บทที่409
“เสว่เอ๋อ?”
ไป๋ยี่เฟยจ้องมองไปที่หลี่เสว่ตรงหน้าเขาไม่คาดคิดว่าเขาจะเห็นหลี่เสว่เมื่อเขาออกมา
หลังจากลงจากรถหลี่เสว่ก็ยืนอยู่ข้างถนนเพียงก้าวไปข้างหน้าและมองไปที่ไป๋ยี่เฟยอย่างเงียบ ๆ
ไป๋ยี่เฟยเห็นดังนั้นก็เดินเข้าไปแล้วกอดหลี่เสว่ไว้ในอ้อมกอด
หลี่เสว่ไม่ได้ขัดขืน แต่เอื้อมมือไปกอดไป๋ยี่เฟยและกระซิบเบา ๆ: “คุณไม่เป็นไรแล้ว ดีจัง”
หลังจากพูดจบหลี่เสว่ก็ร้องไห้อย่างเงียบ ๆ
คนที่อยู่เบื้องหลังหลิวเสี่ยวอิงและพวกต่างยิ้มอวยพรเมื่อพวกเขาเห็นมัน
ไป๋ยี่เฟยกับหลี่เสว่กลับมาถึงวิลล่าหลันโปกั่ง
ต้องอยู่ในสถานกักกันมากว่าหนึ่งเดือน ทันทีที่ไป๋ยี่เฟยกลับไปก็เข้าไปอาบน้ำทันทีและเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่สะอาด สบายเนื้อสบายตัวไม่น้อย
หลี่เสว่นั่งรอไป๋ยี่เฟยอยู่ที่ห้องรับแขกและตื่นเต้นอยู่ในใจ เพราะเธอยังมีเรื่องจะบอกไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยเดินลงไปชั้นล่างหลังจากอาบน้ำเขารู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้เห็นหลี่เสว่รอเขาอยู่
“เสว่เอ๋อ”
หลี่เสว่ตอบว่า “คุณมานั่งก่อน ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินคำพูดนั้นจากนั้นก็มองไปที่การแสดงออกของหลี่เสว่และอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าหลี่เสว่ต้องการจะพูดอะไรกับเขา? เป็นเพราะเวลานี้สิ่งต่าง ๆ ทำให้เธอคิดได้แล้ว เธอจึงต้องริเริ่มที่จะบอกเขาว่าเธอต้องการอะไร?
หลี่เสว่ยิ้มเล็กน้อยและพูดกับไป๋ยี่เฟย: “ฉัน…ฟื้นความทรงจำแล้ว”
เสียง “ปัง” ดังขึ้น ไป๋ยี่เฟยรู้สึกว่าเขาโดนเซอร์ไพรส์
ไป๋ยี่เฟยตัวแข็งไปชั่วขณะก่อนจะกลับมามีสติสัมปชัญญะ “จริงเหรอ? จำได้ทั้งหมดเลยรึเปล่า?”
“อือ” หลี่เสว่พยักหน้า ความจำทั้งหมดของเธอกลับมาแล้ว เธอรู้แล้วว่าที่เธอแต่งงานกับไป๋ยี่เฟยในตอนแรกนั้นเป็นเพียงสัญญาแต่งงาน และรู้ว่าความเย็นชาที่มีต่อไป๋ยี่เฟยเมื่อสองปีก่อน และยิ่งรู้ว่าช่วงครึ่งปีมานี้ ไป๋ยี่เฟยดีกับเธอมาก
ไป๋ยี่เฟยตื่นเต้นมากและนั่งลงข้างหลี่เสว่อย่างไม่รู้ตัวและกอดเธอไว้ในอ้อมกอด
“ดีจังเลย…”
มันดีมากจริง ๆ ความทรงจำของหลี่เสว่กลับมาแล้ว เธอจำสิ่งเล็กน้อยระหว่างพวกเขาทั้งน่าพอใจและไม่เป็นที่พอใจทั้งหมดในใจของเธอ
ไป๋ยี่เฟยแทบจะร้องไห้ด้วยความดีใจ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะต้องแน่ใจ “เสว่เอ๋อ…ที่รัก…”
“อือ…” หลี่เสว่ที่พิงอยู่ในอ้อมกอดของไป๋ยี่เฟยและตอบอย่างเขินอาย
ไป๋ยี่เฟยได้ยินเธอตอบกลับแล้วยิ่งเพิ่มความตื่นเต้น “ที่รัก พวกเรา…ถือว่าบำเพ็ญตบะสำเร็จรึยัง?”
หลี่เสว่พยักหน้าไม่พูดอะไร
ถึงกระนั้นไป๋ยี่เฟยก็เข้าใจความหมายของหลี่เสว่เธอรู้สึกอายที่จะพูดออกไปและเขาก็รู้อยู่ในใจก็พอแล้ว
ในที่สุดไป๋ยี่เฟยก็รอจนหลี่เสว่เปิดใจ ในที่สุดพวกเขาก็บำเพ็ญตบะสำเร็จแล้ว
เดี๋ยวก่อน ห้องหอยังไม่ได้เข้า บำเพ็ญตบะอะไรกัน?
ไป๋ยี่เฟยจึงถามอย่างระมัดระวัง: “เสว่เอ๋อ พวกเราบำเพ็ญตบะยังขาดอีกหนึ่งขั้น คุณว่าต้องทำขั้นตอนสุดท้ายก่อนไหม?”
เขาถามอย่างมีชั้นเชิงและรู้ว่าหลี่เสว่เข้าใจความหมายของเขา
หลี่เสว่เข้าใจจริง ๆ แต่เธอรู้สึกอายยิ่งกว่าเดิม ศีรษะของเธอฝังอยู่ในอ้อมแขนของไป๋ยี่เฟยอย่างสมบูรณ์ แต่ยังคงได้ยินเสียงของเขาที่นุ่มนวลและคลุมเครือ
“ได้…”
ทันทีที่สิ้นเสียงไป๋ยี่เฟยก็อุ้มหลี่เสว่ขึ้นมาอย่างตื่นเต้นและทั้งสองก็กลับไปที่ห้องนอนเพื่อทำขั้นตอนสุดท้ายในการบำเพ็ญตบะ
……
วิลล่าตระกูลไป๋เมืองเมืองหลวง
อู๋กุ้ยเซียงขับรถของไป๋หยุนเผิงไปที่บ้านคราวนี้ เดิมทีไป๋หยุนเผิงสามารถมาด้วยตัวเองได้ แต่เพราะอะไรบางอย่างในเมืองหลวงทำให้ไป๋หยุนเผิงต้องอยู่ อู๋กุ้ยเซียงจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องมาด้วยตัวเอง
และอู่กุ้ยเซียงรู้ดีว่าการยับยั้งของเขายังไม่เพียงพอ ดังนั้นจึงได้ขับรถของไป๋หยุนเผิงมา และทุกคนต่างรู้จักรถของไป๋หยุนเผิง ขอเพียงเธอไม่ลงจากรถ คนพวกนั้นก็จะคิดไปเองว่าคนในรถคือไป๋หยุนเผิงและจะทำอะไรบุ่มบ่ามอย่างแน่นอน
หลังจากถึงบ้านแล้ว อู๋กุ้ยเซียงพบกับไป๋หยุนเผิงที่ทำธุระเสร็จแล้วที่ห้องหนังสือ และพูดขึ้นอย่างยินดี “ฉันกลับมารายงานข่าวดีค่ะ!”
“ผมรู้แล้ว อย่างไรเสียก็เป็นลูกผม” ไป๋หยุนเผิงพยักหน้า
อู๋กุ้ยเซียงยิ้ม “ครั้งนี้ลูกชายทำได้สวยงามมาก!”
ไป๋ยี่เฟยเริ่มด้วยใช้เหลียงหมิงเยว่และหลินขวางเพื่อทำให้ทุกคนสับสน และไม่แน่ใจว่าไป๋ยี่เฟยจะเล่นงานใคร จากนั้นก็ใช่เย่ฮวนในการเจรจาเพื่อถ่วงเวลา
สุดท้ายก็ไปหาฉุงโยวเวยจริง ๆ แถมยังฆ่าฉุงโยวเวย อีกทั้งยังวางแผนให้ตำรวจจับตัวเขา ให้ตระกูลฉุงไม่สามารถลงเมื่อแก้แค้นได้
จากนั้นเขาก็ใช้เหลียงยู่ขู่เหลียงหมิงเยว่ ให้สหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงจำต้องเข้ามาพัวพัน สุดท้ายก็คือเทปบันทึกเสียงในวันเกิดเหตุ นี่เป็นหลักฐานที่สมบูรณ์แบบที่สุด
ต่อ ๆ กันมาโดยไม่มีข้อบกพร่องใด ๆ เล่นเอาคนตระกูลฉุงหัวหมุนกันไป
อู๋กุ้ยเซียงยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าไป๋ยี่เฟยนั้นฉลาดมากและช่างน่าภูมิใจมาก “ใช่แล้ว ครั้งนี้ยี่เฟยทำดีขนาดนี้ พวกผู้อาวุโสยังจะต่อต้านเขาอยู่ไหมคะ?”
“มีแต่พวกนกสองหัวที่เห็นแก่ผลประโยชน์ทั้งนั้น คุณคิดว่าไงล่ะ?” ไป๋หยุนเผิงพูดอย่างเฉยเมย
อู๋กุ้ยเซียงมองข้ามวิธีการพูดของไป๋หยุนเผิงและพูดอย่างยินดี: “งั้นก็ดีมากเลย นี่คือวิธีที่ลูกชายของเราสามารถสืบทอดตระกูลไป๋อย่างถูกหลักทำนองคลองธรรม”
ไป๋หยุนเผิงนั้นกลับไม่ดีใจนัก เขามีความกังวลเล็กน้อย “ถูกหลักทำนองคลองธรรม แต่ฉันต้องให้คนแก่เหล่านี้ซื่อสัตย์ก่อน”
สิ่งที่ไป๋หยุนเผิงเป็นกังวลไม่ไร้เหตุผล ผู้อาวุโสตระกูลไป๋เห็นผลประโยชน์เป็นสำคัญ รอจนกว่าความจริงที่ว่าไป๋ยี่เฟยได้สืบทอดตระกูลไป๋เขาจะได้รับประโยชน์มากขึ้นจากมันซึ่งเป็นเรื่องยุ่งยาก
อย่างไรเสียนั่นก็คือผู้อาวุโสตระกูลไป๋ เธอเป็นลูกสะใภ้แต่งเข้าจะยื่นมือเข้าไปยุ่งมากก็ไม่ดี เรื่องนี้ปล่อยให้ไป๋หยุนเผิงเป็นคนจัดการเถอะ!
……
ที่วิลล่าอีกหลังหนึ่งในตระกูลไป๋ ไป๋เซี่ยวนั่งอยู่ข้างบ่อปลาในวิลล่าและให้อาหารปลาอย่างสบายใจ
พ่อบ้านลุงหวง ยืนอยู่ด้านหลังไม่พูดจา
เมื่อครู่ไป๋เซี่ยวได้ข่าวชัยชนะของไป๋ยี่เฟยแล้ว จนถึงตอนนี้ไป๋เซี่ยวยังไม่พูดอะไรสักคำ
ผ่านไปนานไป๋เซียวจึงพูดขึ้น: “นั่นไงล่ะ ฉันถึงต้องป้องกันไว้ ก็ถูกจริง ๆ ด้วย!”
“ครับ คุณชาย”
ไป๋เซี่ยวถอนหายใจ “แต่ฉันก็ยังไม่วางใจ”