บทที่ 442
ฉางเชี่ยวอุตส่าห์สืบมาถึงไป๋ยี่เฟย ที่ไป๋ยี่เฟยแคร์มากที่สุดก็คือภรรยาของเขาหลี่เสว่ ก่อนหน้าอยากจะให้ไป๋ยี่เฟยไปตามนัดคนเดียว จะได้จัดการไป๋ยี่เฟยสะดวก ไป๋ยี่เฟยกลับไม่สนใจ
คราวนี้เขาใช้หลี่เสว่มาข่มขู่ไป๋ยี่เฟย เขาไม่เชื่อว่าไป๋ยี่เฟยจะมองข้ามตนอีก
“คืนนี้สองทุ่ม โรงงานกระดาษร้างที่ชานเมืองใต้ นายมาคนเดียว พวกเรามาดวลกัน ถ้าเกิดนายชนะ งั้นต่อไปฉันจะไม่มาล้างแค้นกับนายอีก”
เสียงของฉางเชี่ยวพูดอย่างไม่ร้อนไม่หนาวอะไร
ไป๋ยี่เฟยก็ได้ขำออกมาอย่างเยือกเย็น “ถ้าเกิดฉันแพ้ล่ะ?”
“ถ้าแพ้ล่ะก็ งั้นก็ให้ฉันล้างแค้นดีๆ” ฉางเชี่ยวตอบ
ไป๋ยี่เฟยเงียบอยู่นาน ก็ได้กัดฟันแล้วพูด “ได้”
……
นั่งอยู่ในห้องทำงาน ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้วคิดอยู่นาน ฉางเชี่ยวให้เขาไปตามนัด งั้นเขากำลังระแวงคนที่อยู่ข้างๆ ตน เพราะงั้น ถ้าตัวต่อตัว ฉางเชี่ยวมั่นใจว่าจะฆ่าตัวเองได้
“ใครอยากฆ่าใคร ยังไม่แน่!”
เมื่อก่อนถ้าให้พูด ไป๋ยี่เฟยนั้นต้องแพ้แน่ๆ แต่ว่าตอนนี้ ไม่ลอง ใครจะรู้ล่ะ?
ตอนบ่าย ไป๋ยี่เฟยก็ได้เอาเรื่องนี้ไปบอกกับไป๋หู่กับสวีลั่ง เขาไม่โง่ที่จะไปคนเดียวจริงๆ ไป๋หู่กับสวีลั่งสามารถตามอยู่ข้างหลัง
ตอนที่ไป๋หู่กับสวีลั่งรู้เรื่องนี้นั้น ก็ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ คนอย่างฉางเชี่ยวพวกเขาเคยได้ยินมา นักต่อสู้อัจฉริยะ ไป๋ยี่เฟยไปดวลกับเขาคนเดียว ไม่ได้อะไรดีกลับมาแน่
ไป๋ยี่เฟยกลับพูด “พูดตอนนี้ยังไม่แน่!”
สวีลั่งมองไป๋ยี่เฟย ในสายตาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อใจ
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกว่าตัวเองโดนดูถูก ก็ได้ชี้ไปที่สวีลั่ง “นาย มา พวกเรามาต่อยกันสักยก”
สวีลั่งก็ได้ตอบไปเรียบๆ “ฉันไม่อยากรังแกผัก”
“ไอ้สัตว์! นายดูถูกคนเกินไปแล้ว!” คราวนี้ไป๋ยี่เฟยจะต่อยกับสวีลั่งให้ได้ “มาๆๆ มาต่อยกันมา มาต่อยกัน”
สวีลั่งมองไปที่ไป๋หู่ ไป๋หู่ใช้นิ้วชี้ไปที่ไป๋ยี่เฟย “ไปเถอะ ไม่ต่อยรวมตัวกันไม่ยอม”
“รู้แล้ว” สวีลั่งพยักหน้า
สองคนไปที่ที่โล่ง ยืนประจันหน้า ไป๋หู่ก็ได้ยืนดูอะไรสนุกๆ อยู่ข้าง
“เริ่มได้” ไป๋หู่ตะโกน
ไป๋ยี่เฟยกับสวีลั่งก็ได้พุ่งไปหาอีกฝ่ายพร้อมกัน ไป๋ยี่เฟยสองเท้าเหยียบพื้น กระโดดขึ้นมา สวีลั่งก็ได้กำหมัดแล้วเล็งไปที่ท้องของไป๋ยี่เฟย
ตอนที่ไป๋ยี่เฟยกระโจนเข้าไปนั้นก็ได้บิดร่างกาย ยืมแรงแขนของสวีลั่ง แล้วก็ได้อุ้มสวีลั่งทันที แล้วก็ใช้น้ำหนักตัวของตัวเองกดลงไป สวีลั่งถูกกดจนแทบล้มกลิ้งไปกับพื้น
ไม่รอให้สวีลั่งตั้งตัวได้ สองแขนของไป๋ยี่เฟยได้รัด รัดไปที่คอของสวีลั่ง สองขาก็ได้ล็อกตัวของสวีลั่งแน่น ให้สวีลั่งขยับตัวไม่ได้
สวีลั่งทำอะไรไม่ได้ ก็ได้ทำได้แค่จับแขนของไป๋ยี่เฟย คิดอยากจะทุ่มออกจากหลัง น่าเสียดาย ไป๋ยี่เฟยรัดแน่นมาก สวีลั่งทุ่มลงไม่ได้
สุดท้าย สวีลั่งก็ทำได้แค่พูดว่า “ปล่อยฉัน”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินก็ได้ปล่อยสวีลั่งจริงๆ สวีลั่งอาศัยจังหวะนี้สวนกลับ แล้วก็ได้ทุ่มไป๋ยี่เฟยจากไหล่ไปอย่างจัง
แต่แล้วหลังจากไป๋ยี่เฟยถูกทุ่มก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร รีบลุกขึ้น แล้วก็ได้กระโจนเข้าไปอีกครั้ง กอดสวีลั่งไว้ แล้วก็ได้รัดสวีลั่ง ให้เขาขยับไม่ได้
สวีลั่งจนปัญญา “ฉันว่า นี่มันท่าโกงอะไรเนี่ย ฝึกมาเดือนหนึ่งฝึกได้แค่อันนี้?”
ไป๋ยี่เฟยยิ้มแล้วก็ปล่อยสวีลั่ง “นี้มันก็แค่หนึ่งในนั้น”
“งั้นนายใช้อย่างอื่น” สวีลั่งได้เริ่มหงุดหงิด อยากจะออกแรงแต่ออกไม่ได้ ความรู้สึกแบบนี้โคตรอึดอัด
ได้ยิน ไป๋ยี่เฟยก็ได้ยกเท้า เตะกวาดไปด้านหลัง สวีลั่งรู้สึกตัวเร็ว ก็ได้หลบการเตะของไป๋ยี่เฟยได้ ในเวลาเดียวกัน สวีลั่งก็ได้ยกเท้าเตะไป
ไป๋ยี่เฟยใช้ขาป้องกัน ยืมแรงออกแรง สวีลั่งนั้นเตะไม่โดนไป๋ยี่เฟยแม้แต่ครั้งเดียว กลับกันถูกไป๋ยี่เฟยเตะไปหลายครั้ง ครั้งนี้ก็ได้ทำให้เขารู้สึกอึดอัดอีกครั้ง
“หยุด!” สวีลั่งจะไม่ร้องหยุดออกมาไม่ได้ “นี่มันไม่มีทางต่อยได้!”
ไป๋ยี่เฟยหยุดลง หอบเล็กน้อย “เป็นไง?”
“ไม่เลว” สวีลั่งพยักหน้า ระดับอย่างเขา สามารถที่จะต่อยได้ขนาดนี้ ก็สามารถพูดได้แล้วว่าไป๋ยี่เฟยมีความสามารถพอที่จะปกป้องตัวเองแล้ว แต่ว่าถ้าเจอเก่งกว่านี้ อาจจะยังไม่พอ
ไป๋หู่ดูจบก็ได้ชมออกมาเรียบๆ ว่า “การเตะนั้นไม่เลว การล็อกนั้นพอใช้ได้”
ไป๋ยี่เฟยยิ้ม “หนึ่งเดือนมานี้การฝึกฉันไม่ได้ศูนย์เปล่า”
หนึ่งเดือนมานี้ ทุกวันได้ฝึกสามอย่าง ทุ่ม ล็อก แล้วก็เตะ
ผู้หญิงคนนั้นพูดแล้ว แรงขาของคนนั้นมีมากกว่าแขนมาก บวกกับการเตะที่ดี สามารถที่จะแสดงแรงขาออกมาได้อย่างดี
เหมือนไป๋ยี่เฟยแบบนี้พึ่งกำลังเริ่ม เพื่อความรวดเร็ว ตอนที่ไป๋ยี่เฟยฝึกการเตะนั้นเป็นอะไรที่โหดเหี้ยมมาก ผู้หญิงคนนั้นได้เอากระสอบทรายยี่สิบกิโลให้เขาผูกขาไว้ ตอนที่ฝึกนั้นห้ามเอาออก
ไม่เพียงแค่นั้น ทุกวันเขานั้นใช้ขาเตะท่าเดียว ต้องเตะไม่หยุด สามารถพูดได้เลยว่าเตะได้เกินพันครั้ง ทั้งวัน รู้สึกว่าขาตัวเองนั้นไม่ได้เป็นของตัวเองแล้ว
ถึงแม้ว่าเป็นเวลาหนึ่งเดือนสั้นๆ แต่ไป๋ยี่เฟยมีพรสวรรค์ ผลของการฝึกนั้นไม่เลว หนึ่งเดือนที่ได้เตะมากกว่าพันครั้งติดต่อกัน ต่อให้คนโง่ก็สามารถที่จะจดจำเป็นความจำกล้ามเนื้อได้
ส่วนการล็อกนั้น ก็แค่ตัวเสริม เพราะว่าวิธีการกอดล็อกของไป๋ยี่เฟย เป็นสัญชาตญาณของเขา ก็ถือว่าเป็นพรสวรรค์ของการล็อกตัว ผู้หญิงคนนั้นถึงได้ให้ไป๋ยี่เฟยเรียนรู้การล็อกตัว
สวีลั่งจัดการเสื้อผ้า ถึงได้พูดออกมาช้าๆ ว่า “ยังไม่พอ ไม่กี่ปีมานี้ฉางเชี่ยวก็พัฒนาขึ้น”
“กี่ปีก่อนที่ได้ประมือกับเขา ตอนนั้นพวกเราเสมอกัน แต่ไม่กี่ปีนี้ เขาต้องพัฒนาขึ้นแล้วแน่ๆ เพราะงั้น นายคนเดียวอาจจะชนะเขาไม่ได้”
ไป๋ยี่เฟยเงียบไปสักพักก็ได้พูด “นายพูดแบบนี้ หมายความว่าไม่กี่ปีมานี้นายได้หยุดอยู่กับที่?”
ไป๋หู่หรี่ตามองไป๋ยี่เฟย “นี่ไม่ใช้จุดที่นายต้องสนใจ”
“ก็ได้!” ไป๋ยี่เฟยหยักไหล่ “ยังไงซะพวกนายตามฉันไป ถ้าเกิดมีอะไรขึ้น ออกมาก็พอ”
“ให้พูดอีก ฉันก็ไม่เชื่อว่า ฉางเชี่ยวจะมาเองคนเดียว”
สวีลั่งอธิบาย “เขาอาจจะมาเองคนเดียวจริง คนคนนั้นนอกจากเป็นคนที่หัวทึ้มแล้ว ก็เป็นคนที่พูดคำไหนคำนั้น”
ไป๋ยี่เฟยก็ได้หยุดไปไม่กี่วิ ถามต่อ “เขาบอกว่าให้ฉันไปคนเดียว ไม่ได้บอกว่าเขาไปคนเดียว”
คำพูดนี้……ก็มีเหตุผล
……
ไป๋ยี่เฟยได้รับสายจากเฉินอ้าวเจียว “ป้ายทะเบียนรถเป็นของฉุงลี่หย่า คุณหนูของตระกูลฉุง น้องสาวของฉุงโยวเวย และก็เป็นว่าที่ภรรยาของฉางเชี่ยว”
ไป๋ยี่เฟยรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ธรรมดา แต่ก็ไม่ได้คิดถึงฉุงลี่หย่า ตอนนี้รู้ความจริง ก็ทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย
ตอนแรกเขายังคิดว่าฉุงโยวเวยไปทำให้หญิงสาวหลงใหล เพราะความเสียใจหญิงสาวก็ได้แก้แค้นให้เขา สุดท้ายคนอื่นเขาแก้แค้นแทนพี่ชายของตน!
“อืม ฉันรู้แล้ว”
วางสายไป ไป๋ยี่เฟยได้นวดระหว่างคิ้ว ฉุงลี่หย่ากับฉางเชี่ยวได้มาแล้ว งั้นฉางเชี่ยวต้องรู้แน่ๆ ว่าฉุงลี่หย่าได้ส่งคนมาฆ่าเขาก่อนหน้า!
และฉางเชี่ยวก็ได้ท้าดวลเขา ดูแล้วก็ได้ตัดสินใจแล้วว่าจะล้างแค้นให้ฉุงโยวเวย
แต่ไป๋ยี่เฟยคิดไม่ออก ถ้าเกิดเป็นฉางเชี่ยวล้างแค้น งั้นก็ไม่เกี่ยวกับตระกูลฉุง แต่ฉุงลี่หย่าก็มา การเป็นว่าที่สามีของฉุงลี่หย่า ฉางเชี่ยวมาล้างแค้นล่ะก็ ก็ไม่ได้เป็นเรื่องของเขาคนเดียวแล้ว แต่เป็นเรื่องของตระกูลฉุง
หรือว่าพวกเขาไม่กลัวคนของสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงจะกล่าวโทษเหรอ?
ช่างเถอะ ยังไงซะคืนนี้ไปเจอคนเขาก็พอ