ถ้าหากมีหลักฐานบวกกับพยานบุคคลทั้งสองท่านนี้แล้ว จะสามารถยืนยันว่าสิ่งที่พวกผมพูดนั้นคือความจริงใช่หรือไม่? ในขณะเดียวกันจะไม่ถูกคัดค้านจากโจทก์”
“ตราบใดที่คุณแสดงหลักฐานทางกายภาพแน่นอนว่าคุณสามารถพิสูจน์ได้ พวกเราก็ไม่สามารถคัดค้านได้” ทนายหูพูดออกมาก่อน
ผู้พิพากษาพยักหน้า “ใช่”
ไป๋ยี่เฟยเห็นดังนั้นจึงยิ้มเล็กน้อย “งั้นก็ดี นำหลักฐานขึ้นมา!”
เมื่อพูดอย่างนั้น ฉุงเฉ่าเจว๋และทนายหูก็ตกใจ ไป๋ยี่เฟยมีหลักฐานทางกายภาพจริง ๆ งั้นเหรอ?
ต่งหยีซวนประหลาดใจมากยิ่งขึ้น หลังจากได้หลักฐานที่เถาเยวและไป๋ยี่เฟยคุ้นเคยจากอีกฝ่าย ไป๋ยี่เฟยก็เป็นผู้นำกระบวนการทั้งหมดด้วยตัวเอง ซึ่งทนายความอย่างเธอ ไม่มีบทบาทโดยสิ้นเชิง
เรื่องในตอนหลังนั้นเธอไม่รู้อะไรเลย ทั้งเรื่องคำให้การของเย่ฮวน อีกทั้งยังเรื่องหลักฐานทางกายภาพในตอนนี้ เธอไม่รู้เรื่องเลย
อ้อ ใช่แล้ว ขอเพียงมีทนายอยู่ด้วย สงครามนี้ถึงจะดำเนินต่อไปได้สินะ!
ต่งหยีซวนยิ้มเยาะตนเอง
ตอนนี้เองหลักฐานทางกายภาพที่ไป๋ยี่เฟยพูดถึงก็มาถึงแล้ว
เป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่ผอมแห้งและใส่หมวกแก๊ปแบบเดียวกัน แต่เขาดูสบาย ๆ ไม่เคร่งเครียดหรืออึดอัดในศาลเลย
ทนายหูขมวดคิ้วเมื่อเห็นคน ๆ นี้ลุกขึ้นยืน “คุณคือใคร? คิดจะทำอะไร?”
“ก็มอบหลักฐานทางกายภาพให้พวกคุณไง!” ชายคนนั้นพูดอย่างเกียจคร้าน
ไป๋ยี่เฟยพูดต่อ: “หลักฐานทางกายภาพอยู่ที่เขา ใช่แล้ว ลืมแนะนำ ท่านนี้คือหยางหนิว เป็นคนที่ฉุงโยวเวยจัดการให้เข้าไปอยู่ข้างกายหวังไห่”
เมื่อคำพูดจบลงการแสดงออกของฉุงเฉ่าเจว๋และทนายหูก็หยุดนิ่ง
หยางหนิวคนนี้เป็นคนของฉุงโยวเวย เพียงแต่ถูกจัดการให้ไปอยู่ข้างกายหวังไห่
ตอนนี้กลับออกมาพูดว่ามีหลักฐานทางกายภาพจะยื่น เช่นนั้นก็เป็นอะไรที่ชัดเจนว่าเขายืนอยู่ข้างไป๋ยี่เฟย
แต่เขาเป็นคนของฉุงโยวเวยไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงออกมาช่วยไป๋ยี่เฟยได้ มีหลักฐานทางกายภาพ? แล้วเจ้าหลักฐานนั่นคืออะไรกันแน่?