บทที่ 438
หลังจากครึ่งชั่วโมง ไป๋ยี่เฟยกับหลิวเสี่ยวอิงไปถึงโรงพยาบาลหลวง
นอกห้องผ่าตัด เดิมทีคิดว่าจะเงียบสงบมาก กลับพบเห็นว่าล้อมรอบไว้ด้วยหลายคน ยังมีหมอกับพยาบาลหลายคน ดูเหมือนถกเถียงอะไรอยู่
“ผมให้ราคาสองเท่า การผ่าตัดครั้งนี้ทำให้ผม อีกทั้งผมก็จะช่วยคุณหาสิ่งที่เข้ากันกว่านี้อีกให้แก่คุณ!” ผู้ชายวัยกลางคนที่สวมใส่อย่างเรียบร้อยกว่าคนหนึ่งพูด
พูดจบ ผู้หญิงอีกคนหนึ่งก็พูดด้วยว่า “พวกเรายิ่งต้องการกระจกตาคู่นี้ ถ้าหากว่าสองเท่าไม่พอ พวกเราสามารถให้สามเท่า!”
หมอตกอยู่ในสภาพอึดอัดอยู่ที่นั่น “นายโจว คุณนายโจวนี่ไม่ใช่ปัญหาเรื่องเงิน กระจกตาจำเป็นต้องเข้ากันได้ กระจกตานี้ระดับเข้ากันกับลูกสาวของคุณไม่ได้สูงกว่าคุณนายจาง ถึงแม้ว่าเปลี่ยนแล้วจริงๆ ก็จะมีปฏิกิริยาต่อต้านเช่นกัน กลับไม่ดีต่อคุณโจว”
“ลูกสาวของฉันรอไม่ได้แล้ว ถ้าหากว่าพลาดอันนี้ไป ใครจะรู้ว่ายังต้องรออีกนานเท่าไหร่ล่ะ?” คุณนายโจวพูดอย่างสะอึกสะอื้น
นายโจวความโมโหเต็มใบหน้า “พวกคุณไม่ใช่หมอหรือ? แม้แต่หนักเบาเร่งช้าของคนไข้ล้วนแยกแยะไม่ชัดเจนหรือ? พูดได้อีกว่า พวกเราให้สองเท่าแล้ว ถึงแม้ว่าราคาสามเท่าล้วนไม่ยอมหรือ ตกลงว่าพวกคุณใจดำหรือไม่?”
“นี่……” หมอลำบากใจมาก
ในเวลานี้ จางหัวปินออกเสียงพูดว่า “นายโจว ภรรยาของผมก็ต้องการมากเช่นกัน แต่ว่าภรรยาผมบอกแล้ว ถ้าหากว่าพวกคุณยิ่งต้องการกว่าสามารถให้พวกคุณใช้ก่อนได้ แต่ว่า หมอบอกว่าระดับการเข้ากันของกระจกตาคู่นี้ให้ภรรยาผมสูงกว่า เทียบกับลูกสาวคุณแล้ว ให้ภรรยาผมใช้เหมาะสมที่สุด”
“ไอ้เหี้ย! ผมเห็นว่าคุณก็คือไม่อยากให้!” นายโจวด่าคำหยาบ “เงินผ่าตัดของพวกคุณเพิ่งหาครบใช่ไหม? อย่างนี้ ผมให้ราคาสี่เท่า พวกคุณอย่าพูดอีกเลย ยอมให้กระจกตาคู่นี้แก่พวกเราเถอะ!”
จางหัวปินใบหน้าซึมเศร้า เดิมทีก็เห็นแก่พวกเขารีบที่จะใช้พูดจาให้ดีๆ กลับแลกมาด้วยท่าทีที่ยิ่งเลวร้ายของฝั่งตรงข้าม นี่ทำให้จางหัวปินตัดสินใจว่า ถึงแม้ว่าฝั่งตรงข้ามให้ราคาสูงขนาดไหน ก็ไม่ยอมถอยเช่นกัน
เขากว่าจะหาเงินผ่าตัดได้ครบก็ไม่ง่ายเช่นกัน รอถึงกระจกตาที่เข้ากันได้คู่นี้ ทำไมจะต้องยอมถอยให้ล่ะ?
อู๋ซินซินได้ยินเสียงมีความกังวลเล็กน้อย “หัวปิน ถ้าไม่……พวกเรารอดูอีกเถอะ…….”
“ไม่” จางหัวปินท่าทีแข็งกระด้าง “เมื่อวานเสียเวลาไปทั้งวันแล้ว กระจกตาคู่นี้เดิมทีก็คือเข้ากันได้กับพวกเราก่อน ระดับการเข้ากันก็สูงมากด้วย ยอมถอยให้ไม่ได้”
อู๋ซินซินรู้ว่าจางหัวปินอยากให้เธอดี แต่สภาพการณ์ของฝั่งตรงข้ามพวกเราก็รู้เช่นกัน มีเพียงไม่ดีอย่างหนึ่งก็คือระดับการเข้ากันได้ของกระจกตาไม่สูง เปอร์เซ็นต์การเกิดปฏิกิริยาสูงถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์
“แต่ว่า……”
“อย่าพูดอีกเลย นี่ก็เพื่อให้พวกเขาดีเช่นกัน” จางหัวปินพูดอย่างราบเรียบ
อู๋ซินซินไม่เอ่ยปากพูดอีกเลย
ในเวลานี้ คุณนายโจวอยู่ดีๆ เอะอะอาละวาดโวยวายขึ้นมา “พวกคุณย่อมสมรู้ร่วมคิดกันแล้วแน่นอน อยากจะได้ราคาที่สูงกว่านี้อีกใช่หรือไม่? ฉันบอกกับพวกคุณ หมอใจดำอย่างพวกคุณเหล่านี้ พวกเราจะไม่ประนีประนอมแน่นอน!”
“วันผ่าตัดในวันนี้จำเป็นต้องวางแผนให้กับลูกสาวผม!” ท่าทีของนายโจวแข็งกระด้าง
ในเวลานี้ เสียงที่มาอย่างกะทันหันดังขึ้น “ลูกสาวของคุณเป็นประธานาธิบดีของประเทศหรือ?”
คนทั้งหลายมองตามเสียงไป เป็นไป๋ยี่เฟยกับหลิวเสี่ยวอิงที่รีบตามมาจริงๆ
จางหัวปินมองเห็นไป๋ยี่เฟย มีความรุนแรงเล็กน้อย “ท่านประธานกรรมการไป๋”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้าต่อๆกัน คำสนทนากันเมื่อกี้เขาได้ยินคร่าวๆบางส่วน ก็เข้าใจว่าเป็นเรื่องอะไรเช่นกัน ดังนั้นจึงพูดคำพูดนั้นเมื่อกี้ออกมา
หลังจากนายโจวกับคุณนายโจวมองเห็นไป๋ยี่เฟยกับหลิวเสี่ยวอิงไม่รู้ว่าฝั่งตรงข้ามเป็นใคร เพียงคิดว่าคือมาก่อกวนหาเรื่อง “คุณเป็นใครหรือ? ลูกสาวผมเกี่ยวอะไรกับคุณหรือ? อย่าพูดจาเหลวไหล!”
ไป๋ยี่เฟยพูดอย่างราบเรียบว่า “ผมแค่อยากจะถาม ลูกสาวคุณเป็นประธานาธิบดีของประเทศหรือไม่?”
“ไม่ใช่ ยังไงล่ะ?” นายโจวรู้สึกประหลาดใจเต็มใบหน้า
“งั้นทำไมต้องยอมถอยให้พวกคุณมาทำการผ่าตัดล่ะ?”
นายโจวอึ้งชะงัก จากนั้นมีปฏิกิริยาขึ้นมา “แม่มึงเอ่ยมึงเป็นกลุ่มเดียวกันกับพวกเขาใช่ไหม? อ่า? ลูกสาวผมถึงแม้ว่าไม่ใช่ประธานาธิบดี ก็เก่งได้กว่าพวกคุณมากเลย!”
“พวกคุณยังเป็นคนหรือไม่? ลูกสาวของฉันถ้าไม่ทำการผ่าตัดอีกก็จะตายแล้ว พวกคุณเห็นแล้วแต่ไม่ช่วย ยังแย่งชิงกับพวกเราอยู่ที่นี่ตกลงว่ามีน้ำใจหรือไม่ล่ะ!” คุณนายโจวใบหน้าเต็มไปเปี่ยมด้วยความโมโห
หมอกลุ้มใจมาก “คุณนายโจว เมื่อกี้พวกเราอธิบายอย่างชัดเจนแล้ว กระจกตาคู่นี้ระดับการเข้ากันได้กับลูกสาวท่านไม่สูง ฝืนใจทำการผ่าตัดยังจะเพิ่มอาการให้กับลูกสาวท่านอย่างรุนแรง”
“ได้ยินหรือยัง? การตัดสินใจของหมอคือพิจารณาเพื่อคนไข้ พวกคุณไม่ฟังที่หมอพูด บังคับที่จะทำการผ่าตัด เพียงจะทำร้ายลูกสาวของคุณ” ไป๋ยี่เฟยเบิกตาโพลงขึ้นมา
นายโจวกับคุณนายโจวไม่ยอม ลูกสาวของพวกเขาโชคร้ายมากเป็นมะเร็งกระจกตา ร้อนใจที่จะได้กระจกตาใหม่ ไม่งั้นล่ะก็ อาการทรุดลง ท้ายที่สุด เพียงจะต้องตาย
หมอก็เข้าใจถึงสภาพการณ์ของพวกเขาด้วย ก็อยากจะหากระจกตาที่เข้ากันได้กับพวกเขาอย่างรวดเร็ว แต่ปฏิกิริยาการต่อต้านเทียบกับมะเร็งแล้ว ยิ่งจะทรมานคน
นายโจวกับคุณนายโจว คิดมาโดยตลอดว่าพวกเขาเนื่องเพราะเงิน ดังนั้นนายโจวเอาเช็คหนึ่งล้านใบหนึ่งออกมาทันที “นี่เป็นเงินหนึ่งล้าน ถือว่าเป็นการชดเชยที่ผมให้กับพวกคุณ ไม่พอล่ะก็ ผมก็ยังสามารถให้พวกคุณอีกหนึ่งล้าน กระจกตาคู่นี้ พวกเราจะต้องเอาให้ได้”
จางหัวปินอยากจะพูดอะไร ไป๋ยี่เฟยย่างก้าวขึ้นไป ก็หยิบเช็คออกมาด้วยเช่นกัน “ผมให้คุณสิบล้าน อีกทั้งให้คนช่วยคุณเฝ้าสังเกตกระจกตาด้วย วันนี้กระจกตาคู่นี้ให้กับพวกเรา” พูดจบ คนทั้งหลายตะลึงตาค้างแล้ว
นายโจวกับคุณนายโจวอึ้งชะงักจ้องมองเช็คที่อยู่ในมือของไป๋ยี่เฟย
สิบ……สิบล้านหรือ?
พวกเขาสามารถเอาออกมาหนึ่งล้านก็เห็นแก่ว่ากระจกตาหายาก ถ้าจะเอาออกมาสิบล้านจริงๆ ก็ยังมีความเจ็บปวดใจเล็กน้อย แต่ตาของฝั่งตรงข้ามแม้แต่กะพริบสักนิดก็ไม่มี เอาออกมาสิบล้านโดยตรง!
หมอก็ไม่เคยเห็นคนที่ใจป้ำขนาดนี้ เอาออกมาสิบล้าน มายุติการถกเถียงฉากนี้ แค่พูดได้ว่า โลกของคนที่มีเงินเขาไม่เข้าใจ
หลังจากจางหัวปินกับอู๋ซินซินอึ้งชะงักแล้วห้ามไว้ทันที
“ท่านประธานกรรมการไป๋ ไม่จำเป็น ผม…….” จางหัวปินพูดอยู่ โดนไป๋ยี่เฟยตัดคำ “พี่สะใภ้ต้องการ อีกทั้ง หมอก็บอกแล้วเช่นกัน กระจกตาคู่นี้เข้ากันได้กับพี่สะใภ้ที่สุดให้พวกเขาใช้แล้วก็น่าเสียดายด้วย”
หลักการคือหลักการอย่างนี้ ปัญหาคือ ไม่จำเป็นต้องออกสิบล้านมั้ง? นี่แพงกว่าค่าผ่าตัดแล้ว อีกทั้งยังแพงกว่าสิบเท่าด้วย
ไป๋ยี่เฟยจ้องมองไปยังนายโจวกับคุณนายโจว“สิบล้านพอไหม? ไม่พอผมยังสามารถให้คุณอีกสิบล้าน เชิญพวกคุณออกไปทันที อย่าทำให้การผ่าตัดของหมอล่าช้า”
“คุณ…..ตกลงว่าเป็นใครหรือ?” นายโจวอึ้งชะงักถาม เขาจำได้ว่าอยู่ที่เมืองหลงหนานไม่มีบุคคลยิ่งใหญ่อย่างนี้
ไป๋ยี่เฟยไม่สนใจพูดว่า “คนของเมืองเทียนเป่ย”
เมืองเทียนเป่ยพัฒนากว่าเมืองหลงหนาน ก็คือไม่รู้ว่าคนที่อยู่ต่อหน้าเป็นบุคคลยิ่งใหญ่คนไหนแล้ว
หมอจ้องมองทุกคนจ้องมองแล้วจ้องมองอีก ออกเสียงอย่างทันเวลาว่า “งั้น……ตอนนี้พวกเราเริ่มเตรียมตัวทำการผ่าตัดเลย”
“อืม” ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า
หมอเห็นสภาพหมุนตัวออกไปทันที เพราะว่ามีการกระทำของไป๋ยี่เฟยเมื่อกี้ โดยจิตใต้สำนึกเขาก็แน่ใจว่าคำพูดที่ไป๋ยี่เฟยพูดจึงจะเป็นการตัดสินในท้ายที่สุด ดังนั้นทำตามคำพูดของเขา
นายโจวกับคุณนายโจวเห็นแบบนี้ถึงแม้ว่าใจไม่ยอม ก็ไม่กล้าพูดคำใหญ่อะไรอีกแล้ว สุดท้ายได้เพียงแต่ถือเช็คสิบล้านที่ไป๋ยี่เฟยให้ออกไปเลย
“ขอบคุณแล้ว” จางหัวปินพูดอย่างซาบซึ้งในบุญคุณ “งั้นสิบล้านผมจะหาจนครบมาคืน……”
ไป๋ยี่เฟยโบกมือต่อๆกัน “ไม่ต้อง สามารถหากระจกตาที่เข้ากันเจอได้ไม่ง่าย พลาดไปแล้วไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จึงจะหาได้อีก อีกทั้ง สิบล้านสำหรับผมมากล่าวแล้ว ไม่มาก”
จางหัวปินพูดไม่ออก คิดแล้วก็ใช่เช่นกัน แต่ว่าวันหลังเขาก็คือจะยิ่งซื่อสัตย์กับไป๋ยี่เฟย
อู๋ซินซินก็ขอบคุณกับไป๋ยี่เฟยเช่นกัน พร้อมยังขอบคุณก่อนหน้านั้นเขามาหาเธอ ทำให้เธอคิดเรื่องบางอย่างออก จึงจะอยู่ต่อกับจางหัวปิน
หลิวเสี่ยวอิงที่ทำตัวเหมือนฉากหลังมาโดยตลอดในที่สุดเอ่ยปากแล้ว “การผ่าตัดยังมีประมาณครึ่งชั่วโมงล่ะ? จะพักผ่อนหน่อยหรือไม่? ขั้นตอนการผ่าตัดน่าจะนานหน่อย”
“อืม ไปเถอะ” ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า
คนทั้งสี่นั่งอยู่เก้าอี้ที่อยู่ข้างๆ คุยกันไปคุยกันมา
หลังจากครึ่งชั่วโมง อู๋ซินซินเข้าไปในห้องผ่าตัด จางหัวปินก็เริ่มตื่นเต้นขึ้นมา
“ไม่ต้องกังวล เชื่อหมอ” ไป๋ยี่เฟยตบไหล่ของจางหัวปินตบแล้วตบอีกพูดอย่างปลอบโยน
จางหัวปินพยักหน้าต่อๆกัน กลับยังอดไม่ได้จ้องมองห้องผ่าตัด
อยู่ดีๆ หน้าห้องผ่าตัดที่เงียบสงบ มือถือของไป๋ยี่เฟยดังขึ้นแล้ว
“ฮัลโหล่? สวีลั่งหรือ?”
“เกิดเรื่องแล้ว……”