บทที่ 447
“พวกนายลองไปหาแถวๆ นี้ดู ดูว่ามีคนรับบาดเจ็บไหม”
ที่ฉุงลี่หย่าคิดไว้ก็คือพวกเขาหนีออกไปแล้ว แต่ว่านานขนาดนี้แล้วยังไม่มาหาพวกเขา งั้นต้องได้รับบาดเจ็บแล้วก็สลบไปแล้วแน่ๆ เพราะงั้นต้องอยู่แถวๆ นี้แน่ๆ
ไป๋หู่กับสวีลั่งกลับไม่คิดแบบนั้น รอบๆ มองไปก็สามารถมองเห็น ถึงแม้ว่าพุ่งหญ้าค่อนข้างสูง แต่ก็ไม่ถึงขนาดที่จะไม่เจอ เพราะงั้นพวกเขาต้องจากไปแล้วแน่ๆ
ส่วนทำไมถึงได้จากไปนั้น แล้วทำไมถึงไม่บอกกับพวกเขา พวกนี้เจอพวกเขาแล้วถึงจะรู้
เป็นไปตามที่พวกเขาคิด รอบๆ ไม่มีใครเลย มีแค่พุ่งหญ้า
ฉุงลี่หย่าได้ยินแบบนั้นก็ได้สับสนไปชั่วขณะ ทำไมถึงไม่มีคน? ถ้าเกิดพวกเขาสามารถออกไปได้ ทำไมถึงไม่บอกกับคนอื่นสักคำ?
ฉุงลี่หย่าไม่เข้าใจ ไป๋หู่กับสวีลั่งก็ไม่ได้ไปสนใจเธอ ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาอยากทำคือไปหาไป๋ยี่เฟย เพราะงั้นไป๋หู่ได้นั่งรถที่ไป๋ยี่เฟยขับมา สวีลั่งก็ได้ไปขับรถที่พวกเขาขับมา
และแล้วตอนที่ไปถึงที่จอดนั้น ทั้งสองก็พบว่า รถไม่อยู่แล้ว
ไป๋หู่กับสวีลั่งจ้องหน้ากันเงียบๆ เดาได้ว่าเรื่องนี้ไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะงั้นทั้งสองก็ได้จากไป
……
แป๊บเดียวKTVนอกห้องชั้นสอง ชายหนุ่มได้เอาโทรศัพท์แล้วพูด “เจ้านายบอกว่าต้องเห็นศพ มั่นใจว่ามันตายไปแล้ว ถ้ายังไม่ตาย ก็แทงมันไปอีกสองที ส่งไปที่ขึ้นสวรรค์”
“แล้วก็คนที่ชื่อฉางเชี่ยว ถ้าเกิดอยู่ด้วยล่ะก็ ก็ให้ตายไปพร้อมกันเลย”
“จัดการให้เรียบร้อย ไม่ต้องเลือกร่องรอย รู้หรือยัง?”
“……”
“นายพูดว่าอะไรนะ? ไม่มีศพ?”
“นี่มันอะไร?”
ชายหนุ่มได้พูดออกไปด้วยความตกใจแล้วถามปลายสายที่ตอบกลับด้วยความระมัดระวัง “พวกเราดูอยู่ตลอดครับ พวกเขาหาคนไม่เจอ”
“งั้นพวกนายก็ตามบอดี้การ์ดสองคนของไป๋ยี่เฟย จำเป็นต้องหาคนให้เจอ หาเจอแล้วก็ฆ่ามันไปซะ!”
“ฆ่าใคร?”
เสียงที่อยู่ๆ ดังขึ้นจากหลังชายหนุ่ม ก็ทำให้ชายหนุ่มตอบออกไป “ก็ต้องฆ่าไป๋ยี่เฟยเซ่!”
พูดจบชายหนุ่มก็รู้สึกว่ามันผิดปกติ ก็ได้รีบหันหลัง ตอนที่เห็นว่าตรงหน้าเป็นไป๋ยี่เฟยที่เขาพูดถึง ก็ได้ทำตาโต “นาย…… นาย……”
โทรศัพท์ก็ได้ตกลงกับพื้นด้วยความตกใจ ชายหนุ่มได้สั่น แล้วก็ชี้ไปที่ไป๋ยี่เฟย
มุมปากของไป๋ยี่เฟยได้กระตุก แล้วก็ได้ใช้มือฟาดออกไป ชายหนุ่มก็ได้สลบทันที
เวลานั้น คนที่ยืนอยู่ข้างหลังไป๋ยี่เฟยอย่างฉางเชี่ยวก็ได้ค่อยๆ เดินออกมา พูดเรียบๆ “บุคลิกนายไม่เท่าไหร่เลยจริงๆ”
“เหมือนกันแหละเห็นน่า” ไป๋ยี่เฟยตอบ เมื่อกี้พวกเขาได้ยินหมดแล้ว ผู้ชายคนนี้พูดว่า ฉางเชี่ยวก็ต้องฆ่าด้วย
ฉางเชี่ยวก็ได้ขำอย่างเย็นชา “ฉันโดนนายลากมาซวยด้วย”
ไป๋ยี่เฟยเงยหน้าจ้องมองเขา ไม่พูดอะไร ก็ได้ถีบออกไป เปิดประตูห้องออก
ในห้องนั้นเล่นกันอย่างเฮฮา ได้ยินเสียงที่ดัง ทุกคนก็ได้พากันเงียบ มองไปยังประตู จากนั้นตอนที่เห็นไป๋ยี่เฟยกับฉางเชี่ยวนั้น พวกผู้หญิงก็ได้กรี๊ดออกมา
“ว๊าย!”
เสียงที่ดัง แล้วก็แหลม ก็ได้ทะลุออกมาจากห้อง มองยังทางเดินนอกห้อง ถ้าเกิดไม่ใช่KTV ที่ทุกคนได้วุ่นวายนั้น คาดว่าตอนนี้ก็ได้มีหลายๆ คนออกมาดูแล้ว
แต่มันไม่มี
ฉางเชี่ยวก็ได้ไปปิดประตูห้อง กวาดมองผู้คน ดูการแต่งกายของพวกเขาเหมือนคนชั้นสูง มองแล้วก็เหมือนว่าได้ออกมาร่วมปาร์ตี้กับพวกบริษัท
ไป๋ยี่เฟยก็มองออก แต่ว่าคนที่นี่นั้นเขาไม่รู้จักเลยสักคน นี่ทำให้เขาขมวดคิ้ว ไหนๆ ก็ไม่รู้จัก แล้วทำไมพวกเขาอยากจะฆ่าตน?
แล้ว ‘เจ้านาย’ ที่พูดชายคนนั้นพูดเป็นใคร?
“เจ้านายพวกนายเป็นใคร?” ไป๋ยี่เฟยก็ได้ถามออกไปตรงๆ
คนพวกนั้นได้เกาะกลุ่มกัน นั่งอยู่โซฟาข้างๆ ชายไม่กี่คนได้จ้องไป๋ยี่เฟย ถามออกไปว่า “นายเป็นใคร? ทำไมถึงบุกมาที่ห้องพวกเรา?”
“ใช่ นายเข้ามาผิดแล้วหรือเปล่า?”
“ดูทำเอาเพื่อนร่วมงานผู้หญิงของพวกเราตกใจจน ไม่มีมารยาทเอาซะเลย!”
“เข้ามาผิดแล้วก็รีบออกไป!”
ไป๋ยี่เฟยกับฉางเชี่ยวจ้องหน้ากันสักพัก จากนั้นไป๋ยี่เฟยก็ได้พูดอย่างเยือกเย็น “เลิกแสดงได้แล้ว เจ้านายพวกนายเป็นใคร?”
“เจ้านายพวกเราเป็นใครเกี่ยวอะไรกับนาย?” ชายหนุ่มร่างท้วมยืนขึ้นแล้วก็ชี้ไปที่ไป๋ยี่เฟย “นายอยากหาเจ้านายพวกเรา ก็ไปนัดเองที่บริษัท อย่าคิดจะเจอทางลัด”
“ใช่ เจ้านายของพวกเราไม่ใช่ใครก็เจอได้”
ไป๋ยี่เฟยเห็นแบบนั้น ก็ได้เดินเข้าไป ใช้มือจับที่นิ้วของชายหนุ่ม ออกมาแรงบิด ถามด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกว่า “เจ้านายพวกนายเป็นใคร?”
“โอ๊ย……เจ็บ เจ็บ ปล่อยมือ……ปล่อยมือ ไอ้สัตว์เอ๊ย……” ชายร่างท้วมเจ็บจนหน้าบิด ร่างกายก็ได้โค้งตาม หวังที่จะให้ความเจ็บของตนได้ทุเลาลง
ผู้ชายคนอื่นเห็นแบบนั้นก็ได้ยืนขึ้น “นายทำอะไร? ปล่อยเขา!”
ไป๋ยี่เฟยไม่สนใจ ก็ยังได้บิดนิ้วของชายหนุ่มเหมือนเดิม พูดอย่างเย็นชาว่า “ถามเป็นครั้งสุดท้าย เจ้านายของพวกนายเป็นใคร?”
“แม่ง!”
ผู้ชายอีกไม่กี่คนก็ได้เริ่มโมโห พับแขนเสื้อขึ้น เตรียมที่จะต่อย
ฉางเชี่ยวเห็นแบบนั้นก็ได้เดินเข้าไป กระชากคนที่จะมาต่อยไป๋ยี่เฟยคนหนึ่ง แล้วก็ต่อยไป ตอนที่ชายคนนั้นสะบัดหน้านั้น ฟันก็ได้หลุดออกมา จากนั้น “ตุ้ม” นั่งล้มไปกับพื้น
จากนั้น ไป๋ยี่เฟยก็ได้ปล่อยผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า ถีบออกไป แล้วก็ใช้มือจับหมัดที่จะมาถึงตรงหน้า แล้วก็ทุ่มลงไป
แล้วมีมีเสียง “ตุ้ม” ขนาดเก้าอี้ก็ถูกชนออก ส่งเสียง “จื้ด” ออกมา
ผู้หญิงไม่กี่คนที่หลบอยู่ที่มุมนั้นเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าก็ได้กรี๊ดออกมา
“ว๊าย!”
ฉางเชี่ยวกับไป๋ยี่เฟยร่วมมือกันได้อย่างดี ก็ได้ล้มชายหนุ่มสี่ห้าไปในพริบตาเดียว เจ็บจนลุกขึ้นมาไม่ได้
ไป๋ยี่เฟยก็ได้เหยียบชายร่างท้วมคนนั้น “จะพูดหรือไม่พูด? ไม่พูดฉันฆ่านายเลยตอนนี้!”
ชายร่างท้วมได้ยินแบบนั้นก็ได้ทำตาโต เต็มไปด้วยความกลัว
“ฉันพูด……ฉันพูด……”
คนอื่นไม่กี่คนเห็นแบบนั้นก็ไม่ได้ขัดขวาง เหมือนว่ากลัวไป๋ยี่เฟยฆ่าพวกเขา
“พูด!”
ชายร่างท้วมก็ได้รีบพูดออกไปว่า “เป็นตระกูลฉุง เจ้านายของพวกเราเป็นคนของตระกูลฉุง”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินแบบนั้นก็ได้ขำออกมาเบาๆ ขาก็ได้ออกแรงเพิ่มอีก “คนของตระกูลฉุง?”
“ใช่ เป็นคนของตระกูลฉุง” ชายร่างท้วมได้พยักหน้าสุดแรง
ไป๋ยี่เฟยมองไปยังฉางเชี่ยว ฉางเชี่ยวสีหน้าไม่ค่อยดีนัก ก็ได้ด่าคำหยาบออกไป “พูดรวมตัวกันอะไร!”
“พุ่……ฮ่าๆ ……” ไป๋ยี่เฟยทนต่อไปไม่ได้ ขำออกมา
เพราะว่าสีหน้าที่จริงจังของฉางเชี่ยว บวกกับให้ไป๋ยี่เฟยรู้สึกว่าเขารักษากฎแบบนั้น อยู่ๆ ก็ได้ด่าคำหยาบออกมา ทำไมถึงได้ตลกแบบนี้
สีหน้าของฉางเชี่ยวก็ได้เสียกว่าเดิม ยังไงซะคำหยาบก็ได้พูดออกมาแล้ว ก็ไม่แคร์ว่าจะพูดออกมาอีก “นายขำเหี้ยอะไร?”
ไป๋ยี่เฟยอึ้งเล็กน้อย จากนั้นก็ได้พูดอย่างแหย่ๆ ว่า “ฉันก็ได้ขำเหี้ยไง!”
หน้าของฉางเชี่ยวก็ได้เสียทันที
คนอื่นเห็นแบบนั้นสีหน้าก็ได้เปลี่ยน สายตาเหมือนได้ส่งสัญญาณอะไร
เพราะว่าในห้องนั้นค่อนข้างมืด ไป๋ยี่เฟยกับฉางเชี่ยวสังเกตไม่เห็นสายตาของพวกเขาว่ามีปัญหา ไป๋ยี่เฟยหัวเราะเสร็จ ก็ได้ออกแรงเหยียบ “ให้โอกาสนายเป็นครั้งสุดท้าย เจ้านายของพวกนายเป็นใคร?”
“เดี๋ยว ฉันก็บอกไปแล้วไง!” ชายร่างท้วมรู้สึกว่าตัวเองนั้นซวยมากๆ
ไป๋ยี่เฟยก็ได้ขำออกมา “ไหนๆ ก็มาฆ่าฉัน งั้นพวกนายไม่รู้เหรอว่าเขาเป็นใคร?” พูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็ได้ชี้ไปที่ฉางเชี่ยว
สีหน้าของชายร่างท้วมได้เปลี่ยน เขาต้องรู้อยู่แล้วว่าเป็นใคร แต่เจ้านายสั่งไว้แล้ว ไม่ว่ายังไง ก็ได้บอกว่าเป็นคนของตระกูลฉุง
“ตระกูลฉุงตอนนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา!” ชายร่างท้วมได้มองลงแล้วก็ตอบ
ไป๋ยี่เฟยมองสักพักฉางเชี่ยว ก็ได้พูดออกไปเรียบๆ ว่า “งั้นกับฉุงลี่หย่าก็ไม่เกี่ยว?”