บทที่ 448
ฉุงลี่หย่าเป็นคุณหนูของตระกูลฉุง พวกเขาจะล้างแค้น จะเอาชีวิตของลูกสาวตัวเองไปเกี่ยวข้องด้วย?
เพราะงั้นตอนที่ไป๋ยี่เฟยได้ยินว่าเป็นตระกูลฉุงนั้น ก็รู้ว่าคนคนนี้โกหก น่าจะเป็นเพราะว่าเจ้านายของพวกเขาสั่งมาแบบนี้
ชายร่างท้วมได้ยินที่ไป๋ยี่เฟยพูดก็ได้อึ้ง ฉุงลี่หย่าเขาก็รู้จัก นั่นเป็นคุณหนูของตระกูลฉุง เป็นน้องสาวของฉุงโยวเวย แต่ว่าทำไมถึงไปเกี่ยวกับฉุงลี่หย่า
เพราะว่าพวกเขาไม่รู้ ตอนที่ฉางเชี่ยวไปสถานที่นัดนั้น ฉุงลี่หย่าก็ได้ไปด้วย
ฉางเชี่ยวเห็นแบบนั้นก็ได้ขำออกมาอย่างเยือกเย็น “ไม่ต้องเสียเวลาแล้ว พวกเขาไม่มีทางพูดหรอก ฆ่ามันไปเลย!”
“พวกนาย……พวกนาย……” คนพวกนั้นได้ถูกฉางเชี่ยวทำเอาตกใจ ตอนที่ฉางเชี่ยวพูดว่าฆ่าคนนั้นเหมือนเป็นการเกี่ยวผักธรรมดา ทั้งชิว แล้วก็ตามใจ
ไป๋ยี่เฟยร้องจึออกมา แล้วก็ถีบชายร่างท้วมออกไป “พอแล้ว ไปกันเถอะ!”
คนพวกนี้ก็ไม่ได้ทำอะไรที่ดูเกินไปกับเขา ก็ไม่ต้องถึงขั้นฆ่า คนที่สมควรถูกฆ่านั้นเป็นเจ้านายเบื้องหลังพวกเขา แต่ก็ไม่รู้เพราะว่าอะไร คนพวกนี้ถึงได้ปิดปากเงียบขนาดนี้ ต่อให้มีข่าวคราวอะไรก็ไม่ยอมที่จะพูดมันออกมา
ฉางเชี่ยวเห็นแบบนั้นก็ได้มองไป๋ยี่เฟยด้วยความประหลาดใจ “ปล่อยไปแบบนี้?”
“ไม่อย่างนั้น?” ไป๋ยี่เฟยหยักไหล่
ฉางเชี่ยวร้องหึออกมา พูดอย่างไม่สะทกสะท้านว่า “ยังไงซะก็ไม่ได้มาฆ่าฉัน”
พูดจบ ฉางเชี่ยวก็ได้เดินออกไปข้างนอกก่อน
ไป๋ยี่เฟยกวาดมองคนในห้องเสร็จ ถึงได้ออกไป
“นี่ ไปดื่มแก้วนึ่งไหม?” ไป๋ยี่เฟยถามฉางเชี่ยว
“จะดื่มก็ต้องหาที่ที่ดื่มได้หรือเปล่า?” ฉางเชี่ยวก็ได้หึออกมาแล้วพูด
ไป๋ยี่เฟยหัวเราะ “ปะ ตอนมาเมื่อกี้เห็นบาร์ร้านหนึ่ง”
เพราะงั้น ไป๋ยี่เฟยกับฉางเชี่ยวก็ได้ไปบาร์
……
ในห้อง รอมั่นใจว่าพวกเขาไปแล้วนั้น สีหน้าของทุกคนก็ได้กลับมาเป็นปกติ ยังมีผู้หญิงคนหนึ่งไปเคาะประตูห้องน้ำ
ไม่นาน ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออก หลิ่วจาวเฟิงได้เดินออกมาจากข้างใน
เมื่อกี้ผู้ชายคนนั้นออกไปโทรศัพท์นั้นหลิ่วจาวเฟิงก็ได้ไปเข้าห้องน้ำ ตอนที่เขาเตรียมตัวออกมานั้นก็ได้ยินเสียงกรี๊ดในห้อง รู้ว่าเกิดเรื่องแล้ว เพราะงั้นก็ได้อยู่ในห้องน้ำตลอดไม่ออกมา
ไป๋ยี่เฟยเพื่อที่จะถามคำถามนั้น ก็ได้ปิดเสียงเพลงไป เพราะงั้นหลิ่วจาวเฟิงได้ฟังเสียงของไป๋ยี่เฟยได้อย่างชัดเจน
ไป๋ยี่เฟยยังไม่ตาย! เขายังมาหาถึงที่นี่
ตอนนั้นหลิ่วจาวเฟิงกลัวมากๆ โชคดีที่คนของเขารู้ว่าควรพูดอะไร ไม่ควรพูดอะไร ไม่ได้หลุดเรื่องเขาไป
หลิ่วจาวเฟิงก็ได้มองทุกคนโดยความพอใจ “ดีมาก รออีกไม่กี่วัน พวกนายก็จะเป็นหัวหน้าระดับสูงคนใหม่ในโหวจวี๋กรุ๊ป”
“ครับ/ค่ะ เจ้านาย”
หลิ่วจาวเฟิงหัวเราะ ไป๋ยี่เฟยยังไม่ตาย เขารู้สึกเสียดาย แต่ไม่เป็นไร ไม่ตายก็ไม่ตาย ยังไงซะไป๋ยี่เฟยก็โดนตระกูลฉุงกับตระกูลเย่ตามไล่ล่า ตายเป็น เรื่องไม่ใกล้ตัว
แต่ว่าโหวจวี๋กรุ๊ป เขาคิดว่า ถึงเวลาแล้ว
……
ไป๋ยี่เฟยกับฉางเชี่ยวมาถึงที่บาร์ ไม่ได้เหมาห้อง แต่นั่งอยู่ที่บาร์ดื่ม
ทั้งสองต่างสั่งคนล่ะแก้ว แล้วก็ชนแก้วอย่างรู้ใจ จากนั้นก็พากันดื่ม
ตอนแรก ทั้งสองไม่พูดอะไร ผ่านไปไม่กี่นาที ไป๋ยี่เฟยถึงได้พูดออกมา “การดวลของพวกเรายังไม่จบ”
“อืม” ฉางเชี่ยวพยักหน้า “ต่อกันตอนนี้?”
ไป๋ยี่เฟยโบกมือ สีหน้าตกใจ “ไอ้สัตว์ นายไม่เหนื่อยเหรอ?”
ฉางเชี่ยวส่ายหน้า “ฉันจะล้างแค้นให้ฉุงโยวเวย ล้างแค้นให้เร็วหน่อย ก็สบายใจเร็วหน่อย”
“เพราะว่าฉุงโยวเวยเป็นเพื่อนสมัยเด็ก เพราะงั้นนายเลยอยากล้างแค้น?” ไป๋ยี่เฟยถามอย่างอดไม่ได้
ฉางเชี่ยวพยักหน้า “ใช่ เขาเป็นเพื่อนสมัยเด็กที่ดีที่สุดของฉัน”
“งั้นนายรู้จักเขาตอนโตไหม?” ไป๋ยี่เฟยถามออกไปเรียบๆ แล้วก็ได้ดื่มไปคำ
ฉางเชี่ยวอึ้ง “ฉันได้ฝึกกับอาจารย์ ร่วมการแข่งขันมาตลอด พึ่งกลับมาไม่นาน……”
“หมายความว่านายไม่รู้จักเลยแม้แต่นิด” ไป๋ยี่เฟยพูดออกไปอย่างมั่นใจ “งั้นนายรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงต้องฆ่าเขา?”
“ทำไม?” ฉางเชี่ยวถาม นี่ก็เป็นอะไรที่เขาอยากจะรู้มากที่สุด
ไป๋ยี่เฟยมองเขาด้วยความแปลกใจ “นายไม่ได้ไปสืบเรื่องพวกนั้นจริงๆ ด้วย”
ถ้าเกิดฉางเชี่ยวได้ไปสืบเรื่องราวความเป็นมาทั้งหมด คาดว่าคงไม่มีท่าทางแบบนั้น ก็ต้องรู้ว่าทำไมเขาถึงต้องฆ่าฉุงโยวเวยแล้ว
ฉางเชี่ยวก็ได้ไอออกมาอย่างทำตัวไม่ถูก “ที่จริงนายเป็นคนฆ่าฉุงโยวเวย ไม่ใช่เหรอ? เกี่ยวอะไรกับเหตุผล?”
ไป๋ยี่เฟยส่ายหน้า “นายบอกว่าชีวิตต้องแลกด้วยชีวิต เป็นแบบนั้นจริง”
“เริ่มแรก ฉันไม่ได้รู้จักเขาเลยแม้แต่นิด แต่เพราะเหตุผลอะไรบางอย่าง เขาจะฆ่าฉัน ก็ได้ส่งคนมาตามฆ่าฉัน”
“วันนั้น เป็นวันแต่งงานของพี่ฉันพอดี ที่จริงก็ดึกแล้ว ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาหรอก แต่เขาเห็นศัตรูของฉัน ก็ได้ตามมา”
“ตอนนั้น คนที่อยู่ในเหตุการณ์หลายคน มีจะฆ่าฉันบ้าง มีจะปกป้องฉันบ้าง แต่ก็เป็นเพราะระเบิดอันนั้น ตายก็ตายไป บาดเจ็บก็บาดเจ็บไป”
“พี่ชายของฉันคนนั้น กระดูกสันหลังเสียหาย กลายเป็นเจ้าชายนิทรา”
“นายรู้ไหมว่าเหตุการณ์เป็นผลกับภรรยาที่พึ่งแต่งงานกับเขายังไงไหม ผลกระทบหนักเท่าไหร่รู้ไหม? ใช่ ภรรยาที่พึ่งแต่งกับเขา เป็นเพื่อนสนิทเมียฉัน นายน่าจะคิดออกใช่ไหมเป็นยังไง!”
ไป๋ยี่เฟยพูดจบก็ได้ดื่มเหล้าอีก “พี่ของฉันยังไม่ตาย แต่ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับตายไปแล้ว ยังมีอีกสองคน ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นศัตรู แต่ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นเพื่อน แต่พวกเขา ก็ได้ตายเพราะฉัน”
“ถ้าเกิดเป็นนาย นายจะทำยังไง?”
ฉางเชี่ยวเงียบไป มืออีกข้างที่ได้วางลงนั้นก็ได้กำเป็นหมัด
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะกลายเป็นแบบนี้
เขาก็เป็นคนที่หนักแน่นในความรู้สึก ไม่อย่างนั้นก็ไม่ล้างแค้นให้เพื่อนสมัยเด็ก แบบไม่ถามเหตุผลแบบนี้หรอก
เพราะงั้นตอนที่ได้ฟังเหตุผลที่ไป๋ยี่เฟยเล่ามานั้น เขาชื่นชอบในตัวของไป๋ยี่เฟยมาก แต่ประเด็นก็คือ เขานั้นได้ฆ่าฉุงโยวเวยจริง ทำให้เขาได้ลังเล
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้สนใจฉางเชี่ยว ก็แค่ดื่มเหล้าของตัวเองไป
คำพูดเมื่อกี้ของเขาก็ได้ทำให้เขานึกถึงเหตุการณ์ตอนนั้น แล้วก็ถึงตอนที่โจวฉวี่เอ๋อร้องไห้เสียใจอย่างหนัก ฉินหัวนอนบนเตียงคนไข้ด้วยใบหน้าที่ไร้เลือด ทั้งหมดนั้น ทำให้ใจของเขานั้นเหมือนถูกอะไรเผาไหม้ ทรมานมากๆ
ผ่านไปนาน ฉางเชี่ยวก็พูดออกมาเรียบๆ “การดวลยังต้องดำเนินต่อไป”
“อืม” ไป๋ยี่เฟยก็ได้พยักหน้าอย่างไม่ตกใจอะไร สุดท้ายก็ได้ดื่มเหล้าไปจนหมด “เวลาการดวลค่อยนัดอีกที ช่วงนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีแล้ว”
ฉางเชี่ยวไม่ได้เห็นต่าง
เวลานี้ ตอนที่ไป๋ยี่เฟยกำลังลุกขึ้น อยู่ๆ ฉางเชี่ยวก็ได้กดเขาลง ไป๋ยี่เฟยงง “ทำไม? อยากจะลงมือตอนนี้?”
สายตาเย็นชาของฉางเชี่ยวก็ได้มองไปทางข้างหลังของไป๋ยี่เฟย เหมือนรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง
ไป๋ยี่เฟยพบว่ามันไม่ปกติ ก็ได้หันไปดู เห็นคนไม่กี่คนที่ได้แต่งตัวดีนั่งดื่มเหล้าที่มุมร้าน ไป๋ยี่เฟยก็ได้หันหน้าไปดู พวกเขาก็ได้รีบหันกลับไป
ต่อให้คนพวกนั้นทำตัวเหมือนเป็นนักเลงกระจอกกระจอก แต่แรงความอยากฆ่าของพวกเขาไม่ได้ซ่อนไว้ดีนัก แค่มองแวบเดียวก็สามารถที่จะรู้สึกได้
ไป๋ยี่เฟยเข้าใจเลยทันที ก็ได้หันไปพูดกับฉางเชี่ยว “เห็นทีก็มีคนจะมาฆ่าฉันอีกแล้ว”
“ไม่แน่อาจจะเป็นอันนั้น?” ฉางเชี่ยวเหมือนไม่สนใจเลยแม้แต่นิด กลับทำตัวสบายๆ ขึ้น
ไป๋ยี่เฟยเลิกคิ้ว จากนั้นก็หยักไหล่ “ไม่เป็นไร จริงด้วย เวลาการดวลเดี๋ยวค่อยนัดอีกที ฉันมีธุระต้องจัดการ ขอตัว”
ฉางเชี่ยวเรียกไป๋ยี่เฟยไว้ “เดี๋ยวก่อน ฉันช่วยนายได้”
ไป๋ยี่เฟยตกใจเล็กน้อย “ทำไม?”
ฉางเชี่ยวก็ได้ตอบไปอย่างจริงจัง “ฉันหวังว่าตอนที่ฉันได้ดวลนั้นยังมีคนดวลด้วยอยู่ แล้วก็ยังต้องปกติอยู่ครบ ยังไงซะฉันก็เป็นคนที่ยุติธรรมมากๆ ไม่เอาเปรียบใคร”